ตอนที่ 9 การเจอกันครั้งแรก
บรรยากาศในรถตึงเครียด
หลังจากทำงานให้กับลู่จินเหนียนเป็นเวลาหลายปี ผู้ช่วยของเขาสามารถถอดรหัสอารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดาย แม้แต่การแสดงออกที่เล็กที่สุด
เมื่อใดก็ตามที่เขาเม้มริมฝีปากแน่นเขาก็มักจะอารมณ์ไม่ดี
แต่หลังอาหารเย็นเมื่อกี้เขาก็ยังสบายดีอยู่เลย แล้วเขาอารมณ์ไม่ได้จากอะไร? เมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?
แม้ว่าเขาจะมีความสงสัย แต่ผู้ช่วยก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เขาขับรถต่อไปอย่างมั่นคงเพียงแต่ถามด้วยน้ำเสียงคล้ายกับคุยธุรกิจว่า
"คุณลู่ คุณต้องการไปสนามบินเลยมั้ย?"
ลู่จินเหนียนยังคงเงียบ
ความเงียบในรถมีมากขึ้น
ลู่จินเหนียนมีบุคลิกที่เย็นชาจนทำให้คนอื่นเข้าใกล้ไม่ได้ และในขณะนั้นเองเขาก็ปล่อยความรู้สึกที่เย็นชาออกมามากจนบรรยากาศในรถไม่สงบ และหายใจไม่ออก
ผู้ช่วยยังคงขับรถไปข้างหน้า ไม่พูดอีกต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ถนนอย่างหมดจด ในขณะที่ความวิตกกังวลเข้าครอบงำเขาอย่างช้าๆ
ในขณะที่รถแล่นจากเลนที่สองถึงสามสภาพอากาศที่แจ่มใสก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ผู้ช่วยพูดอีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
"ฝนตก" เขาพูด
ในขณะที่คำพูดนั้นสายฝนก็ทวีความรุนแรงตกลงมาบนรถทำให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ
"ซู่"
ลู่จินเหนียนยังคงเงียบ
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับเป็นครั้งที่สองผู้ช่วยก็ยอมแพ้ปิดปากอย่างเงียบๆต่อไป
ฝนยังคงตกแรงขึ้นทำให้การมองเห็นข้างหน้าพร่ามัว และรถก็ชะลอตัว ขณะที่รถกำลังจะเลี้ยวไปสนามบินจู่ ๆ หลูจินเหนียนก็พูดว่า
"หยุดรถ"
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ก็เพียงพอให้ผู้ช่วยได้ยิน เขากระแทกเบรกทันทีเพื่อหยุดรถ
ผู้ช่วยหันกลับไปทางลู่จินเหนียน
“คุณลู่มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
อีกครั้งที่ลู่จินเหนียนนิ่งเงียบ ดวงตาทั้งสองจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่นักเรียนสองคนในเครื่องแบบ ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายต่างวิ่งฝ่าสายฝนอย่างเร่งรีบ พวกเขาลงเอยด้วยการซ่อนตัวอยู่ใต้อาคาร หลังจากนั้นประมาณสองนาทีพวกเขาก็ออกไปขึ้นรถแท็กซี่ แต่สายตาของลู่จินเหนียนยังคงจับจ้องไปที่จุดใต้อาคารที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่
ผู้ช่วยงุนงง จึงถามอีกครั้ง
"คุณลู่?"
ถึงกระนั้นลู่จินเหนียนก็ยังคงเงียบ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในภวังค์ความคิด เขาหลงไปในความทรงจำเมื่อหลายปีก่อน วันนั้นฝนตกอย่างหนักเช่นกันเขาและเฉียวอันห่าวต่างก็วิ่งไปที่อาคารเก่าหลังเดียวกันเพื่อหาที่พักพิงนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน ทั้งสองไม่พูดอะไรพวกเขามองหน้ากันเพียงเพื่อจะรู้ว่าพวกเขามาจากโรงเรียนเดียวกันจากเครื่องแบบของพวกเขา
"คุณลู่เครื่องบินจะออกในอีกสองชั่วโมง เราต้องเช็คอิน..."
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของผู้ช่วยก็ดังขึ้นอีกครั้ง คิ้วของลู่จินเหนียนกระตุกเล็กน้อย เขาหันศีรษะเล็กน้อยจ้องมองลึก ๆ อย่างสงบนิ่งไร้อารมณ์ ก่อนที่ผู้ช่วยจะพูดจบ ลู่จินเหนียนก็ตัดบทว่า
"คุณไปขึ้นแท็กซี่ที่ใกล้ที่สุดแล้วกันนะ"
"ฮะ?" ผู้ช่วยถามด้วยความตกใจ เขากำลังจะไปต่อ แต่ลู่จินเหนียนเสริมว่า
"วันนี้ฉันจะไม่ไปโรม เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้เช้าแทน"
เมื่อผู้ช่วยของเขาจากไปลู่จินเหนียนก็ย้ายไปที่ที่นั่งคนขับ เขาจับพวงมาลัยเขาเริ่มเคาะมันเบา ๆ ในที่สุดดูเหมือนว่าเขาจะยอมแพ้เขาก็หมุนกุญแจอย่างหงุดหงิดและขับรถมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองอย่างเด็ดขาด