Chapter 43: เจ้าชายกำลังกลับบ้าน – 1 (ส่วนที่1)
พาลาดินยืนตั้งแถวทั้งสองฝั่งของห้องโถงตำหนักจักรพรรดิและด้านข้างต่างเป็นขุนนางชั้นสูง ขุนนางที่สำคัญส่วนใหญ่ต่างถูกพบเจออยู่ในฝูงชนขนาดใหญ่
พวกเขาต่างรวมตัวกันที่นี่เพื่อฟังเรื่องราวอันแสนแปลกที่เกิดขึ้นใน ‘ดินแดนวิญญาณแห่งความตาย’ ยังไงก็ตาม สิ่งที่ฮาร์แมนพูดนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดคิดว่าจะได้ยิน
ดวงตาของชนชั้นสูงต่างแสดงให้เห็นถึงความตกใจ ปากของพวกเขายังปิดสนิท
“....เจ้าชายเป็นคนสังหารแวมไพร์งั้นเหรอครับ?”
“มีเจ้าชายที่ถูกส่งตัวไปยังดินแดนวิญญาณแห่งความตายด้วย?”
เสียงกระซิบมากมายต่างดังขึ้นระหว่างพวกชนชั้นสูง ในเวลาเดียวกัน พวกคนจากตระกูลราชวงศ์ต่างสบตากันเอง พวกเขาต่างส่ายหัวว่ามันไม่ใช่พวกเขา
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เปิดปากขึ้น “....ตอนที่เจ้าบอกว่าเจ้าชาย เจ้าหมายถึงองค์ที่เจ็ด? อัลเลน ออโฟเซ่?”
ชนชั้นสูงไม่กล้าที่จะยิ้มต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงส่ายหัวอย่างเงียบๆแทน ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น พวกเขายังคงอดที่จะยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ได้เหมือนกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลกอย่างมากมาย
เจ้าชายองค์ที่เจ็ด?
มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องจริง มันคงจะดีกว่าถ้าเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ฉี่รดกางเกงตัวเองอยู่ภายในห้อง
“มันเป็นแบบนั้นครับ ฝ่าบาท”
การตอบกลับของฮาร์แมนทำให้ชนชั้นสูงที่รวบรวมขมวดคิ้ว แม้แต่ลูกของราชวงศ์ยังขมวดคิ้ว
พาลาดินฮาร์แมนเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆและสังเกตท่าทางของจักรพรรดิ ปากของเขาปิดสนิทและดวงตาของเขาเปิดกว้างออก หลังจากนั้นเขาก็พูดไม่ออก
ฮาร์แมนเดาสิ่งที่องค์จักรพรรดิพอได้ มันเห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิไม่ได้เชื่อในคำพูดของเขา
เจ้าชายที่โง่เขลาซึ่งถูกขับไล่จากการแตะเนื้อต้องตัวนางสนมเป็นคนจัดการแวมไพร์ แม้แต่ฮาร์แมนยังพบว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของเขาเองเลย
“ฮาร์แมน ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ข้ามองเจ้าว่าเป็นชายที่มีคุณธรรมกว่าทุกคนเลยนะ แต่ดูเหมือนข้าจะคิดผิด ในตอนนี้เจ้า...” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เคลต์ ออโฟเซ่ขมวดคิ้ว มันทำให้เห็นว่าเขาไม่พอใจ “เจ้าได้ตัดสินใจจะเกาะแข้งเกาะขาเขาแล้วงั้นเหรอ? ไอ้บัดซบนั่น...?”
“ค่อก...”
