ตอนที่แล้วEp.865 - ส่งลงสู่ความตายทีละคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.867 - อ้อ นั่นคนกลุ่มผมเอง

Ep.866 - ลูกรักของพระเจ้ากลุ่มเฟิงหลี


1/5

Ep.866 - ลูกรักของพระเจ้ากลุ่มเฟิงหลี

หลังเกิดเหตการณ์ในวันนั้น ก็ไม่มีเรื่องราวใดอีกเลย แน่นอนว่ายังคงเกิดการต่อสู้กันอยู่ทุกวัน เพราะท้ายที่สุดแล้วรอยแยกมิติยังคงเปิดออกเรื่อยๆ ดังนั้นมีหลายกลุ่มเข้าแย่งชิงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

ที่กล่าวว่าไม่มีเรื่องราวใด มันหมายถึงไม่มีศัตรูมาปรากฏตัวต่อหน้าฉินเฟิง

คู่ต่อสู้ที่สามารถสร้างเภทภัยให้แก่เขาได้ในเวลานี้ เหลือแค่เลเวล S ขึ้นไปเท่านั้น!

แต่หลังจากวันนั้น เหอเทียนสิงก็ไม่ได้ส่งใครมาโจมตีอีก แม้ยังมีการปะทะกับกลุ่มประตูแห่งความกลัวอยู่บ้าง แต่สุดท้ายถูกฉินเฟิงสังหารสิ้น ส่วนไอซานไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย

หรือไอซานจะไม่คิดแก้แค้นงั้นหรอ? เรื่องนี้ฉินเฟิงไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆเหอเทียนสิงก็ยังไม่เคลื่อนไหวเหมือนกัน

หลังจ้างวานนักฆ่ากว่า 10 คนลอบสังหารฉินเฟิง แต่สุดท้ายเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต หัวใจของเหอเทียนสิง คุกรุ่นไปด้วยความเย็นเยียบ

ตอนนี้ ใช่ว่าเขาไม่ต้องการกำจัดฉินเฟิง แต่เขาไม่สามารถทำได้ต่างหาก

เขาลงมือด้วยตัวเอง แต่พลาดพลั้งมาแล้วถึงสองครั้ง หากเสนอหน้าออกไปอีกคราว คงดึงดูดความสนใจจากหลงเยว่ที่เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดแน่ๆ

ความเกลียดชังนี้ เลยทำได้แค่กัดฟัน ข่มใจกลืนมันลงท้องชั่วคราว

“รอให้ฉันหายจากอาการบาดเจ็บบ้าๆนี่ก่อนเถอะ แล้วจะไปตัดสินกับฉินเฟิงอีกครั้ง”

ก่อนหน้านี้หูซานสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังเป็นปลิดทิ้ง เหอเทียนสิงเลยรู้สึกเช่นกันว่าเขาเองก็สามารถฟื้นตัวได้ ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุดของเขา คือการออกค้นหาผลุึกโลหิต ส่วนเรื่องราวอื่นๆ ทิ้งมันไว้ชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้เอง หลังเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม กลุ่มเฟิงหลีของฉินเฟิงก็สามารถลงหลักปักฐานได้อย่างสมบูรณ์ในมิติธารโลหิต และยังเป็นกลุ่มเดียวที่มีเลเวล C อยู่ซะส่วนใหญ่ ทว่าแม้เป็นเช่นนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าแตะต้องกลุ่มของพวกเขา

อิทธิพลของตัวตนทรงอำนาจ บางครั้งก็มีประโยชน์เช่นนี้แล

ผู้แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แค่ใช้ชื่อเสียงก็สามารถข่มขวัญ ก่อแรงกดดันคุกคาม สร้างความหวาดกลัวได้แล้ว

ราวกับเพียงกะพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนธันวาคม

“ครั้งนี้ฉันจะไปเมืองหลวงมังกรเอง เธอคอยเฝ้ามิติธารโลหิตไว้ อีกครึ่งเดือนให้หลังค่อยเจอกัน!” เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในมิติล่มสลายของเผ่าวิญญาณ สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น

มนุษย์ในมิติของฉินเฟิง มีความแข็๋งแกร่งโดยเฉลี่ยไม่มากนัก หากต้องการเติบใหญ่และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรอย่างรวดเร็ว วิธีการที่ง่ายที่สุด คือครอบครองเทคโนโลยีชั้นสูง

ฉินเฟิงออกจากมิติธารโลหิต สูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกเข้าปอด รู้สึกโล่ง โปร่งสบายมาก

ฉินเฟิงก้มลงตรวจข้อความบนอุปกรณ์สื่อสาร ก่อนโทรหาซางฮัน

ใบหน้าของซางฮัน ปรากฏขึ้นบนจออุปกรณ์สื่อสาร

“ท่านจ้าวพรมแดน เรื่องงานประลองลูกรักของพระเจ้าที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ จะให้ผมเดินทางไปพร้อมกับทีม หรือให้ไปคนเดียว?” ฉินเฟิงถาม

ซางฮันอุทานด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “นี่คุณยังตั้งใจจะไปอีกหรอ?”

