ตอนที่ 37.3 - เนื้อพันมัตสุทาเกะ (ฟรี)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
เมืองเฟิ้ง.
เฟิ้งโหลวใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงไปที่เมืองเฟิ้ง5วันบนกริฟฟิน. พอเขาไปถึงที่บ้านตระกูลเฟิ้งเขาก็รีบเอาดอกบัวหยกอมตะให้ท่านปู่ของเขาทันที.
“ท่านปู่ครับ ท่านคิดว่าอย่างไรครับ?”
พอท่านปู่เฟิ้งเห็นดอกบัวสีหยกด้านในกล่องที่ทำจากหยก ดวงตาของเขาก็ลุกโชน. แต่เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ขณะที่ค่อยๆยกมันออกมา. เขาดมดอกบัวนั่นเบาๆแล้วกลิ่นหอมก็ทะลุผ่านจมูกเข้าไปถึงภายในเลย. ต่อมาเขาก็ค่อยๆเลียไปที่กลีบดอกกลีบหนึ่ง พยายามข่มใจไว้ไม่ให้กัดมันเข้าไปขณะที่ได้รสชาติหวานอ่อนๆ. เขามั่นใจแล้วว่าดอกบัวหยกนี่เป็นของจริง.
“หลานได้มันมาจากไหน?” ท่านปู่เฟิ้งถาม “หลานเอาอะไรไปแลก?”
“เพื่อนครับ. นางมอบมันให้ผมโดยแลกกับให้ความช่วยเหลือนาง ตอนที่ผมกลับไปถึงที่เมืองหลวงครับ” พอเขารู้แล้วว่านี่เป็นของจริง เฟิ้งโหลวก็ยิ่งรู้สึกทราบซึ้งมากๆที่มีเพื่อนดีๆแบบนี้. ขนาดเขาเองยังไม่กล้าเอาของล้ำค่าให้กับเพื่อนสนิทเลย ยิ่งคนแปลกหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง.
ถ้าเขารู้ว่าชิยูมอบดอกบัวนี้ให้เขาโดยที่เธอไม่รู้คุณค่าของมันเลยล่ะก็ เขาคงไม่ซึ้งใจขนาดนี้.
ท่านปู่เฟิ้งพยักหน้า “ดอกบัวหยกอมตะนี่เป็นของสำคัญต่อตระกูลเฟิ้งเรามากๆ. ไปคัดลอกบัญชีของล้ำค่าทั้งหมดที่เรามีซะ พอถึงเมืองหลวงแล้วให้นางเลือกเลยว่าอยากได้อะไร.
“ครับผม” เฟิ้งโหลวเห็นด้วย.
พอชิยูออกไปจากบ้านพักของตระกูลเฟิ้งแล้ว เธอมองดูจำนวนเงินอันร่อยหรอในกระเป๋าเธอแล้วรีบไปเด็ดผลชาดจอแสในมิติมาขาย.
“จะว่าไปแล้ว ผลชาดจอแสนี่อยู่ระดับไหนหรอ?” ชิยูถามซันผัง.
“ระดับกลางสีเหลือง” ซันผังกล่าวจากนั้นก็พูดต่อ “ชั้นแนะนำว่าอย่าขายดีกว่านะ เก็บไว้ใช้กับตัวเธอเองดีกว่า”
“แต่ถ้าชั้นเอามันไปทำยาแล้วกินเอง สถานะการเงินของชั้นก็ไม่คืบหน้าสิ. ชั้นว่าเอามันไปขายเพื่อเอาตัวรอดดีกว่ากินมันเองจะดีกว่านะ”
“ก็จริงนั่นแหละ”
พอชิยูเด็ดผลชาดจอแสออกมาหมดแล้ว พอนับดูก็ได้ประมาณ100กว่าลูก. เธอเอาไปขายให้ร้านยาหลายๆร้านทีละน้อยๆ. พอมานั่งนับแล้วเธอขายไปได้ประมาณ5ล้านตำลึงเงิน.
ขณะเดินดูของที่ย่านการค้าอยู่นั่น เธอก็เห็นของเตะตาหลายๆอย่าง. แต่ของที่ทำให้เธอสนใจมากทื่สุดก็คือบัตรเชิญไปงานเลี้ยงที่วังหลวงอีกครึ่งเดือน.
“มีคนเอามันมาขายจริงๆด้วยเหรอเนี่ย…..” ชิยูจ้องไปที่บัตรเชิญ มันอัดอยู่ในกรอบไม้ราคาถูกๆเหมือนกับภาพวาดเลย.
แต่คนที่ขายบัตรนี่บอกว่าเขาไม่อยากได้เงิน เขาอยากได้ของซักชิ้นแทน. โดยเฉพาะยาที่หายากแบบเห็ดหลินจือน้ำแข็ง. มันจะไม่หายากอะไรขนาดนั้นหรอกถ้าเขาไม่อยากได้ที่มันมีอายุ500ปีด้วยอะนะ.