เสียงไอดังขึ้นมาจากด้านข้างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นชายแก่วัยเจ็บสิบกว่าที่สวมชุดขาวที่ถือไม้เท้าของนักบวชอยู่
เขาน่าจะกำลังหยุดจักรพรรดิไม่ให้พูดคำพูดเหล่านั้นออกมาที่จะทำให้ตัวเองดูแย่
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เคลต์ ออโฟเซ่เหลือบตามองชายแก่ที่ซึ่งเป็นหัวหน้าบาทหลวงอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะหันกลับไปมองฮาร์แมน “เจ้าตัดสินใจที่จะสนับสนุนองค์ชายที่เจ็ดอย่างงั้นรึ?”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน องค์จักรพรรดิกำลังถามพาลาดินว่ากำลังเลือกที่จะรับใช้เจ้าชายองค์ที่เจ็ดอยู่
ฮาร์แมนยิ้มเจื่อนๆ
‘เลือดมันเข้มข้นกว่าน้ำสินะ’
เจ้าเด็กนั่นเป็นหลานชายของจักรพรรดิองค์นี้อย่างแน่นอน เขาเชื่อว่าเขาได้รับสืบทอดสายเลือดที่ดุร้ายของชายแก่ ท่าทางของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือนกับเจ้าชายเลย
“ไม่ครับ ฝ่าบาท ผมพูดความจริง”
เคลต์มองไปที่ฮาร์แมนที่กำลังคุกเข่าอย่างพูดไม่ออก สายตาของเขาแสดงให้เห็นถึงศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน
พาลาดินที่คอยปกป้องยูริเซียในอดีต ชายอย่างเขาไม่น่าจะมีความคิดแย่ๆแบบนั้น
“...หัวหน้าบาทหลวง เจ้าว่ายังไง?”
ฮาร์แมนเหลือบตาไปมองหัวหน้าบาทหลวงราฟาเอล แอสโทเรีย
เขาเป็นหนึ่งในสิบบุคคลที่ทรงอำนาจในจักรวรรดิ แต่โชคร้ายที่องค์ชายองค์ที่เจ็ดนั้นมีคดีที่พยายามจะข่มขืนหลานสาวของเขา
“เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ครับ ฝ่าบาท”
การประกาศของเขานั้นแสดงให้เห็นว่าฮาร์แมนกลายเป็นคนโกหก
พาลาดินกัดฟันแน่น เขาไม่ประหลาดใจเลยสักนิด
เขารู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายดายเลยในการยืนอยู่เคียงข้างเจ้าชายที่มีชื่อเสียงเลวร้ายแบบนั้น
“ยังไงก็ตาม...”
ราฟาเอล แอสโทเรียกัดฟันแน่น
เขาคงรู้สึกเดือดพล่าน หลังจากที่นึกถึงภาพที่เจ้าชายองค์ที่เจ็ดกำลังพยายามข่มขืนหลานสาวที่ล้ำค่าของเขา
แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เขายังคงเก็บอารมณ์และพูดต่อ
“....ข้าได้ยินรายงานมาว่าประชาชนของโรเนียต่างสนับสนุนองค์ชายที่เจ็ดกันแล้ว มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนเรียกเขาว่านักบุญด้วยเช่นกัน”
ทันใดนั้นเองเสียงอุทานก็ดังขึ้นในห้องพระโลง ต้นกำเนิดของเสียงนั้นมาจากทางที่เจ้าชายและเชื้อพระราชวงศ์อยู่
คนที่อุทานออกมาคือเจ้าชายองค์ที่สาม เขารู้ตัวเองและรีบปิดปากแน่น เขากลืนน้ำลายลงไปและก้มหัวลง เพราะรู้ว่าตัวเองผิด
ราฟาเอลพูดต่อ “มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ที่องค์จักรพรรดิตรวจพบออร่าที่แปลกประหลาดที่อยู่ภายในปราสาทโรเนีย ด้วยเหตุนี้มันจึงจำเป็นต้องทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด”
เคลต์ ออโฟเซ่ตอบกลับ “เจ้ากำลังจะบอกว่าออร่าตอนนั้นคือพลังขององค์ชายที่เจ็ด?”
