บทที่ 61 โทร์วแมนริงส์ (6)
“เมื่อคืนเฟรย์ออกจากหมู่บ้านไปหรือเปล่า?”
"ใช่ ผมเดาว่าเขาไปทันทีหลังจากที่พูดกับมาสเตอร์เบเนียง ผมคิดว่าคุณรู้แล้วเสียอีก…”
"…ฉันเข้าใจละ"
เบเนียงถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าหมองบนใบหน้าของเธอ
เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรจริงๆเหรอ?
ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
มีตาข่ายเวทย์มนตร์อยู่ทั่วในป่า แต่สำหรับพ่อมดระดับเฟรย์เขาคงผ่านมันไปได้ไม่ยาก
“ช่วงเวลามันไม่ดีเอาซะเลย”
เบเนียงเห็นด้วยกับจิเซลลัน
ทันทีที่เขามาถึงเฟรย์ก็ได้มาเห็นตอนที่สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาถูกบาซิลิสก์เทลยึดไป
พวกเขาได้แสดงลักษณะที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่อแขกที่เตรียมที่จะได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะเสนอ
เบเนียงฝืนยิ้มเพื่อลบล้างบรรยากาศอันแสนเปรี้ยว
หลังจากประสบปัญหามากมายมันกลายเป็นธรรมชาติสำหรับเธอที่จะแสดงออกเช่นนี้
“เฮ้ อย่ายอมแพ้สิ! จนถึงตอนนี้พวกเราก็ทำได้ดีมมาด้วยตัวของเราเอง”
"คุณพูดถูก"
จิเซลลันและเฟอานน์ก้มหน้า
ทั้งคู่สังเกตเห็นรอยยิ้มฝืนๆของเบเนียง แต่พวกเขาไม่ได้แสดงความคิดเห็น
ตอนนั้นเอง
“มาสเตอร์เบเนียง”
"อา..."
เสียงฉับพลันทำให้เบเนียงหันกลับมา
เฟรย์ยืนอยู่ที่นั่น
จิเซลลันซึ่งเป็นนักรบเวทย์มนต์ยังรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ
นี่เป็นเพราะแม้ประสาทสัมผัสของเขาจะเหนือกว่าคนทั่วไป เขากลับไม่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเฟรย์จนเขาพูดออกมา
“เฟรย์? คุณไม่ได้ไปแล้วหรอ?”
เฟรย์เอียงศีรษะราวกับว่าเขาได้ยินอะไรแปลกๆ
“ผมจะไม่จากไปไหนโดยไม่กล่าวลาหรอก พอดีผมมีธุระที่ต้องดูแล”
“…ธุระ?”
จิเซลลันงงงวย
ธุระ?
เขามีธุระแถวนี้ด้วยหรือ?
สิ่งเดียวที่ควรทราบในภูมิภาคนี้คือสำนักงานใหญ่ของเซอร์เคิลเพียงไม่กี่แห่ง
“ผมเพิ่งคิดได้ตอนนี้ว่าผมลืมแจ้งให้พวกคุณทราบก่อนที่ผมจะออกไป ต้องขออภัยด้วยผมรีบมากเกินไป”
“ไม่เป็นไร.... ตามสบาย!”
เฟรย์มองไปที่เบเนียงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“…ผมอยากจะคุยกับมาสเตอร์เบเนียงสักครู่ โอเคไหม?”