“เห็ดหลินจือน้ำแข็ง500ปีนี่เกือบจะระดับสีเหลืองเลยนะเป็นยาระดับสูงด้วย. หึๆ เจ้าหมอนี่รู้จักขายของจริงๆ” ซันผังกระซิบ. เขากลับร่างเป็นหัวไชเท้าเหมือนเดิมแล้วพยายามทำตัวนิ่งๆที่แขนของชิยู.
ชิยูสังเกตุชายที่ขายบัตรเชิญนี่. เขาอยู่ในวัยกลางคน ใส่เสื้อผ้าหลวมๆและสกปรกมากๆ. ที่ดวงตาของเขาก็มีเส้นเลือดขึ้นมา เสื้อผ้าเขาดูไม่ได้ซักมานานมาก.
“พ่อใหญ่, หาเรื่องให้บัตรมันแพงจริงๆนะ?” มีคนพูดขึ้นมา.
“ซื้อไม่ไหวก็ไม่ต้องซื้อเส่” เขาพูดเสียดสี.
ด้วยท่าทางโหดๆแบบนี้ คงที่พยายามจะมาต่อราคาด้วยคงโดนด่าแหง. แต่เอาจริงๆใครมันจะหาเห็ดหลินจือน้ำแข็ง500ปีมาแลกได้กัน.
“นายว่าจะมีคนมาแลกมั้ย?” ชิยูถามซันผัง.
“มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่จะโดนหลอกน่ะ”
ชิยู: “.....”
พอออกร้านนั่นไปชิยูก็เดินต่อ พยายามมองหาของใหม่ๆ. สุดท้ายเธอก็จ่ายไป2แสนกับหน้ากากหน้าคนแล้วก็ซื้อสมุนไพรที่มีคุณค่าทำยาถูกๆไปด้วย. เนื่องจากพวกสมุนไพรนี่ยิ่งอยู่นานยิ่งคุณภาพดี อันที่เธอซื้อมานั้นยังสดๆอยู่เลย.
ชิยูหอบของกลับโรงเตี๊ยมไป. พอเข้าห้องมาแล้วเธอก็วางซันผังลงแล้วเข้ามิติลับไป. เธอสังเกตุเห็นว่าพวกผักที่ปลูกไว้ในมิตินั้นโตเร็วมากๆ. เธอจึงใช้ประโยชน์นี้ปลูกสมุนไพรที่เพิ่งซื้อมาไว้รอบๆมุมซะเลย. ส่วนเห็ดหลิงจือน้ำแข็ง3ดอกที่ซื้อมานั้นเธอฝังมันลงที่ข้างๆบ่อน้ำพุแห่งชีวิตไว้.
ที่ด้านบนดอกของหลิงจือน้ำแข็งนั้นมีลายหนึ่งเส้นสีจ้าๆอยู่ มันจะมีเส้นเพิ่มขึ้นมาทุกๆ100ปี. ดังนั้นเห็ด500ปีก็จะมีเส้นอยู่5เส้น. ชิยูหวังว่าเจ้าเห็ดพวกนี้น่าจะมีเส้น
ครบ5เส้นก่อนงานเลี้ยงจะมาถึงนะ!
หลังจากทำสวนเสร็จแล้ว ชิยูก็ลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆมิติ. รอบๆนั้นดูเขียวชอุ่มไปหมด ไม่มีใบเหี่ยวเฉาเลยซักที่. ที่สำคัญกว่านั้นในนี้มันดูใหญ่ขึ้นรึป่าวนะ?
พอเธอออกมาจากมิติ เธอก็เห็นซันผังกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียบงดูสนุกสนานมาก. ตลอดเวลามานี่เขาไม่เคยพูดอะไรเลยเกี่ยวกับการที่เธอแว่บหายไปหายมาในอากาศเลย. ดูเหมือนว่าเขาจะเคารพความลับของเธอมากและไม่พยายามอยากรู้ด้วย. เพราะถ้ามีคนพยายามจะล้วงความลับคนอื่น ถ้าโดนจับได้ก็คงไม่ดีแน่.
“ซันผัง นายรู้เรื่องเกี่ยวกับสมาคมเทพอาหารมั้ย?” ชิยูอยากถามหมอนี่ด้วยเหมือนกัน. ข้อมูลที่เธอได้ฟังมาจากเฟิ้งโหลวมันคลุมเครือเกินไป. เนื่องจากเรื่องนี้มันเกี่ยวกับการทำอาหารด้วยเธอเลยอยากรู้.
“สมาคมเทพอาหารงั้นหรอ?” ซันผังกะพริบตา ในสายตาของเขามีความยกย่องอยู่ “เป็นสมาคมที่ยอดเยี่ยมนะ”
“หือ?”
“ว่ากันว่าคนที่เข้าสมาคมเทพอาหารได้นั้นต้องเป็นสุดยอดของสุดยอดเลยนะ” ซันผังลุกขึ้นนั่งตัวตรง. “ขนาดภพที่อยู่สูงๆน่ะ ยังยอมรับสมาคมเทพอาหารเลย. ถ้าเธอมีโอกาสล่ะก็น่าจะลองเข้าไปเป็นสมาชิกดูนะ”
ชิยูเริ่มสนใจเรื่องสมาคมเทพอาหารนี่มากขึ้นเรื่อยๆ. แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่วางใจ เพราะมีหลายๆกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘สุดยอดของสุดยอด’ อยู่ เจ้าหัวไชเท้านี่ก็ติดแหงกอยู่ในภูเขานั้นมาตั้งหลายปี เขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ได้ยังไง?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิยูก็หมั่นไปดูเห็ดหลิงจือน้ำแข็งของเธอทุกๆวัน. พอไม่มีอย่างอื่นให้ทำเธอก็ไปซื้อของอีก. ครั้งนี้เธอไปที่ร้านเสื้อผ้า ไปดูชุดฮั่นฝูสวยๆเหมือนที่คนจีนโบราณใส่กันตามที่เธอเห็นในทีวี.
นอกจากจะดูประณีตมากๆแล้ว เนื้อผ้ายังดูแพงและคุณภาพดีๆทั้งนั้น บางชุดก็มีอัญมณีฝังอยู่ทำให้ชุดดูระยิบระยับขึ้นด้วย. แล้วเธอก็เจอเสื้อตัวนึงที่มีลายที่เรียกว่า ‘ดั่งสุริยะย้อมสีเมฆที่ลอยอยู่’.
ด้วยความที่เป็นผู้หญิง ชิยูก็ต้องชอบทำตัวให้สวยเป็นธรรมดา. เธอรักชุดฮั่นฝูมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ถ้าจะใส่มันไว้ตลอดทุกวันคงจะไม่สะดวกเท่าไหร่. แถมรูปร่างเธอก็ใส่ไม่ได้ด้วย. แต่ตอนนี้เธอมีทั้งเงินทั้งรูปร่างที่ใส่ได้แล้ว จะลังเลทำไมเล่า?
เธอเลยซื้อทุกตัวที่เข้าตาเธอ แล้วพวกมันก็จะถูกจัดส่งไปให้ที่โรงเตี๊ยม. ตอนนี้เธอมีเสื้อผ้าสวยๆแล้ว เธอก็ต้องหาเครื่องประดับสวยๆให้เข้ากันด้วย.
ผู้หญิงที่ไหนจะทนเสียงเรียกของเหล่าเครื่องประดับได้เล่า? ทั้งแหวน, สร้อย, กำไล, ปิ่นแล้วก็หวี ทุกสีทุกลายเลย. ชิยูซื้อทุกอย่างที่เตะตาอย่างบ้าคลั่งมากๆ. พอเธอออกร้านเครื่องประดับมา เธอก็ช้อคกับจำนวนตัวเลขเงินที่ปลิวหายไปเหมือนกับสายลม. แต่พอนึกถึงพวกเครื่องประดับที่เธอเก็บไว้ในมิติแล้ว เธอก็รู้สึกพอใจมากๆ.
ตั้งแต่มาที่นี่ชิยูรู้สึกคิดถึงหลายๆอย่างมากๆ.
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ โดยเฉพาะเวลาที่คนกำลังมีความสุขกับการซื้อของต่างๆ. 7-8วันผ่านไปราวโกหก เห็ดหลิงจือน้ำแข็งดอกหนึ่งของเธอมีลายเส้นที่5ออกมาแล้ว.
ในวันนั้นชิยูก็ย้ายออกจากโรงเตี๊ยมไป. แล้วไปพักที่โรงเตี๊ยมแห่งใหม่พร้อมใส่หน้ากากคนกับชุดใหม่ของเธอ. พอใส่หน้ากากพร้อมกับชุดใหม่แบบนี้คงไม่มีใครจำเธอได้แน่นอน เธอรีบไปที่ตลาดที่เคยไปมาเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อไปที่แผงลอยนั่น.
ตรงนั้นเองมีชายวัยกลางคนดูท่าทางไม่สะอาดนั่งขายบัตรเชิญอยู่ เขาดูไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิมอีก แต่พอดูดีๆแล้ว คิ้วที่ขมวดอยู่นั่นดูเครียดมากกว่าไม่สบอารมณ์.
ชิยูกล่าว “ชั้นอยากได้บัตรเชิญนั่นค่ะ!”
จากผู้แปล: ตอนนี้เหมือนต้นฉบับเอากูเกิ้ลแปลเลยครับ งงมากกกกกกกกกกกก