Ep.877 - วันสุดท้าย
2/5
Ep.877 - วันสุดท้าย
ระหว่างฉินเฟิงออกไล่ล่า คู่ดวงตาของหุ่นยนต์เกราะทมิฬ สว่างวาบทันใด
“เริ่มคำนวณวิถีโจมตี เตรียมพลิกสถานการณ์!”
วินาทีต่อมา ร่างของหุ่นยนต์เกราะทมิฬพลันถูกห่อหุ้มไปด้วยอักษรรูนสีหมึก
มันเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด
สำหรับฉินเฟิง การเร้นกายของมัน แน่นอนว่าเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อักษรรูนมืดพวกนี้ ไม่มีผลใดๆต่อเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ฝั่งหุ่นยนต์เกราะทมิฬไม่ทราบเรื่องนี้ ทำได้เพียงย้อนทบทวนกลยุทธ์การต่อสู้ของศัตรู แล้วประมวลผลออกมารับมือ
เมื่อซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ความเร็วของหุ่นยนต์เกราะทมิฬพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก มันเร็วกว่าในตอนแรกด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ การล่าถอยของหุ่นยนต์เกราะทมิฬ ทำแค่เพื่อเลี่ยงการโจมตีของฉินเฟิงเป็นหลัก หากให้พูด สมควรกล่าวว่าเป็นการหลบอย่างสมบูรณ์แบบ มิใช่หนีหัวซุกหัวซุน แต่ตอนนี้ ความเร็วที่มันระเบิดออกมา สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คน
เสมือนลำแสง หายวับไปในพริบตาเดียว ปรากฏกายขึ้นอีกที ก็มาอยู่เบื้องหลังฉินเฟิงแล้ว
เกราะทมิฬบนร่างศัตรู ชิ้นส่วนเล็กๆหลุดลอกออกทันใด ก่อนรวมตัวกันเป็นมีดเรืองแสงยาวหนึ่งเมตรและ--
--ฉัวะ!
คมมีดจ้วงโล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง เพียงพริบตา โล่ปราณกำลังภายในถูกเจาะเป็นรู
การโจมตีนี้ ช่างน่าหวาดกลัวนัก มันสามารถระเบิดอำนาจไปถึงขอบเขตของเลเวล S !
กระนั้น แม้โล่ปราณกำลังภายในถูกแทงทะลุ แต่มันยังไม่ถึงขั้นทำร้ายฉินเฟิง เพราะใบมีดไม่สามารถแทงลึกเข้ามาได้ เสียบคาอยู่บนโล่ปราณกำลังภายใน
ดวงตาของหุ่นยนต์เกราะทมิฬสว่างวาบออกมาอีกครั้ง คำนวณแผนการรบครั้งต่อไป
วินาทีต่อมา มีดที่สาดประกายสดใส ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานอันน่าสะพรึงที่มองไม่เห็นทันที ก่อนเกิดการระเบิดอย่างสิ้นเชิง
บรึ้มมม!
พลังงานมหึมาเกิดการแตกตัว ระเบิดสิ่งปลูกสร้างแทบทั้งหมดในรัศมี 1,000 เมตร
กระทั่งหมาจักรกลที่อยู่ห่างออกไปนับ 10 กิโลเมตร เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจยังคิดว่าฉินเฟิงไม่รอดแน่ๆ แล้วต่อไปมันควรทำอย่างไรดี?
แต่ในตอนนั้นเอง คลื่นพลังงานอันทรงพลังอีกระลอกปะทุออกมา คราวนี้ เป็นเปลวเพลิงลุกโชนน่ายำเกรง
มังกรไฟโผล่จากดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ ร่างของมันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนม้วนตัวกลับ ดิ่งลงล่างด้วยความโกรธ ตามมาติดๆด้วยเสียงตูม! เกิดระเบิดในวินาทีต่อมา
นี่คือการตอบโต้ของฉินเฟิง!
