บทที่ 58 โทร์วแมนริงส์ (3)
การสนทนากับเบเนียงใช้เวลาไม่นานนัก
เฟรย์เพียงถามในสิ่งที่เขาต้องการและภายในหนึ่งชั่วโมงเขาก็ออกจากบ้านไปอีกครั้ง
ในกรณีนี้จิเซลลันที่อยู่ข้างนอกถามขณะมองไปที่เฟรย์ที่กำลังจะเดินออกไป
“มาสเตอร์เบเนียงเขาถามถึงเรื่องอะไร?”
“เขาแค่ถามคำถามสองสามข้อ”
“เขาถามอะไร?”
“ตำแหน่งของบาซิลิสก์เทล…และกฎบางอย่างที่มีอยู่ในเซอร์เคิล”
“…”
การแสดงออกของจิเซลลันแข็งขึ้นเล็กน้อย
นี่เป็นเพราะเขากังวลว่าเฟรย์จะเข้าร่วมพวกเขาและยืนอยู่อีกด้านหนึ่งหลังจากเรียนรู้ตำแหน่งของบาซิลิสก์เทล
ในทางกลับกันการแสดงออกของเบเนียงนั้นซับซ้อน
คำถามของเฟรย์ดังก้องในใจเธออีกครั้ง
หนึ่งในนั้นที่ประทับใจที่สุด
'ฉันสามารถสมัครเข้าร่วมเรลลิคแบทเทิลด้วยสถานะของคนพเนจรได้มั้ย?'
* * *
“เป็นเรื่องจริงที่เขาว่ากันว่าไม่มีนกตัวใดที่ไม่มีวันตกลงมา”
อองตวนหัวเราะกับคำพูดของอลันผู้บริหารหนุ่มของบาซิลิสก์เทล
“นั่นอธิบายโทร์วแมนริงส์ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยละ”
“ก็เหมือนที่นายพูด ฮ่า ๆ ๆ”
กลุ่มของอองตวนซึ่งเพิ่งกลับมาที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขา พวกเขาเลยส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
พวกเขามองลงไปดูกำไรจากการเดินทางของพวกเขาอย่างมีความสุข
โทร์วแมนริงส์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสี่เซอร์เคิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! แต่ดูพวกเขาตอนนี้สิ
สำนักงานใหญ่ของพวกเขามีขนาดเล็กกว่ารูหนูและพลังอำนาจของพวกเขาก็มีไม่ถึงหนึ่งในสิบของตอนที่พวกเขาอยู่จุดสูงสุด
'ดีละ ต้องขอบคุณพวกนั่นจริงๆเลยทำให้พวกเราได้ดื่มน้ำหวานนี้ไปเรือยๆ '
พวกเขายึดสิ่งประดิษฐ์ไปแล้วสามชิ้น
ถ้าจำนวนเซอร์เคิลขนาดกลางและขนาดเล็กอื่นๆรวมกันมันก็ควรจะอยู่ที่ประมาณสิบชิ้น
ตอนแรกพวกเขากังวลเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าโทร์วแมนริงส์นั้นอ่อนแอแค่ไหน แต่หลังจากการต่อสู้เพียงไม่กี่ครั้งพวกเขาก็ได้รับความมั่นใจ
พวกเขาจำเป็นต้องระวังแค่คนสองคนในโทร์วแมนริงส์นั้นก็คือเซอร์เคิลมาสเตอร์เบเนียงและฟอร์สออเนอที่ชื่อเอียเซิก
เวลาที่ดีที่สุดในการประลองคือเมื่อสองคนนี้ไม่อยู่และมันก็ได้ผลตอบแทนกลับมาดีเสมอ
“ราวเดอร์อองตวน มีแขกมาขอพบครับ”
สมาชิกในเซอร์เคิลมารายงานให้ทราบ
อองตวนขมวดคิ้วเพราะยังไม่ได้เก็บของและพักผ่อน
“แขกตอนดึกเหรอ? มันเป็นใครกัน?”
“คนพเนจรครับ”
“คนพเนจร?”
นี่เป็นคำเฉพาะ
คนพเนจรเป็นคำที่เซอร์เคิลใช้เพื่ออธิบายบุคคลที่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเดมิก็อดและมีวัตถุของวีรบุรุษแต่ยังไม่ได้เข้าร่วมเซอร์เคิลใดๆ
"เขาต้องการอะไร?"
“คือ…เขาประกาศขอท้าสู้เรลลิคแบทเทิลกับเราครับ…”
"อะไรนะ?"
