ตอนที่ 7 ยุ่งกับคนที่ไม่ควร
ตอนที่ 7 ยุ่งกับคนที่ไม่ควร
ใช่แล้ว สโนว์แมนก็คือลู่หยวน
ทุกครั้งที่ลู่หยวนนึกถึงเหตุการณ์ที่นัดเจอกับเพื่อนๆ ของเหอหมินในวันนั้นและการเลิกราของเขากับหลี่เมิ่งเหยา
มันทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่มันไม่ดีงั้นเหรอ?
ความเรียบง่ายและจริงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่โลกใบนี้เป็นโลกแห่งเงินตรา
คนที่มีเงินสามารถทำได้ทุกอย่าง
ตอนที่เขาเห็นการกระทำของหลี่หงเฟยใน Live ทั้งล้อเลียนและดูถูกจางฮุยและซงชุนอย่างต่อเนื่อง มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เขาจึงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิกไป 200,000 หยวน
สำหรับลู่หยวนเงินจำนวนนี้เป็นเพียงเศษเงินในบัญชีของเขาเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนของหยินยี่ที่แสดงถึงสโนว์แมนใน Live เมื่อคืน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความต้องการที่จะหยอกล้อผู้หญิงอย่างไม่รู้ตัว ลู่หยวนรู้สึกพอใจที่ได้ทำแบบนั้น
'หรือจริงๆ แล้วฉันเป็นคนรวยที่มีนิสัยหยิ่งผยอง?' ลู่หยวนคิด
เที่ยงวันต่อมา
ตั้งแต่ออกไปเมื่อวานเฉินเฟิงเพิ่งได้กลับมาบ้าน
"พี่เฉินในที่สุดพี่ก็กลับมาได้สักทีนะ ขาอ่อนเลยใช่ไหมฮ่าฮ่า" ซงชุนบีบขาเฉินเฟิง
“อิจฉาคนมีแฟนจริงๆ เล้ยยย” จางฮุยพูดแซว
เมื่อคืนเฉินเฟิงไม่ได้กลับมานอนที่ห้อง หลังจากที่นัดรวมตัวกันเมื่อวาน เขาก็ออกไปกับเหอหมินและไม่ได้กลับมาที่หอ
“เปล่า! มันไม่ใช่เรื่องดีแบบนั้นหรอก” เฉินเฟิงกล่าว
“อ่าว เกิดอะไรขึ้น? พี่เลิกกับเหอหมินแล้วเหรอ?” จางฮุยถาม
“เหอหมินเธอเป็นคนดีมากเลยนะ พี่ปล่อยเธอไปได้ยังไง” ซงชุนรู้สึกเศร้าใจ หากทั้งคู่เลิกกันจริงๆ การที่จะได้เจอกับเพื่อนของเหอหมินก็จะถูกยกเลิกไปด้วย โอกาสที่เขาจะได้พบเจอสาวๆ เพื่อนของเธอก็จะจบลงด้วย
ซงชุนจะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้คบกับเพื่อนของเหอหมิน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีที่จะได้พบเจอและออกไปกินข้าวด้วยกัน
"ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น"
เฉินเฟิงกุมขมับ “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับจิ่วเอ๋อร์ เธอกำลังเจอกับปัญหาใหญ่”
"ปัญหาใหญ่?" จางฮุยตะลึงและปรบมือทั้งสองข้างและพูดว่า "งั้นเหรอ ดีเลย!"
"นั่นคือผลกรรมที่เธอทำกับพี่ลู่เมื่อวานนี้ ไม่น่าเชื่อว่ากรรมจะตามทันเร็วขนาดนี้! ฮ่าฮ่า" ซงชุนตบเข่าและยิ้ม
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ?" ลู่หยวนถาม
แม้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์จะดูถูกเขาและเดินออกไปจากโต๊ะเมื่อวานนี้ แต่เธอก็เป็นเพื่อนของเหอหมิน และเหอหมินก็เป็นแฟนของเฉินเฟิงที่เป็นเพื่อนกับเขา
"นี่พวกนาย! เมื่อวานนี้มีใครเห็นบ้างว่าตอนที่จิ่วเอ๋อร์เดินออกไปมีผู้ชายขวางทางเธอไว้" เฉินเฟิงถาม
"ฉันเห็น เด็กผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะปิ๊งเธอด้วย" จางฮุยกล่าว
"บางทีอาจจะเป็นเพื่อนของเธอก็ได้" ซงชุนพูดเสริม
"ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงฉินจิ่วเอ๋อร์ไม่น่าตบเขานะ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันมากกว่า" ลู่หยวนพูด
"เป็นอย่างที่ลู่หยวนพูด ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รู้จักกับจิ่วเอ๋อร์ อยู่ดีๆ เขาก็เดินเข้ามาคุยกับเธอ" เฉินเฟิงพูดพร้อมกับทำหน้าเครียด
"ผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย เขาเป็นลูกของคนรวยที่มีอำนาจมีชื่อว่าหยูเทียนฉี และพ่อของเขาก็คือหยูต้าหยงประธานเชิ่งถังกรุ๊ป"
"อะไรนะ?!" จางฮุยและซงชุนพูดออกมาพร้อมกัน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนจินหลิงโดยกำเนิด แต่พวกเขาก็ศึกษาอยู่ที่นี่ได้สองสามปีแล้ว ทำให้พอจะรู้ว่าเชิ่งถังกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่ที่รู้จักกันดีในละแวกนี้