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย ในชั่วพริบตาก่อนเกิดการระเบิด พลังงานนั้นเกือบกวาดทำลายร่างของฉินเฟิงให้หายวับไป แต่ฉินเฟิงปลดปล่อยเทคนิคมังกรไฟออกมาได้ทันเวลา ต้านทานคลื่นกระแทกโดยรอบ จากนั้นสั่งมันโจมตีฝ่ายตรงข้าม
มังกรไฟทิ้งดิ่งลง แต่เห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์เกราะทมิฬไม่อยู่ในจุดเดิมแล้ว
การปะทะกันระหว่างทั้งสอง ช่างน่าตื่นตา และระทึกใจยิ่งนัก
โปรแกรมที่ถูกฝังมาตั้งแต่กำเนิดของหุ่นยนต์เกราะทมิฬ เหมือนจะถูกตั้งค่าตามคุณสมบัติของนักฆ่า หากคุณจับตัวมันไม่ได้ ก็ต้องเผชิญการโจมตีที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของมัน
และน่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ฉินเฟิงคว้าน้ำเหลว ยังไม่สามารถจับตัวมันได้
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเริ่มระวังตัวมากขึ้น เขาทราบแล้วว่าหุ่นยนต์เกราะทมิฬถูกตั้งโปรแกรมในรูปแบบนักฆ่า บวกกับชุดเกราะทมิฬที่มันสวมใส่ และความเร็วที่ไม่ธรรมดา หากอีกฝ่ายสบโอกาสลงมือได้จริงๆ อาจเป็นหัวของฉินเฟิงที่หลุดจากบ่า
หุ่นยนต์ตัวนี้ทรงพลังมาก เกราะสมบัติของมันมีความแข็งแกร่งในเลเวล A เป็นอย่างน้อย เมื่อทุกอย่างที่อธิบายมาผสานรวมเข้าด้วยกัน ต่อให้คิดลอบสังหารเลเวล S ก็ยังเป็นไปได้
เช่นเดียวกับสิ่งที่กวนจินฮ่าวคิดลงมือทำในอนาคต
และในตอนนี้เป้าหมายของหุ่นยนต์ที่ครอบครองคุณสมบัติเหล่านั้นครบถ้วน กำลังคิดสังหารฉินเฟิง
ห้ามลืมนะว่าปัจจุบันฉินเฟิงมีเฉพาะกำลังภายในเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขายังอยู่แค่เลเวล B ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หุ่นยนต์เกราะทมิฬมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่จะลงมือสำเร็จ
ฉินเฟิงเริ่มเร้นกายบ้าง ตอบโต้การลอบสังหารของฝ่ายตรงข้าม
แม้ร่างของหุ่นยนต์เกราะทมิฬกับฉินเฟิงจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่ต่างฝ่ายต่างยังคงสามารถตรวจสอบร่องรอยกันและกัน ย้อนรอยถึงเป้าหมายได้
“หากคิดเป็นนักฆ่า ฉันคงต้องฝึกอีกเยอะจริงๆ!”
ฉินเฟิงซ่อนกลิ่นอายของเขา , ยับยั้งการหายใจและการเต้นของหัวใจ เขาต้องลอบสังหารเหอเทียนสิงในอนาคต ดังนั้น ขอใช้โอกาสนี้ฝึกฝนไปในตัวเลยแล้วกัน!
ฉินเฟิงกับหุ่นยนต์เกราะทมิฬ ต่างฝ่ายต่างซุ่มซ่อน หากสบโอกาสเมื่อไหร่ พร้อมระเบิดโจมตีได้ตลอดเวลา
ทั้งสองไล่ล่ากันและกัน บางครั้งบนดาวศักดิ์สิทธิ์ระเบิดคลื่นแสงจากการต่อสู้รุนแรงออกมา
การต่อสู้ในครั้งนี้ กินเวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน
ณ ตำแหน่งห่างไกล
หมาจักรกลเฝ้ารับชมการต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับหุ่นยนต์เกราะทมิฬ เวลายิ่งล่วงเลย หมาจักรกลก็ยิ่งสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าฉินเฟิงยังคงต่อสู้อย่างสะดวกสบาย แม้เวลาผ่านพ้นไปถึงหนึ่งวันเต็ม ตัวเขากลับปราศจากร่องรอยใดๆของความเหนื่อยล้า
กระทั่งมีจังหวะเข้าสังหารหุ่นยนต์เกราะทมิฬอยู่หลายครั้ง แต่ฉินเฟิงไม่คิดลงมือ เลือกใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือฝึกฝนตัวเอง
การต่อสู้ดำเนินต่อไป ฉินเฟิงยิ่งมายิ่งพัฒนาและว่องไวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ยังคงโคจรอยู่ตลอดเวลา เมื่อหนึ่งวันผ่านพ้นไป ดาวศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มเข้าใกล้ตำแหน่งของดินแดนล่มสลายเผ่าวิญญาณ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อกระชั้นชิดเข้ามา ตำแหน่งบนภาคพื้นที่อยู่ใกล้ที่สุดกับดาวศักดิ์สิทธิ์ คือซากเมืองปรักหักพัง
หุ่นยนต์เกราะทมิฬหยุดการต่อสู้ลงอย่างกะทันหัน ขยับกายเคลื่อนไหวไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ฉินเฟิงเกิดความฉงน ไม่ทราบว่าทำไม แต่ยังคงวิ่งไล่หลังไป
หุ่นยนต์เกราะทมิฬตระหนักถึงการไล่ตามของฉินเฟิง มันก็ยิ่งเร่งความเร็วมากขึ้น!
หวืออออ!