“แน่นอน!” ฉินเฟิงตอบกลับ

ซางฮันไม่คิดว่าฉินเฟิงจะยังหมกมุ่นอยู่กับงานประลองลูกรักของพระเจ้า แต่พอได้ลองนึกถึงเทคโนโลยีล้ำหน้า ซางฮันก็เข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น

กลุ่มเฟิงหลีของฉินเฟิง สร้างรายได้ด้วยเทคโนโลยี การที่ฉินเฟิงให้ความสำคัญกับงานประลอง เลยไม่น่าแปลกใจนัก

“แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณถึงขั้นยอมละทิ้งภารกิจในมิติธารโลหิต แล้วเดินทางไปยังเมืองหลวงมังกร”

“ยังเหลือไป๋หลีคอยประจำการอยู่”

“อ๊ะ จริงสิฉันลืมไปเลย ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของไป๋หลี แค่เธอก็น่าจะพอรับมือได้แล้ว” แม้ไป๋หลีจะเป็นการดำรงอยู่ที่ติดตราตรึงใจ น่าจดจำ แต่ด้วยพลังสมาธิของเธอที่แข็งแกร่งเกินไป ทำให้จิตใต้สำนึกของผู้คนลืมเลือน กระทั่งซางฮันยังเผลอลืมถึงความแข็งแกร่งของไป๋หลีไปโดยไม่รู้ตัว

“ในเมื่อคุณต้องการแบบนั้น งั้นก็ไปพร้อมกับทีม นำพวกเขาเดินทางสู่เมืองหลวงมังกรเถอะ ถือซะว่าเป็นการช่วยฉันให้ไม่ต้องส่งคนไปที่นั่นด้วยแล้วกัน” ซางฮันกล่าว

“คุณจะให้ผมนำทีม?” ฉินเฟิงตกสใจเล็กน้อย นั่นเพราะลูกรักของพระเจ้ามีความสำคัญมาก ดังนั้นมีผู้นำร่วมติดตามเดินทางไปด้วยทุกครั้ง และทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A

ซางฮันผุดรอยยิ้มจาง “คุณไม่รู้หรือ ว่างานประลองลูกรักของพระเจ้าในปีนี้ รัฐทะเลเหนือของคุณ ได้รับไปถึง 7 โควต้า! ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะไม่ไป แต่ขอให้คุณไปแทน ได้โปรดเป็นผู้นำทีมด้วย!”

หากเป็นภารกิจอื่นๆ ซางฮันคงไม่กล้าส่งให้ฉินเฟิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่ากลุ่มของฉินเฟิงในเวลานี้ กำลังปฏิบัติการอยู่ในมิติธารโลหิต เธอยิ่งไม่อยากรบกวนเขา

นั่นเพราะเรื่องราวในมิติธารโลหิต เป็นอะไรที่สำคัญมากจริงๆ

แต่หากมีไป๋หลีคอยเฝ้าระวัง การเดินทางไปเมืองหลวงมังกรของฉินเฟิงก็ไม่น่ามีปัญหา ซางฮันทำแค่เพียงผลักเรือ ปล่อยไปตามน้ำ ยกฉินเฟิงให้นำทีมลูกรักของพระเจ้าในปีนี้

อันที่จริงแล้ว ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ หลังจากจบงานประลองลูกรักของพระเจ้า เทคโนโลยีที่ได้รับจากมือลูกรักของพระเจ้า เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมยิ่ง แต่ครั้งนี้มีถึง 7 ใน 10 คนที่มาจากรัฐทะเลเหนือ ดังนั้นหากมีใครคว้าเทคโนโลยีได้ ทั้งหมดไม่พ้นตกเป็นของเฟิงหลี และจะให้เอ่ยปากขอใช้เงินซื้อก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายมันคือของกลุ่มเฟิงหลี!

ด้วยเหตุนี้เอง ซางฮันจึงไม่มีความคิดที่จะไป

ฉินเฟิงเองก็พอคาดเดาได้ถึงจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นพยักหน้าเห็นด้วย เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่สามารถหาข้ออ้างใดๆมาบอกปัดได้ เพราะเดิมทียังไงมันก็เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา

หลังตกลงกันเสร็จสรรพ ฉินเฟิงก็ใช้ศิลารูนมิติ เดินทางไปยังเมืองเป่ยหัว

กลุ่มเฟิงหลีส่งคนเข้าร่วมงานประลองลูกรักของพระเจ้า ดังนั้นมีเรือเหาะจอดอยู่ที่นี่เช่นกัน ฉินเฟิงไม่ได้ทำเหมือนซางฮันเมื่อปีที่แล้ว ที่ให้ทุกคนเดินทางโดยเปิดช่องว่างมิติโดยตรง แต่เขาให้เดินทางโดยใช้เรือเหาะ