นี่เป็นองค์กรขนาดใหญ่
บริษัทใหญ่ขนาดนี้ต้องมีอำนาจมากแน่ๆ
"แม้ว่าพ่อของจิ่วเอ๋อร์จะเป็นเจ้าธุรกิจและค่อนข้างร่ำรวย แต่เมื่อเทียบกับบริษัทเชิ่งถังแล้วก็เป็นแค่เพียงบริษัทเล็กๆ เท่านั้น"
เฉินเฟิงพูดต่อว่า "ฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่กลับไปหยูเทียนฉีได้เล่าให้พ่อฟังว่าเขาถูกตบ หยูต้าหยงเลี้ยงเขามาอย่างตามใจ เขาต้องไม่ยอมแน่ที่มีคนมาตบลูกชายสุดที่รักของเขาแบบนี้"
"หยูต้าหยงส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันทีและเขาก็พบว่าคนที่ตบลูกชายของเขาก็คือฉินจิ่วเอ๋อร์และหลังจากเขาได้รู้ภูมิหลังของเธอ เขาก็ส่งนักสังคมสงเคราะห์หลายคนไปสร้างปัญหาให้กับบริษัทจิ่วเจียงของพ่อของเธอ และทำลายคอนเน็คชั่นของบริษัทหลายสิบราย ทำให้ตอนนี้บริษัทจิ่วเจียงอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง"
ซงชุนเบิกตากว้าง "เธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากจริงๆ"
"พ่อของจิ่วเอ๋อร์ต่อว่าเธออย่างรุนแรง เขาโทษว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้บริษัทต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้ จิ่วเอ๋อร์ร้องไห้อย่างหนักอยู่ที่ห้องพักเหอหมินตั้งแต่เมื่อคืน จนป่านนี้เธอก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ" เฉินเฟิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“แล้วบริษัทเชิ่งถังต้องการอะไร?” ลู่หยวนถาม
"อืม" เฉินเฟิงพยักหน้า "หยูต้าหยงเติบโตจากการที่เป็นนักเลง โดยมีความเลือดเย็นอยู่ในตัวเขา เขาต้องการให้จิ่วเอ๋อร์อยู่กับหยูเทียนฉีเป็นเวลาหนึ่งคืนและในหนึ่งคืนนั้นหยูเทียนฉีสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้โดยที่ห้ามขัดขืน จิ่วเอ๋อร์ต้องเชื่อฟังอย่างปฏิเสธไม่ได้"
"จิ่วเอ๋อร์มีค่าเพียงแค่หนึ่งคืนเองงั้นเหรอ?" จางฮุยพูด
“โถ่ จิ่วเอ๋อร์ผู้น่าสงสาร” แม้ว่าเขาจะไม่ประทับใจกับฉินจิ่วเอ๋อร์ในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแย่มาก ทำให้ซงชุนรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอขึ้นมา
"ที่ฉันกำลังเครียดอยู่ตอนนี้คือ เราไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย" เฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
"เรารีบไปปลอบเธอที่หอหักของเหอหมินกัน" ซงชุนพูด “พี่ลู่ก็ไปด้วยกันสิ”
ไม่นานทุกคนก็มาถึงหอพัก หลังจากลงทะเบียนที่ชั้นล่างแล้วพวกเขาก็ตรงไปที่ห้องของเหอหมิน
หอพักหญิงนั้นดูเรียบร้อยแถมยังตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ทั้งเก้าอี้ที่นอนทุกอย่างดูน่ารักไปหมด
ฉินจิ่วเอ๋อร์กำลังร้องไห้อยู่ โดยมีเหอหมิน เฉินหมาน กู่นากำลังปลอบใจเธออยู่ข้างๆ
"จิ่วเอ๋อร์พวกเรามาหาเธอแล้ว" เฉินเฟิงกล่าว
“ฉินจิ่วเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลนะ เรายังมีกฎหมายอยู่ พวกกลุ่มเชิ่งถังคงไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้” จางฮุยพยายามพูดปลอบโยน
"ใช่! เรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง เราต้องแจ้งตำรวจ" ซงชุนกล่าว
ในตอนนี้ฉินจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้เย่อหยิ่งเหมือนเมื่อวานอีกต่อไป
เธอดูซีดเซียว ผมเผ้าดูยุ่งเหยิง ตอนนี้เธอกำลังนั่งร้องไห้อย่างไร้จุดหมาย
ขอบตาของเธอเป็นสีแดง งงบอกว่าเธอผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน
“สิ่งที่นายพูดไม่ได้ช่วยอะไรเลย นายไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังเจอหรอก” ฉินจิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ฉินจิ่วเอ๋อร์คิดว่าจางฮุยและซงชุนไม่มีวันเข้าใจเพราะพวกเขาเป็นเพียงแค่คนจน จะไปเข้าใจกฎของคนรวยได้อย่างไร
โทรหาตำรวจ? ฮ่าๆ ไร้สาระ!