หุ่นยนต์เกราะทมิฬทะยานตัว กระโดดเข้าไปในจานขนาดใหญ่ที่เคยอธิบายไว้ตอนแรก เห็นได้ชัดว่าเจ้าสิ่งนี้คืออุปกรณ์สำหรับฉายรังสีพลังงาน
แทบจะในทันที พลังงานจากทั้งตัวของหุ่นยนต์เกราะทมิฬ ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
หุ่นยนต์เกราะทมิฬ แม้ครอบครองพรสวรรค์ในการต่อสู้ชั้นยอด แต่โปรแกรมต้นกำเนิดของมัน ถูกตั้งไว้ว่า ภารกิจสำคัญที่สุด คือการฉายรังสีพลังงาน
ต้องใช้พลังงานทั้งหมดที่มันดูดซึมมาในช่วงเวลา 15 วัน ปลดปล่อยออกไปในลมหายใจเดียว
แสงพรั่งพราวจากดาวเทียมเริ่มกระจายไปรอบๆ ต่อมา อุปกรณ์ที่เหมือนกับจานใบใหญ่ก็ยิงรังสีพลังงานออกไป
และเมื่อระยะห่างไกลออกไป รังสีเหล่านั้นก็ไม่คงรูปอยู่ในสภาพลำแสงอีกต่อไป แต่แตกกระจายเป็นจุดแสงสีสันสดใสแทน
นี่คือสิ่งที่วิญญาณต่างมิติเฝ้าปรารถนามากที่สุดในปีที่แล้ว เมื่อเวลานี้มาถึง พวกวิญญาณต่างมิติทุกตัวปรากฏขึ้น และเริ่มแย่งชิงพลังงานจากฟากฟ้า
เนื่องจากในปีนี้ ไม่มีการดำรงอยู่ของวิญญาณต่างมิติที่คอยปกป้องเกราะศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกแล้ว ดังนั้นเลยเปิดโอกาสให้วิญญาณต่างมิติตัวอื่นๆ ที่สามารถดูดซับแสงจากดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 20 เท่า
ปรากฏวิญญาณต่างมิติอย่างน้อย 30 ดวง ตัวสูงใหญ่กว่า 20 เมตร เดินออกมาจากจุดลับสายตาทีละตน ทีละตน จากนั้นพวกเขาก็ก้าวเท้าออกมารับของขวัญจากฟ้า กระทั่งเริ่มต่อสู้แก่งแย่งกัน
บรรดาลูกรักของพระเจ้าท่ามกลางซากปรักหักพัง ย่อมคว้าโอกาสทองนี้ เข้าต่อสู้เข่นฆ่าวิญญาณต่างมิติที่แข็งแกร่ง เพราะตัวไหนยิ่งแข็งแกร่ง ตัวนั้นก็ยิ่งครอบครองสมบัติล้ำค่า
ปัจจุบัน ฉินเฟิงเริ่มฉุกคิดได้ถึงเรื่องหนึ่ง
“ถ้าพลังงานจากเกราะทมิฬ ทั้งหมดถูกระบายออกไป นั่นไม่เท่ากับว่าหุ่นยนต์จะกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่าหรอกหรือ?”
คล้ายทราบถึงความคิดของฉินเฟิง หมาจักรกลขับเรือเหาะอวกาศ ร่อนลงจอดอีกด้านหนึ่งของดาวศักดิ์สิทธิ์ เพราะอย่างน้อยตรงนี้ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไรจากหุ่นยนต์เกราะทมิฬ!
“เจ้านาย หลังจากที่เกราะทมิฬปลดปล่อยพลังงานออกมาแล้ว ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันจะถดถอย ไม่มากเหมือนตอนแรกอีกต่อไป ถึงเวลานั้น คุณสามารถทำลายหุ่นยนต์ได้เลย แล้วชิงเอาเกราะทมิฬมา!”
“เป็นแผนที่ดี!”
ฉินเฟิงเองก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ฉินเฟิงกลับยังคงเกิดความโลภอยู่เล็กน้อย
เขาย้อนนึกไปถึงหุ่นเชิดเลเวล S ที่ได้รับจากมือคุนซาร์ ที่สามารถทำร้ายเหอเทียนสิงถึงเนื้อหนังได้โดยตรง และหุ่นยนต์เกราะทมิฬเบื้องหน้านี้ มันไม่ด้อยไปกว่าหุ่นเชิดเลเวล S อย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นแบบนั้น ฉินเฟิงสมควรนำมันกลับไปเป็นของขวัญให้เหอเทียนสิงดีหรือไม่? ในกรณีนี้ จะช่วยการันตีว่าเหอเทียนสิงไม่อาจดิ้นหลุดจากเงื้อมือเขาได้อย่างแน่นอน!
“แกช่วยเข้าไปควบคุมหุ่นยนต์เกราะทมิฬให้ฉันหน่อยจะได้ไหม?”
หมาจักรกลเพียงได้ฟัง ก็ได้ข้อสรุปทันที กล่าวเฉียบขาดอย่างไม่ลังเลว่า “ไม่!!”