ตอนที่ 13 อิจฉา
โตเกียว หรือก็คือเมืองโตเกียว นั้นเป็นเมืองหลวงในปัจจุบันและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในญี่ปุ่น
เดิมทีแล้วในปี ค.ศ. 1603 เมืองท่าที่ชื่อว่าเอโดะ ก็ได้กลายเป็นศูนย์การทางการปกครองประเทศที่สำคัญและตอนนั้นมันก็ได้กลายเป็นที่ประทับของโชกุน โทกุกาวะ และในกลางศตรวรรษที่ 18 เอโดะก็ได้กลายเป็นเมืองที่มีประชาการมากที่สุดในโลกด้วยการที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน และในยุคสิ้นสุดระบอบโชกุนในปี 1868 เมืองหลวงในเกียวโตก็ได้ย้ายไปอยู่เมืองอื่นซึ่งได้ถูกเรียกว่าโตเกียว
ความจริงแล้ว ในฐานะที่เป็นคนจากเกียวโต ชิชโอะนั้นมีความรู้สึกซับซ้อนต่อโตเกียวมากเพราะสองจังหวัดนี้มีความขัดแย้งต่อกัน
เกียวโตนั้นเป็นเมืองหลวงญี่ปุ่นในอดีตแต่โตเกียวนั้นเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในสมัยเมจิ
สำหรับคนที่กลับชาติมาเกิดอย่างชิชิโอะนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่โองะ ชิชิโอะคนก่อนนั้นกลับเป็นคนที่ภาคภูมิใจในเกียวโตมาซึ่งนั่นก็ส่งผลกับเขาด้วย แม้จะเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นเลย
สุดท้ายแล้วชิชิโอะก็ส่ายหัวแล้วหันไปคุยกับจิฮิโระต่อ
วันนี้ จิฮิโระนั้นไม่ได้ขับรถของเธอไปโรงเรียนแต่เธอกลับพาชิชิโอะเดินไปตามถนนในขณะชมทัศนียภาพรอบๆระหว่างทาง ภายในเมืองใหญ่แบบนี้มีคนอาศัยอยู่ถึงล้านคน แต่เธอกลับสงสัยว่าสามีในอนาคตของเธอนั้นไปอยู่ที่ใหนกันแน่
“โรงเรียนของเธออยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอ ซึ่งมันหากจากหอพักแค่ถนนไม่กี่เส้นเอง ดังนั้นเธอจะเลือกเดินไปเรียนแทนก็ได้เพราะมันใช้เวลาแค่ 20 นาทีเอง ถ้าหากเธอไม่อยากเดิน ในหอพักซากุระโซวก็มีจักรยานอยู่นะซึ่งหากว่าเธอขี่จักรยานไปโรงเรียน มันก็คงจะเร็วกว่า แต่ตอนนี้เรามาเดินกันก่อน เพราะฉันจะพาเธอดูเส้นทางไปกลับ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของจิฮิโระ ชิชิโอะก็คิดว่าการเดินไปเรียนนั้นดีกว่เยอะเพราะระยะห่างระหว่างหอพักและโรงเรียนนั้นก็ไม่ได้ห่างกันมากนักแถมมันยังเป็นการออกกำลังกายด้วย
นอกจากนี้ ในระหว่างเดิน ชิชิโอะก็ชื่นชมทัศนียภาพของโตเกียวไปด้วยเพราะเมื่อชาติก่อน เขานั้นไม่ใช่คนญี่ปุ่น และเมื่อเขานึกถึงตัวตนเมื่อชาติที่แล้วของเขา เขาก็คิดว่าเขาจะต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับกฏหมายและภาษีของประเทศนี้สักหน่อยแล้วเพราะเขารู้ดีว่าเขาจะต้องมีความรู้เรื่องกฏหมายและภาษีของประเทศ เพื่อที่เขาจะได้สามารถหลีกภาษีเวลาทำธุรกิจได้
แม้การปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ การรู้ข้อมูลพื้นฐานไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเพราะมันจะทำให้เขาไม่โดนหลอก
ในขณะคิดเรื่องราวพวกนี้ ชิชิโอะก็พูดคุยกับจิฮิโระด้วยท่าทางอันผ่อนคลาย จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินผ่านทางสามแพร่งแล้วจึงเดินผ่านถนนหลักที่มีการจราจรคับคั่ง ต่อมา พวกเขาก็เดินเข้าไปในย่านการค้าและไปริ้มรสขนมญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง ซึ่งนั่นก็คือไทยากิ
ในขณะที่กินไทยากิ ชิชิโอะก็รู้สึกว่ามันหวานมากแต่เขาก็คิดว่ามันไม่แปลกอะไรเพราะผู้คนในโตเกียวส่วนใหญ่นั้นชอบรสชาติเข้มข้นซึ่งเหมือนกับคนคันไซที่ชอบอาหารที่มีรสชาติบางเบา
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินผ่านศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและแม้ว่าจะมองจากระยะไกล พวกเขาก็มองเห็นศาลเจ้าอันสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา นอจากนี้พวกเขาก็ยังมองเห็นโทริอิสีแดงสดใสที่ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้าของศาลเจ้า
ส่วนทางเดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขานั้นก็ช่างสะอาดและพิถีพิถันมากด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าพึ่งจะมีคนทำความสะอาดที่นี่ไป มิฉะนั้นแล้ว หากว่าไม่มีใครทำความสะอาดเลย มันก็คงจะถูปกคลุมไปด้วยเศษใบไม้แล้วหล่ะ
จากนั้นชิชิโอะก็พบว่าอาคารของศาลเจ้านั้นน่าจะถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะซึ่งมันตั้งอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งมันก็เหมือนกับไวน์ที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งแพง เขาเชื่อว่าหากมีคนอยากจะซื้อศาลเจ้านี้ มันจะต้องแพงมากแน่ๆ
“ที่นี่คือศาลเจ้าฟูชิมิอินาริหล่ะ มีอะไรหรอ ชิชิโอะ? สนใจงั้นหรอ? โดยปกติแล้ว ผ็คนมักจะมาสักการะศษลเจ้านี้เพื่อขอให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ขอให้ธุรกิจเจริญเตือบโตหรือขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ถ้าอยากจะไปสักการะศาลเจ้าหล่ะก็ เธอสามารถไปขอให้เธอสมหวังในเรื่องเรียนและเรื่องรักได้หล่ะนะ แต่ศาลเจ้าแบบนี้ก็มีอยู่ในเกียวโตด้วยไม่ใช่หรอ?”