หยูต้าหยงมีตำรวจเป็นพรรคพวกมากมาย
ยิ่งรวยมากเท่าไหร่เบื้องหลังก็จะยิ่งลึกลับมากเท่านั้น
"ฉันจะลองโทรหาใครบางคนเผื่อว่าเขาพอจะช่วยเรื่องนี้ได้บ้าง" เฉินเฟิงครุ่นคิดสักพักแล้วพูด
"อืม ฉันเองก็เช่นกัน" เหอหมิน เฉินหมาน กู่นามาจากครอบครัวที่ดี บางทีพ่อแม่ของพวกเธออาจจะช่วยอะไรได้บ้าง
ถึงอย่างนั้นในใจของพวกเธอก็รู้ดีว่ากลุ่มเชิ่งถังนั้นมีอำนาจมากขนาดไหน และมันก็เกินความสามารถของพ่อแม่พวกเธอ แต่เพื่อปลอบโยนฉินจิ่วเอ๋อร์จึงได้พูดออกไปแบบนั้น
"ไม่ต้องกังวลไป ครอบครัวของเธอจะไม่เป็นอะไร ในไม่ช้าเธอจะผ่านพายุลูกนี้ไปได้" ลู่หยวนพูดพร้อมเดินเข้าไปหาฉินจิ่วเอ๋อร์
"นายมาทำที่นี่ทำไม?"
ฉินจิ่วเอ๋อร์จ้องไปที่ลู่หยวนด้วยสายตาเย็นชา "หึ! นายยังกล้าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเหรอ?"
ฉินจิ่วเอ๋อร์ที่ดูสงบนิ่งในตอนแรกกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที
“จิ่วเอ๋อร์ ลู่หยวนมาที่นี่เพราะเขาเป็นห่วงเธอนะ” เฉินเฟิงรีบอธิบาย
"เป็นห่วงฉันงั้นเหรอ? ฉันว่าเขามาเพื่อซ้ำเติมฉันมากกว่า!"
ฉินจิ่วเอ๋อร์ลุกขึ้นและเดินไปชี้หน้าลู่หยวน "ถ้าไม่ใช่เพราะนาย เมื่อวานนี้ฉันคงไม่ต้องออกไปและก็ไม่ได้เจอกับหยูเทียนฉี เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะนาย!"
"...." ลู่หยวนพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนเงียบ
“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราะนาย นายยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ? ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ฉินจิ่วเอ๋อร์ชี้ไปที่ประตู
ลู่หยวนยิ้มจางๆ เขารู้ว่าพูดอะไรต่อไปมันก็ไร้ประโยชน์
“โอเค” ลู่หยวนเดินหันหลังกลับไปที่ประตู
โดยมีเฉินเฟิงและเหอหมินไล่ตามไป
"ลู่หยวนไม่ต้องคิดมากนะ ตอนนี้ครอบครัวของจิ่วเอ๋อร์กำลังมีปัญหา เธอกำลังรู้สึกแย่ ให้เวลากับเธอหน่อย" เหอหมินกล่าว
"ฉันเข้าใจ" จากนั้นลู่หยวนก็เดินออกจากหอพักไป
เฉินเฟิงและเหอหมินมองหน้ากัน ทั้งคู่ถอนหายใจและเดินกลับเข้าไปในห้อง
"ฉันไม่อยากเห็นหน้าไอ้บ้านั่นอีกแล้ว!" ฉินจิ่วเอ๋อร์ยังคงโกรธ เธอหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา "ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่ชื่อหวังเหลยและยังมีอีกคนที่ชื่อเย่เฟิงที่ดูเหมือนว่าพ่อของพวกเขาจะร่ำรวยมาก ฉันจะลองโทรขอความช่วยเหลือจากเขา"
เฉินเฟิงโทรหาพ่อแม่ของเขา
เหอหมิน กู่นาและคนอื่นๆ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช่นกัน
"ฉันมีเพื่อนที่อยู่ในไซต์ก่อสร้างท่าทางไม่เลวเลย ฉันจะลองขอให้เขาช่วยดู!" ซงชุนกัดฟัน เขานึกถึงคนที่น่ากลัวคนหนึ่งที่เขารู้จักและกดโทรออก
"ฉันก็จะขอให้พี่ชายของฉันช่วยด้วยเช่นกัน!" จางฮุยไม่ยอมแพ้
นอกจากนี้ หลังจากที่ลู่หยวนจากไป
เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือ oppo ออกมาและกดโทรออก
"ฮัลโหลเหล่าเซี้ยง"
เสียงแก่ที่เต็มไปด้วยพลังออกมาจากสายฝั่งตรงข้าม
"นายน้อย ผมดีใจมากที่ท่านโทรมา!"