"ใช่ ไม่เป็นไรพวกเราไปคุยที่บ้านของฉันดีกว่า "
"ใช่และผมหวังว่าออเนอเฟอานน์และออเนอจิเซลลันจะเข้าร่วมการสนทนากับเราได้”
พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน
“พวกเราขอรบกวนด้วย”
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของเบเนียงเฟรย์นั่งที่ปลายด้านหนึ่งของโต๊ะตัวใหญ่และหันหน้าไปทางพวกเขาและเขามองพวกเขาด้วยสายตาสงบ
จิเซลลันกลืนน้ำลายของเขา
เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อใดก็ตามที่เขามองเข้าไปในดวงตาของเฟรย์มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังมองไปที่เซอร์เคิลมาสเตอร์คนก่อนอย่างโอเซลอาร์เจนโต้
ไม่ไม่ใช่แค่โอเซล
ใบหน้าของมาสเตอร์ของสามเซอร์เคิลผู้ยิ่งใหญ่ฉายแววในความคิดของเขา
“ออเนอเฟอานน์เรื่องราวของคุณช่างน่าประทับใจจริงๆ”
"อย่างงั้นหรือ? อาใช่"
เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันต่อหน้ารูปปั้น เฟอานน์ก็พยักหน้าอย่างงุนงง
"ผม-"
เฟรย์เริ่มมองไปที่ทั้งสามก่อนหน้าเขา
“ตั้งใจที่จะปราบเดมิก็อดออกไปจากโลกนี้”
“อะไร - อะไร…”
มันเป็นคำพูดที่ไม่คาดคิด
เบเนียงเริ่มประหลาดใจแต่เมื่อเธอสบตาเฟรย์เธอก็ปิดปากโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง
เฟรย์พูดต่อช้าๆ
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำด้วยตัวผมเพียงคนเดียว ดังนั้นผมต้องการพันธมิตร แต่ผมพึ่งพาเซอร์เคิลไม่ได้”
“คุณหมายความว่ายังไงที่คุณพึ่งพาไม่ได้”
“ด้วยวิธีที่เซอร์เคิลถูกแบ่งออกและความจริงที่ว่าเซอร์เคิลพยายามควบคุมซึ่งกันและกันอยู่เสมอไม่มีทางเลยที่มันจะประสบความสำเร็จ”
เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียว
ขั้นตอนแรกในการเอาชนะเดมิก็อดจะเกิดขึ้นได้หลังจากทำสิ่งนั้นสำเร็จ
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเบเนียงและผู้บริหารคนอื่นๆนั้นแข็งกระด้าง
นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าคำพูดของเฟรย์เป็นไปไม่ได้เพียงใด
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเซอร์เคิลนั้นเป็นแบบนี่กี่มาหลายปีแล้ว
อย่างน้อยที่สุดในบันทึกที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้ก็ไม่มีการกล่าวถึงเซอร์เคิลที่เคยเป็นน้ำหนึงใจเดียว
"มันจะเป็นเรื่องที่ยากเอาการ"
เบเนียงยังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
มันยากที่จะบอกว่ามันเป็นไปได้แต่มันก็มากเกินไปที่จะเรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ
ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่นในเซอร์เคิลที่ไม่ใช่เบเนียงพวกเขาอาจจะคิดว่าเฟรย์นั่นบ้าไปแล้ว
เฟรย์รับทราบเรื่องนั้นดี
แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นแต่เบเนียงก็ยังคงจริงจังกับคำพูดของเขา
สิ่งนี้สำคัญมากเนื่องจากมันอาจกลายเป็นข้อได้เปรียบในอนาคต
"ฉันรู้"
“คุณจะไม่เปลียนใจแน่นะ”
“เป้าหมายของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
“…!”
ความรู้สึกแปลกๆดูเหมือนจะหมุนวนอยู่ภายในเบเนียงจีเซลลันและเฟอานน์เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะมองมันอย่างไรคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้ยินจากชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี
อย่างไรก็ตามแทนที่จะรู้สึกอึดอัดใจพวกเขากลับรู้สึกเป็นธรรมชาติ
"โทร์วแมนริงส์ ผมกำลังพิจารณาให้เซอร์เคิลนี้เป็นศูนย์กลาง”
“ศูนย์กลาง…?”
"ถูกตัอง ศูนย์กลางของเซอร์เคิล การที่จะยืนอยู่เหนือไม่เพียงแต่เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบิ๊กทรีด้วย”
“นั่น…”
จิเซลลันตกอยู่ในสภาพไม่เชื่อ
สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นไปไม่ได้แม้ว่าโทร์วแมนริงส์จะเคยอยู่ที่จุดสูงสุดมาแล้วก็ตาม
แม้แต่ตอนที่เซอร์เคิลมาสเตอร์โอเซลยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็มีความสามารถพอๆหรือน้อยกว่าบิ๊กทรีเล็กน้อยเท่านั่น
ก้าวข้ามพวกเขาและยืนอยู่บนสุดของเซอร์เคิล?
นั่นไม่ใช่อะไรมากไปกว่าความฝันที่เพ้อฝันในตอนนี้!
“มันยากที่จะอธิบายว่าการเปลียนแปลงจะต้องโหดเหมือนนรกต่อจากนี่ เราจะต้องทำงานจนกว่ากระดูกจะทรุดโทรม มันจะเป็นงานที่น่าสังเวชอย่างแท้จริง แต่พวกคุณต้องเตรียมพร้อมสำหรับมัน”
เฟรย์หยิบกระเป๋าของเขาออกมาและเทของลงบนโต๊ะ
“…!”
“นี่…!”