“ไม่ครับ ฝ่าบาท ผมแค่ไม่ต้องการให้องค์ชายที่เจ็ดแย่งความดีความชอบของคนอื่นครับ”
“...อืม” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ตอบกลับก่อนที่จะหันไปจ้องฮาร์แมน “สิ่งที่เจ้ารายงานมามันเป็นเรื่องเท็จหรือไม่ มันยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เจ้าได้รับความดีความชอบอย่างมากในการปกป้องปราสาทโรเนีย ด้วยเหตุนี้แล้ว..”
จักรพรรดิยกมือขึ้นและประกาศ
“เจ้าเมืองโรเนีย วิสเคานต์เจนาล ริปปางค์จะได้รับตำแหน่งเคานต์ พาลาดินฮาร์แมน ไดอันจะได้รับพื้นที่ขนาดเล็กที่เหมาะสมทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ และสุดท้ายแล้ว...”
เขายกมือลงจนทำให้บรรยากาศรอบข้างต่างเงียบสนิท
ดวงตาของจักรพรรดิปิดลง เขาพูดพึมพำเหมือนกับตัวของเขาเอง
“...ข้าจะลดบดลงโทษของเจ้าชายองค์ที่เจ็ด อัลเลน ออโฟเซ่ ทันทีที่เขาฟื้นตัวดี เขาจะถูกพากลับมายังราชวังในทันที ข้าจะไปพูดคุยกับเขาด้วยตัวของข้าเอง”
หัวหน้าบาทหลวงราฟาเอลขมวดคิ้วจากสิ่งที่เขาได้ยิน เขาเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการพูด แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยกมือของเขาขึ้นและหยุด
“มีข้อโต้แย้งอะไรไหม? ฮาร์แมน?”
“ไม่ครับ ฝ่าบาท”
ฮาร์แมน ไดอันโค้งตัวให้กับคำถามของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
**
สถานที่ที่ฮาร์แมนนั้นเดินไปต่อนั้นคือห้องที่ถูกแยกไว้อยู่ภายในส่วนลึกของพระราชวัง เขาเปิดประตูและก้าวเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะได้รับการทักทายจากเสียงที่คุ้นเคย
“...นั่นเจ้าหรือ ฮาร์แมน?”
“ครับ ฝ่าบาท”
แม้ว่ามันจะเป็นช่วงกลางวัน ผ้าม่านทั้งหมดต่างถูกรูดไว้ มันทำให้ทั้งห้องนั้นมืดสนิท ฮาร์แมนยกเทียนขึ้นมาวางบนชั้นวางของด้านข้าง
ชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนกำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ทั่วทั้งร่างของเขาต่างถูกพันด้วยผ้าพันแผล
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะเดาอายุของชายหนุ่ม เมื่อวัดตามสภาพร่างกายและน้ำเสียงของเขาแล้ว เขาน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบกว่าปี
“ท่านสบายดีไหมครับ เจ้าชายองค์แรก?”
เขาคือลูกชายคนแรกของยูริเซีย รวมทั้งยังเป็นพี่ชายคนโตของเจ้าชายองค์ที่เจ็ด เขาคือ รวน ออโฟเซ่
ชายหนุ่มจ้องไปที่ฮาร์แมนและตอบกลับ “สบายดี? ฮ่าๆๆ เจ้านี่พูดอะไรตลกเสียจริง ฮาร์แมน เจ้ากับคนอื่นรู้ดีว่าสภาพปัจจุบันของข้าเป็นยังไง เอาเถอะ ยังไงข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าข้าจะต้องมีชะตาที่จะได้รับบาดเจ็บอย่างทุกข์ทรมานจากคำสาปที่น่ากลัวนี่ มันคงจะไม่แปลกสำหรับข้าหรอกที่จะตายในวันรุ่งขึ้น หรือจะเป็นวันนี้ก็ตาม”
“...”
