Chapter 5 : เนตรจุติ
ในความทรงจำของ คุโรโตะ , โอซึซึกิ โทเนริ จาก ตระกูลโอซึซึกิ ที่อยู่บนดวงจันทร์ ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลาปรับตัวเป็นเวลานานเมื่อเขาวิวัฒนาการ เนตรสีขาว ไปสู่ เนตรจุติ
ด้วยเหตุนี้ คุโรโตะ จึงยังไม่ได้เริ่มแผนการปลุก เนตรจุติ ในตอนแรก
แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป แม้ว่า คุโรโตะ จะเดาไม่ออกว่าหมู่บ้านกำลังวางแผนจะทำอะไรเขาและนินจาอีก 8 คน แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ก็คืออันตรายกำลังใกล้เข้ามา
เขาใช้ประโยชน์จากโอกาสในขณะที่ลาดตระเวนตามลำพัง คุโรโตะ มาถึงพื้นที่ห่างไกลของทะเลทรายที่เขาเลือกไว้เมื่อนานมาแล้ว
มองไปรอบ ๆ ด้วย เนตรสีขาว อยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ใกล้บริเวณนั้น เขาก็ทำการประสานอินขึ้นมาทันทีเพื่อเรียกงูพิษตาเดียวที่ โอโรจิมารุ ทิ้งไว้เพื่อเฝ้าติดตามเขา
ฟึ้ม...
ด้วยควันที่พวยพุ่ง งูตาเดียวก็เลื้อยออกมาจากกลุ่มควันอย่างเกียจคร้านและมาที่ตรงหน้าของเขา จากนั้นมันก็คายม้วนหนังสือออกมาจากปากของมัน
ใช่แล้ว ในม้วนหนังสือนั้นมียีนที่ คุโรโตะ ซ่อนเอาไว้
นอกจากนี้ คุโรโตะ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะมีเพียงในท้องของงูพิษตาเดียวเท่านั้นที่ คุโรโตะ จะสามารถเก็บซ่อนและเรียกออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับความเป็นไปได้ที่ โอโรจิมารุ จะแย่งมันไป คุโรโตะ ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้
คุโรโตะ มั่นใจมากเพราะเป็นเวลานานแล้วที่เขาเก็บวัสดุทดลองมากมายไว้ในท้องของงูพิษตาเดียวตัวนี้ แม้ว่า โอโรจิมารุ จะเคยแอบตรวจสอบอยู่หลายครั้งแต่เขาก็พบว่าพวกมันล้วนเป็นสิ่งไร้ค่า ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจต่อสิ่งของทั้งหมดที่ คุโรโตะ เก็บไว้ในท้องงู
นอกจากนี้ โอโรจิมารุ ก็เพิ่งจะถอนตัวออกจากหมู่บ้านและ คุโรโตะ ก็คือว่าเขาน่าจะกำลังยุ่งอยู่กับ จิไรยะ ที่กำลังติดตามเขา ดังนั้นเขาคงจะไม่มีเวลามาสนใจกับสิ่งที่ คุโรโตะ กำลังทำในช่วงนี้
หลังจากเอาตัวอย่างยีนที่ผนึกไว้ในม้วนหนังสือออกมา ใบหน้าของ คุโรโตะ ก็ดูเคร่งเครียดขึ้นเป็นอย่างมาก
มีปัจจัยและสิ่งที่ยังไม่รู้อยู่อีกเป็นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวิวัฒนาการทางพันธุกรรม ตัวอย่างยีนในมือของ คุโรโตะ นี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขา หรือไม่มันก็อาจจะเป็นยาพิษที่จะฆ่าเขาอย่างเจ็บปวดก็ได้!
หากไม่มีการทดลองกับมนุษย์ก่อนก็จะไม่มีข้อมูล ดังนั้น คุโรโตะ จึงไม่สามารถประเมินความน่าจะเป็นของความสำเร็จได้ในขณะนี้ แต่เขาก็ไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว มันจะเป็นสิ่งเดิมพันว่าเขาจะสามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองในอนาคตได้หรือไม่? เขาจะกำจัดสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอที่น่าสมเพชเหมือนเขาในตอนนี้ได้หรือไม่? และเขาจะอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีหรือไม่?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวอย่างยีนขวดนี้!
คุโรโตะ ลังเลอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์และฉีดตัวอย่างยีนเข้าไปในร่างกายของเขา
อ๊าก บ้าเอ้ย…!!!!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน คุโรโตะ ก็ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ความเจ็บปวด!
ความแสบ!
เจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังจะฉีก!
คุโรโตะ เป็นนินจามานานแล้ว เขาเชื่อว่าเขามีความอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นอย่างมากและคงจะไม่มีอะไรทำจะเขย่าขวัญเขาได้ เขาไม่คิดเลยว่าความเจ็บปวดจะสามารถมาถึงจุดนี้ได้
เขาเริ่มรู้สึกว่าจักระภายในร่างกายของเขากำลังสลายตัวอย่างช้า ๆ
“แย่แล้ว!”
แม้ว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เขาก็ยังควบคุมร่างกายของเขาได้ เขาจึงรีบใช้จักระที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดคลายงูตาเดียวให้หายไป
เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่งูตาเดียวหายไป จุดจักระทั้งหมดของเขาก็ถูกสกัดและร่างกายของเขาก็เหมือนจะพังทลาย เขารู้สึกได้ว่าเซลล์ในร่างกายของเขากำลังจะแตกสลายอย่างแท้จริง
“อะไรกันเนี่ย!?”
คุโรโตะ ไม่สามารถต้านความเจ็บปวดได้อีกต่อไปจนในที่สุดเขาก็สลาบไปกลางทะเลทราย
…………………………
หลังจากที่ไม่ได้สติมานาน ในที่สุด คุโรโตะ ก็ลืมตาขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาและไม่รู้ว่าเขาตายหรือยัง เมื่อเขามองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องของเขาที่ด่านชายแดน
เขาไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่เขาดับวูบไป
นารา มิซุย ผู้บังคับการหน่วยรักษาความปลอดภัยคนปัจจุบัน จ้องมองไปที่ คุโรโตะ และถามอย่างเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงไปเป็นลมอยู่กลางทะเลทราย”
คุโรโตะ ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมารู้สึกสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา นอกจากนี้ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่เหลือพลังงานอยู่ในร่างกายมากนัก เพราะเซลล์ในร่างกายของเขาเกิดการยุบตัวและจัดเรียงตัวใหม่
“ผม...ผมไม่รู้...” นี้คือทั้งหมดที่เขาตอบได้
มิซุย ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของ คุโรโตะ มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ “เธอโดนโจมตีรึเปล่า? มันเป็นใครกัน? นินจาซึน รึเปล่า?!” เขาถามคำถามโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทำให้ คุโรโตะ หมดสติไป แต่คำตอบที่เขาได้ก็มีแต่ความว่างเปล่า
สุดท้ายแล้ว คุโรโตะ ก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความรู้สึกเหนื่อยจากการถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ไม่มีใครทำร้ายผม คงเป็นเพราะร่างกายที่อ่อนแอของผมเอง ผม...ดูเหมือนจะไม่สบาย!”
แม้แต่นินจาก็ป่วยได้ ดังนั้นนี้จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้
ในโลกนี้มีนินจาที่มีขีดจำกัดสายเลือดมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคที่มาพร้อมกับพลังของเขา
คิมิมาโร่ และ อิทาจิ เป็นตัวอย่างที่ดีของนินจาที่ป่วยเพราะขีดจำกัดสายเลือดของตัวเอง ดังนั้นแม้ว่า มิซุย จะยังคงมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่เมื่อเขาใบหน้าที่อ่อนแรงของ คุโรโตะ อย่างชัดเจน เขาก็ตัดสินใจยอมรับคำตอบและไม่ถามอะไรอีกต่อไป
หลังจาก นารา มิซุย ออกไปจากห้องพัก คุโรโตะ ก็ทำการตรวจร่างกายของเขาอย่างเต็มรูปแบบทันที
ปฏิกิริยารุนแรงของเซลล์ร่างกายส่งผลให้เนื้อเยื่อยุบตัวเมื่อฉีดยีนเข้าไป มันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดเอาไว้ เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่าเขาต้องเผชิญกับอันตรายมากแต่ไหนเพื่อกระตุ้นยีนพิเศษในร่างกายของเขา
‘ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าขอให้รอดไปได้ก็แล้วกัน!’