หลังจากแจ้งเรื่องแก่ทีมลูกรักของพระเจ้าแล้ว ฉินเฟิงก็รอให้คนเหล่านี้มารายงานตัว

ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง เหล่าลูกรักของพระเจ้าที่เข้าร่วมงานประลอง ในที่สุดทุกคนก็มาถึง

และก็เป็นไปตามคาดจริงๆ ทันทีที่พบหน้า ฉินเฟิงก็พบเจอกับคนรู้จักในทีมนี้

ผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุด มิใช่ใครอื่น เป็นโจวฮ่าว

ปัจจุบันโจวฮ่าวเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณในเลเวล C1 และบนหน้าอกเขา ยังติดตราอักษร C1 เอาไว้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคงผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว

ส่วนจิ่นเฟย หนึ่งในลูกรักของพระเจ้าเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุมากกว่า 20 ปี แม้เขาจะสามารถขึ้นไปถึงเลเวล C ได้เช่นกันก็ตาม แต่ไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองได้

หากสังเกตดีๆ จะพบว่าในฝูงชนมีลู่เหมิงอยู่ด้วยเช่นกัน ตอนนี้เธอมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล D2 เน้นใช้อาวุธเป็นเขี้ยวเล็บ และพวกมันคือเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดของเฟิงหลี ด้วยข้อได้เปรียบนี้ ทำให้เธอสามารถกลายเป็นลูกรักของพระเจ้า

ประเด็นก็คือ กลุ่มเฟิงหลีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยอำนาจของทรายธารเวลา ทำให้คุณสมบัติของผู้พักอาศัยในเมืองเฟิงหลีเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ความแข็งแกร่งพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

ส่วนที่เหลืออีกห้าคน มีเบื้องหลังเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มเฟิงหลีเช่นกัน

อาจกล่าวได้ว่า พวกเขาเหล่านี้คือรุ่นที่สองของกลุ่มเฟิงหลี

คนพวกนี้ แม้อายุยังน้อย แต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถออกมาแล้ว ผสานไปกับการได้รับทรัพยากรที่ดี นอกจากนี้ยังมีเลือดมังกรที่จัดเตรียมไว้ให้จากสุสานเทพสงคราม รากฐานของทุกคนจึงมั่นคงมาก แม้พวกเขาจะไม่อาจเหยียบย่างไปถึงระดับจักรพรรดิ แต่หากเป็นระดับราชันย์ สมควรเข้าถึงได้!

กระนั้น คนกลุ่มนี้อ่อนน้อมถ่อมตนมาก ไม่มีความเย่อหยิ่งในฐานะลูกของพระเจ้าสักนิด

เอาจริงๆกลุ่มเฟิงหลีแข็งแกร่งที่สุดแล้วในบรรดาลูกรักของพระเจ้า ดังนั้นหากอาละวาดบ้างเล็กๆน้อยๆก็คงไม่มีใครว่า

“ประธาน!”

“ท่านประธาน!”

“น้อมเคารพท่านประธาน!”

คนในทีมก้าวเข้ามาทักทาย

ฉินเฟิงพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นสนทนากับโจวฮ่าว

“ตอนนี้นายแข็งแกร่งถึงเลเวล C แล้ว ในมิติล่มสลายของเผ่าวิญญาณ ไม่น่าจะมีอะไรขัดขวางนายได้อีก ถึงเวลานั้นนายคงได้รับเทคโนโลยีกลับมามากมาย อย่าลืมเตรียมพื้นที่อุปกรณ์รูนมิติให้มากเข้าไว้ล่ะ” ฉินเฟิงกล่าว

ที่เขาเอ่ยแบบนี้กับโจวฮ่าว เพราะฉินเฟิงจะไม่เสียเวลาไปเก็บรวบรวมเทคโนโลยีเล็กๆน้อยๆแล้ว การไปครั้งนี้เขาต้องการเดินสำรวจ เพราะอาจมีหลายสิ่งที่เขายังไม่รู้ก็ได้ และจะดีมากๆหากสามารถหาวิธีสร้างเกราะศักดิ์สิทธิ์ได้

ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก แต่น่าเสียดายที่มันเสียหายไปแล้ว แม้ฉินเฟิงจะแข็งแกร่งขึ้น และเกราะศักดิ์สิทธิ์เริ่มสำแดงประสิทธิภาพน้อยลง แต่ฉินเฟิงยังรู้สึกเสมอ ว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ยังมีประโยชน์อยู่

“วางใจเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง จะกวาดให้เรียบเลย!” โจวฮ่าวตบหน้าอก รับประกันหนักแน่น

และในเวลานั้นเอง ก็ถึงเวลาหันมาสนใจลูกรักของพระเจ้าอีกสามคนที่เหลืออยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด