ตอนที่ 17 ไปหาลู่จินเหนียน
แม้ว่าเฉียวอันห่าวจะแสดงท่าทีที่ไม่สนใจต่อหน้าจ้าวเมิง แต่หลังจากที่เพื่อนของเธอจากไป เธอก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป
ซู่เจียมู่เคยบอกไว้ว่าลู่จินเหนียนมีคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่ทางตอนเหนือบนภูเขาของเมือง เฉียวอันห่าวได้รวบรวมข้อมูลจากที่ซู่เจียมมู่บอกไว้ ว่าลู่จินเหนียนนั้นเกลียดโรงพยาบาล และมักจะไปซ่อนตัวอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้นทุกครั้งที่เขาป่วย
ในตอนนั้นซู่เจียมู่บ่นเกี่ยวกับลู่จินเหนียนว่าเขาไม่ชอบรับการรักษา แม้ว่าจะป่วยหนักแค่ไหนก็ตาม เฉียวอันห่าวก็ได้แอบเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว่ในใจ เผื่อต้องใช้ในอนาคต
แม้ว่าเธอจะไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ที่คฤหาสน์นี้รึเปล่า แต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงโชคไปดูเขา
เธอแวะที่ร้านขายยา ก่อนจะไปที่คฤหาสน์ เนื่องจากเธอไม่แน่ใจในอาการของเขาเธอจึงสุ่มเลือกยาแก้ไข้มา
เฉียวอันห่าวไม่เคยไปที่คฤหาสน์ แต่เธอก็พอจำได้จากการฟังคำบอกเล่าของซู่เจียมู่ ที่ว่าคฤหาสน์นั้นอยู่บนยอดเขาที่เรียกว่าภูเขายี่ เฉียวอันห่าวจึงตั้งจีพีเอสไปที่ภูเขายี่ และรู้ว่ามันอยู่ทางเหนือของเมือง จากนั้นเธอก็สตาร์ทรถ และขับออกไปตามจีพีเอส
โชคดีที่ภูเขายี่ไม่ใหญ่นัก และมีคฤหาสน์เพียงหลังเดียว เฉียวอันห่าวขับรถไปถึงจุดสูงสุด และมีคฤหาสน์หลังหนึ่งที่เงียบเหงาซึ่งน่าจะเป็นของลู่จินเหนียน
เฉียวอันห่าวเริ่มออกเดินทางเวลา 15.00 น. และเมื่อเธอไปถึงภูเขายี่ก็เป็นเวลา 17.00 น. แล้ว
เธอมาทันเวลาพระอาทิตย์ตก รังสีสีทองอมแดงสาดลงบนคฤหาสน์ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของปราสาท ซึ่งมันทั้งยิ่งใหญ่และสวยงาม
ประตูคฤหาสน์ถูกปิดอย่างแน่นหนา เฉียวอันห่าวหยุดรถของเธอ และมองไปรอบ ๆ เธอมองเห็นรั้วที่ค่อนข้างต่ำ เธอเดินเข้าไปหารั้วและข้ามรั้วไป
เธอไม่มีกุญแจเข้าคฤหาสน์ และไม่มีใครมาเปิดรับเธอเมื่อเธอเคาะประตู เธอมองไปรอบ ๆ รอบนอกของคฤหาสน์ เธอพบหน้าต่างบานใหญ่ครึ่งบานที่เปิดอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ เธอลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดเต็มที่และเข้าไปในคฤหาสน์ เธอจึงเข้าจากทางหน้าต่าง แต่ก็ยังไม่เห็นลู่จินเหนียนเลย
ภายในคฤหาสน์มีการตกแต่งที่หรูหรา
เธอเดินผ่านชั้นแรกทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่พบลู่จินเหนียน จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง เสียงฝีเท้าของเธอเป็นเพียงเสียงเดียวภายในคฤหาสน์ที่เงียบงัน และคงเงียบกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงเดินของเธอ
เฉียวอันห่าวมองผ่านชั้นสองไปเรื่อย ๆ และพบร่างของลู่จินเหนียนที่ปลายสุดของโถงทางเดินในห้องนอนขนาดใหญ่
เขาสวมสูทและปิดตาเขานอนเงียบ ๆ บนเตียง มองจากระยะไกลดูเหมือนเขาจะหลับสนิท
เฉียวอันห่าวยกมือขึ้นเคาะประตู แต่เมื่อมองไปที่เตียงเธอเห็นว่าลู่จินเหนียนยังคงนิ่งอยู่ โดยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เธอขมวดคิ้วแล้วก้าวไปที่เตียง
เมื่อเธออยู่ใกล้เตียง เธอสามารถเห็นลู่จินเหนียนนอนแผ่บนเตียงได้อย่างชัดเจน ร่างกายของเขาสั่นเบา ๆ เฉียวอันห่าวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเขาโดยไม่รู้ตัว ตัวเขาร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟและเขาไม่ตอบสนองต่อมือของเธอ และเพราะเขาไม่ได้ตอบสนองต่อเสียงเคาะประตูที่เธอเคาะด้วยแล้ว เธอก็สันนิษฐานได้ว่าเขาต้องเป็นลมแน่ ๆ เพราะพิษไข้!
เฉียวอันห่าวรีบขุดยาแก้ไข้ที่เธอซื้อมาก่อนหน้านี้ ตามคู่มือเธอหยิบยาสองเม็ดออกมาแล้วหยิบขวดน้ำแร่จากขอบเตียง จากนั้นเธอก็บังคับให้ยาเข้าปากหลังจากพยุงเขาด้วยความพยายามอย่างมาก
ตอนนี้ลู่จินเหนียนหมดสติจากพิษไข้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดื่มน้ำ และเมื่อเฉียวอันห่าวเทมันเข้าปากเขาก็พ่นมันออกทั้งหมด
เธอพยายามอีกสองครั้ง แต่เขายังคงคายมันออกมาทั้งหมด และอุณหภูมิของเขายังคงสูงขึ้นจนถึงจุดที่อากาศรอบตัวเขาอุ่นตามไปด้วย
เฉียวอันห่าวเริ่มตื่นตระหนก ขณะที่เขายังคงปฏิเสธยา แม้ว่าเธอจะเรียกหาหมอ แต่ก็ต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงกว่าที่พวกเขาจะไปถึงพื้นที่นี้ ...