การแสดงออกของอองตวนเต็มไปด้วยความรังเกียจ
อันที่จริงนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้
นี่เป็นเพราะบาซิลิสก์เทลเป็นเซอร์เคิลที่ทรงพลังที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยเหตุนี้คนพเนจรและผู้หลบหนีจำนวนมากที่หลบหนีจากเซอร์เคิลของตัวเองจึงมาที่นี่เพื่อแสวงหาโชคลา�
ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขามีนั้นเป็นสิ่งของระดับต่ำที่แทบไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกว่าเป็นไอเทมวิเศษได้เลย ดังนั้นจึงไม่มีความเสียหายมากนักแม้ว่าพวกเขาจะสูญหายตายไป
“โยนเขาออกไป ให้แน่ใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก”
กฎกล่าวไว้ว่าผู้ถูกท้าประลองจะไม่สามารถปฏิเสธเรลลิคแบทเทิลได้ แต่จะไม่มีปัญหาหากคุณไล่คนๆนั้นออกไป
เฉพาะผู้ที่มีทักษะไม่เก่งพอเท่านั้นที่เลือกที่จะเร่ร่อนดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่จะยืนหยัดเพื่อพวกเขา
ยกเว้นว่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นผู้บริหาร
“เรา - เราพยายามทำอย่างนั้นแล้ว แต่เขาแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดไว้จึงเป็นไปไม่ได้ครับ”
“ยามจัดการเขาไม่ไหวเหรอ?”
"ใช่ครับ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีสิ่งประดิษฐ์ที่ดีพอสมควรเลย”
ในขณะที่สมาชิกในเซอร์เคิลพูดสิ่งนี้เขาก็นึกถึงเสื้อคลุมที่คนพเนจรผมสีเทาสวมใส่
เขาไม่แน่ใจนักแต่มันต้องเป็นเสื้อคลุมที่มีราคาแพง
นั่นทำให้การแสดงออกของอองตวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถ้าเขามีสิ่งประดิษฐ์ที่ดีจริงๆมันก็เป็นเรืองที่น่าสนใจไม่เลว
นอกจากนี้เขายังบอกไปแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถไล่คนๆนี่ออกไปได้แม้จะมีองครักษ์ชั้นยอดที่พวกเขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ
“ฉันจะไปดูแลเขาเป็นการส่วนตัว”
“ราวเดอร์อองตวนจะไปเองเลยหรือครับ?”
"ใช่"
โดยปกติเขาจะส่งหนึ่งในออเนอมาจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้แต่เขาอารมณ์ดีในวันนี้เป็นพิเศษ
เขาตระหนักว่าการล่มสลายของโทร์วแมนริงส์อยู่ใกล้แค่เอื้อมและเขาก็สามารถหาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ได้เพิ่ม
ดังนั้นอองตวนจึงตัดสินใจเปิดโอกาสให้คนพเนจรคนนี้ได้พบเขาเป็นการส่วนตัว
เขาติดตามผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
สำนักงานใหญ่ของบาซิลิสก์เทลตั้งอยู่ในถ้ำไม่ไกลจากป่าพายซิสโก
เนื่องจากมีการสร้างเพิ่มภายในถ้ำ มันจึงกว้างขวางและสามารถรองรับได้ถึง 200 คน พวกเขายังสร้างที่ยึดเพดานเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาในถ้ำอีกด้วย
คาถาหลอนประสาทและเวทย์ป้องกันถูกวางไว้ที่ทางเข้าถ้ำเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกลัวสัตว์ป่าหรือคนพเนจรที่หลงเข้าไปในฐานลับของพวกเขา
พอมาถึงปากถ้ำเขาเห็นชายหนุ่มยืนรออยู่
เขาเป็นชายหนุ่มผมสีเทาที่หล่อเหลาและมีสีหน้าสงบซึ่งดูเหมือนจะไม่เข้ากับอายุของเขา
อองตวนไม่รู้จักเฟรย์
เขาสูญเสียเส้นประสาททันทีเมือรู้เรืองร่าวจากเบเนียงจึงรีบเดินทางออกจากฐานของโทร์วแมนริงส์
“นายเป็นคนพเนจรหรอ? นายชื่ออะไร?”
“เฟรย์”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้
ชื่อเสียงของเฟรย์มีเพียงผู้บริหารในเซอร์เคิลใหญ่ๆอย่างบิ๊กทรีเท่านั้นที่รับรู้
อีกอย่างเซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางส่วนใหญ่อย่างบาซิลิสก์เทลไม่เคยเห็นแม้แต่อัครสาวกเลยนับประสาอะไรกับเดมิก็อด
โดยปกติงานของพวกเขาคือการทำความสะอาดหลังจากมีการกำจัดสัตว์ประหลาดและรวบรวมข้อมูล
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเคยได้ยินข่าวนี้
"ใช่นายมีธุระอะไรที่นี่?”