เจ้าชายองค์แรก รวน ออโฟเซ่มีหัวใจที่โดนคำสาป
พลังมารได้แทงทะลุไปยังหัวใจของเขาและฝังรากไว้ที่นั่น คำสาปนี้ได้กัดกินอายุขัยของเขาไปอย่างต่อเนื่อง
ผิวหนังของเขาที่เน่าเปื่อย สัมผัสทั่วทั้งร่างของเขาเริ่มจะด้านชา เขาเริ่มที่จะสูญเสียสัมผัส กลิ่นและรสไปแล้ว มันเหลือเพียงแค่สองอย่าง นั่นก็คือการมองเห็นและการฟัง ซึ่งมันกำลังย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ และมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสูญเสียไปได้ในทุกขณะ
ตั้งแต่ที่พลังมารมันได้ซ่อนตัวอยู่ในหัวใจของเขา การรักษาเขามันจึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ นั่นหมายความว่าเขากำลังค่อยๆกลายเป็นศพที่มียังชีวิตอยู่
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพยายามที่จะสนับสนุนเจ้าชายองค์ที่เจ็ด”
“ครับ ท่าน..”
รวนลุกขึ้นยืนและจับไปที่คอเสื้อของฮาร์แมน ดวงตาของชายหนุ่มแสดงให้เห็นถึงความดุดัน “เจ้ากล้าที่จะพูดให้กับเจ้าขยะนั่นได้ยังไงกัน เขาที่เป็นต้นกำเนิดการตายของพระมารดาของพวกเราอะนะ? เจ้าขยะนั่นที่ทำให้เชื้อเสียงของเธอแปดเปื้อนเนี่ยนะ? ไอ้โง่! แกบ้าไปแล้วเหรอ?! เป็นบ้าอะไรไปแล้ว? เจ้าตระหนักได้ว้าข้าจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้วงั้นเรอะ? เลยคิดจะไปเกาะขาของเจ้าสารเลวนั่น? ฮ่าๆๆ! ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเจ้าเลือกได้โง่เขลามาก ไอ้สารเลวชั้นต่ำนั้นไม่มีทางที่จะกลายเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์องค์ต่อไ...!”
เจ้าชายองค์แรกสะดุ้งและปล่อยคอเสื้อของพาลาดิน ถึงแม้ว่าเขาจะใช้กำลังไปเพียงนิดเดียว เลือดก็เริ่มที่จะไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา
รวนกัดฟันและนวดหน้าผากตัวเอง “...ข้าพูดมากเกินไป ขอโทษ เจ้าไม่ใช่ชายที่จะลดตัวต่ำ”
“องค์ชายที่เจ็ดไม่ควรที่จะเป็นคนที่โดนพาลครับ ฝ่าบาท ข้าเองแหละที่ควรเป็นคนต้องรับผิดชอบ ถ้าข้ายังอยู่และปกป้องท่านเมื่อตอนนั้นนะ...”
“เจ้าจำไม่ได้หรือไงว่าข้าเป็นคนสั่งเจ้าเอง ข้าสั่งให้เจ้าพากำลังเสริมมาไม่ใช่รึไง?”
“แม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งของท่านก็ตามที ข้ายังคงล้มเหลวในการปกป้องท่านอยู่ดี ฝ่าบาท มันเหมือนกับว่าข้าวิ่งหนีไปจากหน้าที่ มันเป็นเพราะความขี้ขลาดของข้าเอง”
“ถ้าเจ้าไม่ได้พากำลังเสริมมาตอนนั้น ทั้งข้าและองค์ชายที่เจ็ดก็คงจะไม่รอดหรอก”
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว การตัดสินใจที่ถูกต้องนั้นคือการส่งฮาร์แมนออกไปขอความช่วยเหลือจากพาลาดินคนอื่น แน่นอนว่ายูริเซียได้เสียชีวิตลงไปแล้วและเจ้าชายก็ได้รับคำสาปที่ชั่วร้ายนั่น เมื่อตอนที่พวกเขามาถึง
ฮาร์แมนพูดขึ้น “ฝ่าบาท ท่าน..?”
รวนหันกลับไปมองพาลาดิน
“...ท่านเกลียดองค์ชายที่เจ็ดมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”