“ฉันไม่เชื่อเลย…”
พวกเขาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้
สิ่งของที่เฟรย์เพิ่งเทออกจากกระเป๋าล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาสูญเสียให้กับเซอร์เคิลอื่นๆ
ไม่...มันไม่ได้มีเพียงสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ผมจะดูแลส่วนนั้นเอง”
“เหตุผลที่คุณจากไปเมื่อคืน…”
เฟรย์พยักหน้า
“ผมปราบเซอร์เคิลขนาดกลางและเล็กหกเซอร์เคิลในพื้นที่หมดแล้ว พวกเขาจะไม่ลอบกัดหรือเป็นศัตรูกับโทร์วแมนริงส์อีกต่อไป”
จากนั้นเขาก็หันไปที่สิ่งประดิษฐ์
“ผมจะคืนสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ให้พวกคุณ”
“…มีเงื่อนไขสำหรับความช่วยเหลือของคุณหรือไม่?”
เฟรย์ส่ายหัว
“ไม่ นี่เป็นเพียงการชดใช้หนี้คืนเล็กน้อย”
“การชดใช้…พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณเลยนะ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่ามันเป็นของขวัญก็แล้วกัน”
"ฮะ?"
“ผมขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกกดดัน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมที่จะทำสิ่งนี้และผมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมายจากสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เช่นกัน”
มันเป็นคำพูดที่หยิ่งผยอง
มีกี่คนในเซอร์เคิลที่สามารถพูดคำเช่นนั้นออกมาได้โดยไม่ลังเล
กระนั้นเฟรย์ยังคงสงบนิ่งเนื่องจากเขาพูดความจริง
ไม่ใช่ว่าเขาโอ้อวดหลังจากภารกิจที่ยากหรือกำลังโกหก
นี่คือความคิดที่แท้จริงของเขา
“…”
เฟรย์พูดอีกครั้งอย่างใจเย็น
“ผมจะให้เวลาพวกคุณคิดเรื่องนี้สักวันหนึ่ง ผมไม่มีเวลาให้เสียไปมากกว่านี้”
“เดี๋ยวก่อน”
เบเนียงหยุดเฟรย์ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นจากที่นั่งและถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“…เฟรย์คุณเข้าใจดีว่าสิ่งที่คุณเพิ่งพูดนั้นยากที่จะเชื่อใช่ไหม?”
"แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ผมให้เวลาพวกคุณจัดการกับความคิดของคุณ”
“…ฉันไม่ต้องการเวลาคิดมากนักหรอกเพียงแค่ตอบคำถามหนึ่งข้อก็พอ”
เบเนียงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะมองไปที่เฟรย์ด้วยความมุ่งมั่นในดวงตาของเธอ
“มันจะทำได้จริงหรือ?”
คำถามนั้นดูเหมือนจะมีอารมณ์ทั้งหมดของเธอร่วมเข้าไปด้วย
จากผู้คนทั้งหมดในเซอร์เคิลนี้มีกี่คนที่เชื่อว่าพวกเขาสามารถเอาชนะเดมิก็อดได้อย่างแท้จริง
เบเนียงจำได้ว่าแม้แต่โอเซลพ่อของเธอก็ยังมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อยเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดถึงพวกเขา
ไม่ใช่แค่โอเซล
แม้แต่ผู้บริหารในเซอร์เคิลก็ต้องมีการแสดงออกที่แย่ลงทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงเดมิก็อดรวมถึงเซอร์เคิล
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคนที่สามารถพูดเกี่ยวกับเดมิก็อดด้วยความมุ่งมั่นเช่นนี้
พ่อมดระดับ 7 ที่ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของเขาเลย
แม้ว่าพวกเขาอาจดูเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดในเซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลาง แต่พวกเขาเป็นได้แค่ผู้บริหารในเซอร์เคิลใหญ่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้รู้สึกว่าเฟรย์เป็นกบในกะลาที่ประเมินพลังของตัวเองสูงเกินไป
ใช่ เบเนียงอาจคิดว่าเขาบ้าแต่เธอรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เฟรย์พูดออกมาจริงๆ
เธออยากจะเดินเส้นเดียวกันนั้นกับเขาจริงๆ
มันเหมือนกันสำหรับจิเซลลันและเฟอานน์
ถ้ามันเป็นกลลวงพวกเขาจะสามารถสังเกตเห็นได้ทันที
แต่จะเป็นกลลวงได้อย่างไรในเมื่อแววตาและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมใครอย่างชัดเจน
“ฉันจะเดิมพันทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย”
เบเนียงตัดสินใจแล้ว
วันที่การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของโทร์วแมนริงส์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง