ตอนที่ 6 - เปลี่ยนร่าง
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ภายในไม่กี่วินาที ร่างเล็กๆของเจ้าเอล์ฟก็เปลี่ยนเป็นชายเต็มวัย เอมิเลียการเปลี่ยนร่างนั้นเต็มสองตาเธอ.
มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเอมิเลียตัวแข็งทื่ออยู่กับที่. เจ้าดาร์คเอล์ฟดิ้นตัว - เขาค่อยๆลืมตาออกแล้วกระพริบอย่างช้าๆ ก่อนนจะมองลงมาที่ฝ่ามือตัวเองด้วยความสงสัย.
กล้ามเนื้อแน่นๆผุดขึ้นมาที่ใต้ผิวหนังสีน้ำผึ้งของเขาและเส้นเลือดก็ปูดออกมาจากแขนยาวไปถึงนิ้วมือ. เขาดูผอมเพรียวและใบหน้าก็ดูสมเป็นชายชาตรี.
เขาไม่ใช่เด็กนี่นา.
เจ้าดาร์คเอล์ฟขยับตัวบนเตียง แล้วค่อยๆเอาหลังไปพิงที่กำแพงด้านหลัง. จากนั้นก็ยืดขาออกทำให้ตัวเองนั่งสบาย. เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังพยายามทำตัวให้ชินกับร่างที่ใหญ่ขึ้นอยู่.
กำแพงที่เขาพิงอยู่นั้นเย็นมาก มากพอที่จะทำให้เขาสะดุ้งขณะที่มองไปรอบๆตัวแล้วสายตาเขาก็มาตกอยู่ที่เอมิเลีย. เขาสามารถได้กลิ่นเธอจากตรงที่นั่งอยู่ได้เลย.
กลิ่นตัวเธอแรงมากจนแทบจะหายใจไม่ออกเลย.
เจ้าเอล์ฟตอบสนองโดยการปิดจมูกไว้ พร้อมมองมาที่เอมิเลียด้วยความไม่พอใจ.
กลิ่นตัวเธอเหม็นมากมันน่าขยะแขยงจริงๆ.
ตอนแรกที่ยังเป็นเด็กอยู่ เขายังพอทนได้แต่ตอนนี้ตัวโตขึ้นแล้ว ประสาทสัมผัสของเขาน่าจะเพิ่มเป็นอย่างมากจนทนกลิ่นเธอไม่ไหว. เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจมน้ำอยู่เลย.
พอมองสีหน้าที่ทรมาณของเขาเอมิเลียก็เข้าไปใกล้ๆแล้วถาม “นายเจ็บอยู่หรอ? เจ็บมากมั้ย?”
“อย่าเข้ามา!” เขาตะคอกออกมาแล้วถอยออกห่างเอมิเลียไปถึงขอบเตียงเลย ดวงตาสีเลือดของเขามีความกลัวผุดขึ้นมา. เขาสามารถมองเห็นเอมิเลียได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่ในห้องสลัวๆก็ตาม พวกเขาจ้องตากันจนเขาสามารถเห็นหน้าตาน่ารักของเธอได้.
ราวกับว่าเวลาหยุดหมุน พวกเขาทั้งสองคนจ้องตากันอยู่ในห้อง.
เอมิเลียเผลอใจไปเพราะความหล่อของเขา เธอจ้องลึกลงไปในตาของเจ้าเอล์ฟด้วยความสงสัย.
อัศวินบอกว่าร่องรอยได้หายไป, เป็นเพราะเธอช่วยเขาไว้รึป่าวนะ?
เธอเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดครั้งนึง เธอจำได้ว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตมายาบาดเจ็บหนักหรือเจียนจะตาย พวกมันจะเปลี่ยนร่างกลับไปสู่วัยทารกเพื่อชะลออาการ. มันไม่ใช่เรื่องปกตินักแต่ก็มีจริงๆ.
ตอนที่เธอเห็นเอล์ฟตัวน้อยนอนอยู่บนพื้น เอมิเลียไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นเอล์ฟเต็มวัยมาก่อน - เอล์ฟที่แกร่งพอจะฆ่ามนุษย์ได้หลายๆคนเลย.
เอมิเลียกลืนน้ำลายแล้วชักตัวกลับไป. เธอละสายตาจากเจ้าเอล์ฟแล้วมองไปทางอื่น. เธอไม่รู้เลยว่าจะคิดอะไรต่อ มือของเธอเริ่มเหงื่อแตกจากความเครียดที่เพิ่มขึ้น “ชั้นมีบางอย่างต้องทำ ขอตัวล่ะ”
แล้วเธอก็รีบออกไปจากห้องใต้ดินทันที.
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้านั้นจู่ๆก็ทำให้ใจเธอกังวลขึ้นมา. เธอจำมันได้ว่ามันเป็นแบบไหน. กองเลือดไหลออกมาจากศพของชาวบ้านที่กองทับกันราวกับถุงข้าวก็ไม่ปาน. เหยื่อพวกนั้นอาจจะเป็นสามีของใครซักคน, ภรรยาหรือที่แย่กว่านั้นคือพวกเด็กๆ - ชาวบ้านทุกฆ่าตายเป็นเบือโดยหาสาเหตุไม่ได้.
ฆาตกรอาจจะหลบหนีไปได้เพราะเธอช่วยไว้และเขาอาจจะฆ่าคนเพิ่มอีกในอนาคตก็ได้.
หัวใจของเอมิเลียเริ่มเต้นแรงขึ้น. ถ้าเธอมีส่วนช่วยให้ฆาตกรหลบหนีไปได้ เธอจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ๆ.
เธอส่ายหัว, พยายามไม่คิดเรื่องที่มันแย่แบบนั้น. เธอต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะด่วนสรุป.
ถ้าเขาเป็นฆาตกรจริงๆล่ะก็ เอมิเลียจะไม่ปล่อยให้เขารอดไปแน่.
ที่ห้องใต้ดินนั้น เจ้าดาร์คเอล์ฟก็กำลังพิงกำแพงอยู่ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปมาของเอมิเลียที่ด้านบนราวกับว่าเธอกำลังคิดหนักอยู่.
ฝุ่นตกลงมาเป็นระยะๆตรงที่เอมิเลียเหยียบไป.
เขาหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ. เทียนที่กำลังริบหรี่อยู่นั้นทอดเงาไปบนหน้าของเขา แสงนั่นทำให้เขาดูงดงามขึ้นมากกว่าเดิม.
หลังจากผ่านไปอย่างนาน เขาก็เอาหลังออกจากกำแพงแล้วหายใจออกมายาวๆ.
ในช่วงบ่ายแก่ๆนั้นอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วมาก ไม่ร้อนเหมือนตอนเที่ยง. มีลมอ่อนๆพัดผ่านป่าหนาๆไป เหล่าใบไม้ก็โบกปลิวไปจากกิ่งขณะที่ลมเย็นๆพัดผ่าน.
เอมิเลียรีบไปหาทีมลาดตระเวนทันที.
เธออยากจะถามให้รู้ว่ามีร่องรอยที่เกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมหมู่รึป่าวและอยากถามเรื่องถนนที่ร่องรอยนั่นหายไป. ขณะเดินผ่านกลุ่มคนที่ลานกว้างเธอก็เห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นผมสีทองตาสีน้ำเงินที่อาจารย์กำลังสอนอยู่.
พอเดินผ่านพวกเขาไปเอมิเลียก็เผลอได้ยินคำถามของพวกเด็กนั่นเข้า “จะรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นแม่มด?”
“ถ้าผู้ต้องหาทำท่าเลิ่กลั่กขณะที่สอบสวนอยู่ล่ะก็แสดงว่านางมีความผิดฐานเป็นแม่มดแน่นอนเพราะสติสตางของเธอมันสูญสิ้นไปแล้วยังไงล่ะ. และถ้านางดูนิ่งแปลกๆและไม่รู้สึกอับอายใดๆเลยแสดงว่านางก็มีความผิดเช่นกัน. จำไว้นะเด็กๆ พวกแม่มดน่ะชอบหลอกลวงคนอื่น. พวกมันไม่มีความละอายใจใดๆทั้งนั้น”
“ถ้าหญิงนางนั้นมองไปมองมาอย่างลนลานระหว่างที่ถูกทรมาณอยู่ นั่นแสดงว่านางกำลังมองหาจอมปีศาจให้มาช่วยนางจากความเจ็บปวดอยู่. และถ้าหากพวกเธอเห็นนางตาเหลือกและมีสีเทาล่ะก็ แสดงว่านางพบจอมปีศาจเข้าแล้วและนางกำลังสื่อสารกับเขาอยู่”
“ถ้าพวกเธอเห็นหล่อนพยายามอดทนความเจ็บปวดอยู่ล่ะก็แสดงว่าจอมปีศาจกำลังให้พลังแก่เธออยู่ ดังนั้นนางจะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างหนักเพื่อขับไล่จอมปีศาจออกไป.และถ้าหากร่างกายของนางดับสูญระหว่างการลงทัณฑ์ นั่นแสดงว่าจอมปีศาจจงใจปล่อยให้นางตายเพื่อไม่ให้ความลับของลัทธิต้องรั่วไหลออกไป”
เอมิเลียหันหน้าไปแล้วเห็นเด็กผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งฟังทุกอย่างที่อาจารย์พูดอย่างตั้งใจอยู่. พวกเธอพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับจำคำพูดของอาจารย์ไว้ในหัวขณะที่จดลงในสมุดอยู่.
เอมิเลียเคยเรียนวิชานี้มาก่อนและเธอก็ดันจำคำพูดพวกนั้นได้ด้วย.
คำพูดจอมปลอมพวกนั้นหลอกล่อเหล่าเซ้นต์ให้เชื่อ คนแล้วคนเล่าจนพวกเขาลืมความถูกต้องของตัวเองขณะที่เห็นพระเจ้าแห่งแสงสว่างเป็นผู้ชี้ทาง.
เอมิเลียขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง.
หลายล้านคนต้องมาเชื่อคำหลอกลวงพวกนี้. พวกเขาไม่ใช้ความคิดของตัวเองอีกแล้ว พวกเขางมงายไปกับคำสอนบ้าๆนี่.
เธอไม่อยากได้ยินเรื่องบ้าๆแบบนี้อีก จึงรีบเร่งฝีเท้าออกลานกว้างไป.
เธอพยายามมองผ่านไหล่ไปด้านหลัง กลุ่มคนพวกนั้นก็ค่อยๆเล็กลงๆจนเธอมองไม่เห็นอีกแล้ว. เธอถอนหายใจออกมาแล้วหันกลับไปจากนั้นก็หยุดเดินทันที. เธอเดินมาเจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอเข้าให้ซะแล้ว.
“เอมิเลีย” โป๊บกล่าว.
เอมิเลียยืนตัวทื่อ “ฝ่าบาท”
“เอมิเลีย มีบางอย่างที่เราอยากให้เจ้าทำ” โป๊บกล่าวอย่างเคร่งขรึมแล้วสะบัดคทาในมือเขาจากนั้นก็มีเอกสารโผล่ออกมาด้านหน้า.
“ก่อนหน้านี้มีเหตุฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้น ณ ใจกลางเมือง. เราหวังว่าเจ้าจะช่วยทีมลาดตระเวนหาตัวผู้ร้ายเจอนะ” ท่านโป๊บกล่าวพร้อมส่งเอกสารให้เอมิเลีย.
ที่หน้าแรกมีภาพร่างของสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งที่เธอค่อนข้างคุ้นๆ. เธอเปิดเอกสารด้านในดูแล้วเห็นภาพวาดในหน้าหนึ่งอยู่. มันเป็นภาพตลาดทาสแห่งหนึ่ง.
ตลาดทาส.
เอมิเลียรู้สึกว่าควรจะใช้โอกาสนี้สืบเรื่องฆาตกรรมหมู่เพิ่มว่าเจ้าดาร์คเอล์ฟนั่นมีเอี่ยวด้วยรึป่าว.
ด้วยคำสั่งโดยตรงจากโป๊บ เอมิเลียสามารถไปสืบสวนได้ตามอัธยาศัย ไม่มีใครกล้าห้ามเธอแน่นอน.
เอมิเลียพยักหน้า “เพคะ ฝ่าบาท”
โป๊บโล่งใจขณะที่พยายามพูดให้กำลังใจเอมิเลีย “นี่เป็นงานแรกของเธอในฐานะผู้นำ ฉะนั้นทำให้ดีๆนะ”
“ค่ะโป๊บ”
จากนั้นโป๊บก็หันกลับแล้วเดินเข้าไปในโบสถ์. ขณะเอมิเลียมองโป๊บจากไป เธอก็รู้สึกว่าเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับอะไรเนี่ย.
พอเรียนจบแล้วเธอวางแผนว่าจะออกจากโบสถ์นี้ไปที่ไกล ให้ห่างไกลจากสายตาคนอื่นๆ.
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเพราะเธอได้กลายเป็นผู้นำคนใหม่และสิ่งที่ตามมากับระบอบปาปาซี่ก็คือต้องไปพบกับพระเจ้าแห่งแสงตัวต่อตัวที่พิธี. จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าเธอถูกจับได้ว่าไม่ใช่ผู้ศรัทธา?
เธอพอจะนึกภาพสิ่งที่ตามมาได้เลย เธอจะโดนพระเจ้าแห่งแสงขยี้ตายทันทีที่เขารู้แล้วเธอก็จะไม่เหลือแม้แต่ตัวตนในดินแดนนี้เลย.
เอมิเลียกัดปาก.
ถึงจะรู้แบบนั้นอยู่แก่ใจ แต่เธอก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่าเพราะนี่เป็นทางเดียวที่เธอจะได้รู้ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริงกันแน่.
มันจะยุ่งยากแน่นอน เธอมั่นใจ.
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจให้โป๊บเลือกเธอเป็นผู้นำเซ้นต์คนใหม่ แต่ตอนนี้เธอได้ตำแหน่งนี้มาแล้วเธอจะไม่คิดอะไรไร้สาระอีก.
มงกุฏที่แสดงถึงแสนยานุภาพนั้น ตอนนี้กำลังอยู๋บนหัวของเธออยู่.
ถ้าเกิดว่าเธอพลาดล่ะก็ โป๊บก็จะคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่เอาไหนและบางทีเขาอาจจะถอดถอนยศคืนแล้วเลือกเซ้นต์คนอื่นไปแทน.
เอมิเลียยิ้ม เธอพอใจกับแผนอันชาญฉลาดนี้ของเธอมาก.