แม้ว่าเขาจะไม่ได้บันทึกค่าโดยละเอียดและไม่ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลใด ๆ แต่จากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาทำการทดลองนี้กับตัวเอง คุโรโตะ สามารถสรุปได้ว่า ที่เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเหมือนจะแตกสลายก็เพราะเซลล์เกิดการฉีกขาดและรวมตัวกันใหญ่อย่างต่อเนื่อง ถ้าเขาคิดไม่ผิด เขาคงจะผ่านกระบวนการนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่เขาจะสลบไป
เป็นโชคดีที่เขารอดจากกระบวนการที่สิ้นหวังนี้มาได้!
คุโรโตะ คิดพร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ตอนนี้เขากำลังวิเคราะห์กระบวนการ เขาอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงความตายที่เกิดขึ้นหากเขาไม่โชคดีแบบนี้!
ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจว่าเมื่อพูดถึงความรู้ทางพันธุกรรม เขายังคงเป็นเพียงผู้เริ่มต้นในสาขานี้เท่านั้น
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คุโรโตะ ก็เริ่มวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาต่อ
ร่างกายของ คุโรโตะ เกือบจะแตกทลายซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการกระตุ้นยีนพิเศษในร่างกายอย่างไม่ต้องสงสัย
กล่าวคือยีนพิเศษที่อยู่ในสถานะไม่ทำงานของเขาถูกกระตุ้นด้วยการฉีกขาดและรวมตัวกันใหม่ทีละยีน ๆ
เนื่องจากเขาขาดยีนพิเศษที่ทำงานอยู่ 16 ชุด ดังนั้นร่างกายของเขาจึงต้องผ่านกระบวนการนี้ทั้งหมด 16 ครั้ง
การฉีกขาดและรวมกันใหม่ของยีนแต่ละชุดเป็นการเชิญเขาไปยังประตูแห่งความตาย! เพราะการที่ คุโรโตะ ต้องผ่านกระบวนการนี้ 16 ครั้ง ก็เหมือนกับเขาต้องเฉียดตายอย่างน้อย 16 ครั้ง!
มันเป็นความบังเอิญที่เขาสามารถรอดมาได้!
แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน และบางทีมันอาจจะคุ้มค่าก็ได้!
ตอนนี้ยีนพิเศษทั้ง 33 ชุดในร่างกายของเขาถูกเปิดใช้งานจนหมดแล้ว คุโรโตะ รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังคงดำเนินต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดก็คือเขาสัมผัสได้ว่าจักระของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
คุโรโตะ ลุกขึ้นช้า ๆ จากเตียงมาหน้ากระจก
เมื่อยกแว่นตาขึ้น เขาก็พบว่าเดินทีดวงตาของเขามีสีขาวซีด แต่ตอนนี้มันดูแตกต่างไปจากเดิมมาก
รูม่านตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีน้ำเงินราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน มันดูสวยงามและชวนให้หลงใหล
“สวยมาก!”
แม้แต่ คุโรโตะ ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการยกย่องความงามของดวงตาคู่นี้ได้ ยิ่งเขามองตัวเองมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกถูกดึงดูดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและพยายามที่จะมองให้ชัดขึ้น ทันใดนั้นความรู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรงก็ปกคลุมเขาจนเขาล้มลงและในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในดวงตาของเขา!
หลังจากนั้นไม่นานอาการวิงเวียนและความรู้สึกเสียวซ่าก็ค่อย ๆ บรรเทาลง
คุโรโตะ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนโดยใช้กำแพงช่วยพยุงขึ้น เขาเข้าใจว่าเนตรคงจะยังใช้การไม่ได้ในช่วงที่กำลังปรับตัว แม้แต่การมองด้วยตาเปล่าก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงหลังตาและสวมแว่นกลับไปอีกครั้ง
คุโรโตะ เอนตัวลงนอนบนเตียง แต่เขาก็อดคิดไม่ได้
ตอนนี้ เนตรวงแหวน ของเขาได้พัฒนาเป็น เนตรจุติ แล้ว เขาต้องพิจารณาหลาย ๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ เขาต้องผ่านช่วงการปรับตัวนี้ไปให้ได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงยังวางใจไม่ได้
เขาต้องหาทางเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ไปให้ได้...
แต่เขาก็มองเห็นอนาคตที่ดีของเขาเช่นกัน เพราะในที่สุดเขาก็สามารถปลุก เนตรจุติ ในตำนานขึ้นมาได้แล้ว!