เฟรย์ตอบกลับโดยนึกถึงคำพูดของเบเนียง
“ลูกน้องของนายคงแจ้งให้ทราบแล้ว หรือฉันต้องพูดอีกครั้ง?”
มันไม่สำคัญ
เฟรย์พึมพำภายใต้ลมหายใจของเขาครู่หนึ่งก่อนจะกระแอมในลำคอและประกาศเสียงดัง
“คนพเนจรเฟรย์ขอประกาศท้าดวลเรลลิคแบทเทิลอย่างเป็นทางกับบาซิลิสก์เทล ฉันไม่รู้ว่าแค่นี้เพียงพอหรือเปล่า?”
“ฮู”
อองตวนเย้ยหยัน
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ทำเช่นนั้น
ใบหน้าของสมาชิกทุกคนรอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“ฉันไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มาจากไหนกันแน่แต่นายตั้งใจจะเดิมพันสิ่งประดิษฐ์อะไรละ?”
"อันนี้"
เฟรย์หยิบกริชสั้นออกมาจากกระเป๋าก่อนจะโยนมันไปข้างหน้า
กริชหมุนไปในอากาศสองสามครั้งก่อนที่จะปักลงบนพื้นดัง ‘ปุก’ เบา ๆ
มันเป็นกริชที่ประดับไปด้วยเพชรพลอยหลากสี
“ กริชคุงยูนิล มันเป็นไอเท็มระดับพรีเมี่ยมที่เหมาะสำหรับใช้เป็นอาวุธ มันถูกสลักไว้ด้วยรูนบลิ้งและรูนหวนกลับซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเทเลพอร์ตไปมาได้
“…ถ้านายโกหกละก็ -”
“มาตรวจสอบด้วยตัวเองสิ”
อองตวนสังเกตเฟรย์ก่อนจะเหลือบไปมองที่อลันที่อยู่ข้างหลังเขา
อลันดึงกริชที่ติดอยู่บนพื้นออกมาและตรวจดูอย่างระมัดระวัง
อึก!
‘ - นี่มัน…!’
มันเป็นไอเท็มที่น่าทึ่งมาก
ใครๆก็สามารถบอกได้ว่ามันวิเศษแค่ไหนเพียงแค่มองดูมัน ใบมีดเป็นสีเงินและสลักด้วยอักษรรูนจำนวนมาก
“ผม - ผมแน่ใจว่านี่ต้องมาจากยุคแห่งแสง! กริชนี้ทำจากมิธริลและมีอักษรรูนเวทย์มนตร์หลายอันสลักอยู่!”
ดวงตาของอองตวนเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
ถ้ามันมาจากยุคแห่งแสงนั่นหมายความว่ามันเป็นไอเท็มจากยุคของมหาจอมเวทย์ลูคัสและเหล่าฮีโร่อีกสี่คน
ไอเท็มในช่วงเวลานั้นล้วนถูกสลักด้วยอักษรรูนเวทย์มนตร์อันทรงพลัง
ดวงตาของอองตวนเต็มไปด้วยความโลภทันที
“หรือมันไม่เพียงพอที่จะเรียกมันว่าไอเท็มวิเศษหรอ นายคิดว่ายังไง?”
“คุคุ ดีละ”
จากรูปลักษณ์ของมันเขาต้องพบมันในดันเจี้ยนใต้ดินที่ไหนสักแห่ง แต่อองตวนเคยรับมือกับพ่อมดเช่นนี้มาแล้วหลายคน
ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยพลังแห่งวัยเยาว์ เขามาที่นี่เพื่อเลือกการต่อสู้เพราะเขามั่นใจในทักษะของเขา
เขาน่าจะอยู่ในระดับ 5 ดาวหรืออาจจะเป็นพ่อมดระดับ 6 ดาวก็ได้ แต่อองตวนก็ไม่กังวล
การต่อสู้สามารถมีได้ถึงสามครั้งต่อวัน
เขาไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะชนะทั้งสามครั้ง แต่มันก็ไม่สำคัญแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จก็ตาม
เพราะนี่คือสำนักงานใหญ่ของพวกเขา ไม่มีใครรู้ความจริงถ้าเขาฆ่าชายหนุ่มที่นี่
นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกว่าพ่อมดที่อยู่ตรงหน้าเขายังเป็นเด็กน้อยที่เป็นกบอยู่ในกะลา
ไม่อย่างนั้นทำไมเขาต้องไปที่สำนักงานใหญ่ของคนอื่นตัวคนเดียวแล้วขอท้าประลองเรลลิคแบทเทิล
มันเป็นความบ้าคลั่งเว้นแต่ว่าเขาจะมีพลังที่จะทำลายเซอร์เคิลได้ด้วยตัวเขาเอง
อองตวนยิ้ม
"เข้ามาเลยไอ้หนู!"