ตอนที่ 21 ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา
เฉียวอันห่าวบันทึกภาพก่อนที่จะวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ เธอเอียงศีรษะมองผู้ชายข้างๆเธอ
แม้จะหลับไปเขาก็ยังคงปล่อยกลิ่นอายที่โดดเดี่ยวราวกับว่าเขาเกลียดการโต้ตอบของมนุษย์จริงๆ
เฉียวอันห่าวจ้องไปที่ลู่จินเหนียนอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานานก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของเขา
หัวใจของเธอสั่นไหวแล่นผ่านปลายนิ้วไปยังหัวใจของเธอ และหัวใจของเธอก็ต้นรัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ถ้าลู่จินเหนียนตื่นขึ้นมา เธอคงไม่มีทางทำตัวไร้สาระแบบนี้ได้
เฉียวอันห่าวตกอยู่ในภวังค์ ร่างกายเขาอยู่ห่างออกไปเพียงแค่เอื้อม แต่เหมือนกับว่าทั้งสองคนก็อยู่คนละโลกกัน
เธอเริ่มคิดถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อลู่จินเหนียน มันค่อนข้างเหลือเชื่อสำหรับเธอที่จะรักษาความรักข้างเดียวไว้อย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบสามปี
ตั้งแต่วัยรุ่นไร้เดียงสาอายุสิบสามปีไปจนถึงผู้หญิงที่โตแล้วอายุยี่สิบหกปี ในตอนนี้เฉียวอันห่าวใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่ออุทิศให้กับลู่จินเหนียนโดยไม่มีความลังเล ไม่รั้งรอ เธอมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา
ในขณะที่เธอคิดถึงความสัมพันธ์ข้างเดียวที่เจ็บปวดน้ำ ตาก็เอ่อคลอในดวงตาของเธอ และไหลลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอพูดกับลู่จินเหนียนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ลู่จินเหนียน คุณรู้ไหมฉันเคยฝันที่จะสารภาพรักครั้งนี้ และฝันว่าฉันจะได้บอกคุณว่า ฉันรักคุณ"
เธอหายใจเข้าลึก ๆ ช้าๆ จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อดึงแขนของลู่จินเหนียนออกไปและลุกออกจากเตียง
ทันทีที่เธอออกจากอ้อมแขนของเขา เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอเย็นลง
เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกขาด เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของลู่จินเหนียน แต่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง เธอค้นหารอบ ๆ และหาเสื้อเชิ้ตที่เรียบง่ายมาใส่แทน
ลู่จินเหนียนสูงกว่าเธอมาก ดังนั้นเสื้อเชิ้ตจึงยาวพอที่จะเป็นชุดเดรสได้
เฉียวอันห่าวไม่กล้าเข้าใกล้เตียงของเขาอีก เพราะกลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่ไกลออกไป
จากนั้นเธอก็หลับไปโดยไม่รู้สึกตัวอีกหลังจากครึ่งคืนนั้น เนื่องจากการนอนที่ไม่ค่อยสบายตัวของเธอ ทำให้เธอตื่นขึ้นในเวลาที่ดวงอาทิตย์กระทบใบหน้าเธอ เธอขยี้ตาและมองไปที่เตียง ก็เห็นลู่จินเหนียนยังคงหลับอยู่
เฉียวอันห่าวเดินไปที่เตียง เธอเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของลู่จินเหนียน เพื่อให้รู้ว่าไข้ของเขาลดลงหรือยัง แต่ก่อนที่เธอจะจับไปถึงหน้าผากของเขา เธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับแขนของเธออย่างลวก ๆ
เธอตกตะลึง มองไปโดยปะทะกับดวงตาของลู่จินเหนียน
เมื่อเพิ่งตื่นจากการหลับใหล ลู่จินเหนียนก็ยังตกอยู่ในความงุนงง เขาจ้องไปที่เฉียวอันห่าว ก่อนจะลดสายตามองลงไปที่ข้อมือของเธอที่เขากำอยู่ เขาพยายามคิดว่าทำไมเธอถึงจะยื่นมือมาสัมผัสเขา เขาพึมพำอย่างเย็นชา
"เธอกำลังพยายามทำอะไร?"
ในตอนนั้นลู่จินเหนียนจำได้ว่าเขาไปที่คฤหาสน์ในภูเขายี่ เขามองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยยืนยันว่าเขาอยู่ในห้องนอนที่คฤหาสน์ในภูเขายี่ เขาจ้องกลับไปที่เฉียวอันห่าวก่อนจะถามต่อว่า
"เธอรู้ได้ยังไงเกี่ยวกับสถานที่นี้ ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา?"
นาทีที่เขาถามเสร็จ เขาก็เหลือบไปเห็นเสื้อที่เธอสวมอยู่ เขาขมวดคิ้วโดยและตระหนักว่าใต้ผ้าห่มนั้นเขาไม่ได้สวมอะไรเลย ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาสองคนที่ฝังแน่นอยู่บนเตียงสว่างวาบ และเขากลับจ้องมองเฉียวอันห่าวอีกครั้ง เขาก็มองเห็นรอยจูบที่เกลื่อนไปหมดบนผิวของเธอที่ไม่ได้ถูกเสื้อปกปิดไว้
ลู่จินเหนียนออกแรงมากขึ้นที่มือที่จับแขนเฉียวอันห่าว
"เมื่อคืนนี้..."
คำสามคำนั้นเพียงพอที่จะทำให้เฉียวอันห่าวเสียวสันหลัง สิ่งที่เธอกลัวกำลังจะเกิดขึ้น...โดยสัญชาตญาณเธอก็เริ่มอธิบาย
"ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ก็เลยเอายามาให้ ... "
เธอหยุดกลางคันไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไร
แม้ว่าลู่จินเหนียนจะรู้สึกงุนงง แต่เขาก็ยังคงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ สารขมในปากของเขาคือยา และเธอก็จูบเขาเพื่อไม่ให้เขาคายมันออกมา ... ริมฝีปากของลู่จินเหนียนขยับ และการแสดงออกที่เย็นชาของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย
เฉียวอันห่าวยังคงตื่นตระหนก ขณะที่ลู่จินเหนียนยังคงเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
"ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เมื่อคืน ... "
ก่อนที่เฉียวอันห่าวจะพูดจบประโยค แขนของเธอก็ถูกลู่จินเหนียนสะบัดทิ้ง เธอเดินโซเซไปด้านหลังด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะทรงตัวได้ เสียงอันหยิ่งผยองของเขาก็ดังขึ้น
"เธอต้องการอะไร?"
คำทั้งห้าคำนั้น ทำให้เฉียวอันห่าวพูดไม่ออก และไม่สามารถประมวลผลได้ เธอมองเขาด้วยความสับสน
ลู่จินเหนียนเห็นการจ้องมองของเธอ และอ่านสีหน้าของเธอ และพูดต่อว่า
"ก่อนหน้านี้เธอขึ้นมาบนเตียงของฉันเพื่อรับบทใน 'ตราบชั่วนิรันดร์' คราวนี้ฉันนอนกับเธอ เธอต้องการอะไรตอบแทนงั้นหรอ?"