เนื่องจากจิฮิโระก็มองเห็นชิชิโอะยืนอยู่ใต้ประตูโทริอิอยู่นาน ดังนั้นเธอจึงเริ่มพูดแหย่เขา
“ก็จริงนะครับ ในเกียวโต มีศาลเจ้าใหญ่ๆเพียบเลยแต่ผมไม่คิดว่าจะมีศาลเจ้าขนาดใหญ่แบบนี้ในโตเกียวด้วย”
ในความคิดของเขา ชิชิโอะนั้นคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่ในโตเกียวนั้นไม่ได้สนใจเรื่องศาสนาเหมือนดั่งคนในเกียวโต แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด
จากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อไปซึ่งพวกเขาได้เดินไปเกือบครึ่งชั่วโมงเนื่องจากพวกเขามักจะแวะข้างทางบ่อยๆและในที่สุดพวกเขาก็เดินไปถึงโรงเรียนตอน 8 .30 น.
ทั้งสองฝั่งของโรงเรียนั้นได้ถูกต้นซากุระที่บานสะพรั่งบดบังแสงเอาไว้และนอกจากนี้ยังต้นไม้ที้อยู่รอบๆที่ทำตัวราวกับเป็นฉากหลังที่ซึ่งทำให้เขาหวนคำนึงถึงอดีตของเขาขึ้นมาทันที แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยอมรับว่าที่นี่ช่างใหญ่มาก
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนนี้ยังปิดอยู่ซึ่งไม่มีนักเรียนคนใหนมาเรียนเลย แต่ที่รอบประตูโรงเรียนนั้นกลับมีนักเรียนที่สวมชุดนักเรียนมัธยมต้นอยู่กันหลายคนซึ่งเขาสามารถบอกได้เลยว่าคนพวกนั้นอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาซึ่งนั่นคือมาทำข้อสอบเข้าเรียนโรงเรียนนี้
แม้ชิชิโอะจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นเซ็นโกคุ จิฮิโระ และทาจิบานะ รุยมาก่อนแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเรพาะเขานั้นเคยเห็นพวกเธอแค่ในอนิเมะแต่ในตอนนี้ เขาได้มาอาศัยอยู่ในโลกนี้ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็คือของจริง ไม่ว่าจะเป็นจิฮิโระ หรือรุยพวกเธอทั้งสองคนนั้นก็คือคนจริงๆไม่ใช่ตัวแสดงซึ่งเขาไม่ควรจะคิดว่าพวกเธอเป็นตัวละครอนิเมะ
ชิชิโอะนั้นไม่คิดว่าการรู้พล็อตเรื่องนั้นจะช่วยอะไรเขาได้และแทนที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ เขากลับคิดว่าเอาเวลาไปสนใจอนาคตของตัวเองจะดีกว่า
ชิชิโอะนั้นมีระบบโกงซึ่งหากว่าเขาไม่สามารถใช้ระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันก็คงจะน่าเสียดาย แม้เขาไม่คิดที่จะเป็นมหาเศรษฐีของโลกนี้ แต่เขาก็อยากจะมีชีวิตอย่างสงบสุข แต่ทว่าก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น เขาจะต้องผ่านการสอบเข้าเสียก่อน
ชิชิโอะนั้นรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่เป็นอะไรเพราะเขานั้นได้ ‘การเสริมแกร่งความทรงจำ’มาแล้ว ดังนั้นการทำข้อสอบผ่าน่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจขาแต่เขาไม่มั่นใจเรื่องคะแนนเท่าไหร่
เมื่อชิชิโอะและจิฮิโระกำลังจะเดินเข้าไปในโรงเรียน พวกเขาก็มองเห็นหญิงสาวทีมผมสีน้ำตาลยาวไปจนถึงเอวที่ทำทลงหน้าม้าปิดหน้าด้านบนบริเวณตวาขาของเธอที่เป็นสีมรกต
เมื่อเห็นเธอคนนี้ ชิชิโอะก็ขมวดคิ้วซึ่งเขารู้สึกว่าเหมือนเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน
‘แต่หน้าอกเธอนี่ใหญ่ชิบ!!’
ชิชิโอะนั้นยอมรับว่าเขานั้นเป็นคนรักนมแต่ในฐานะสุภาพบุรุษแล้ว เขาก็ไม่ควรจะแสดงออกมาตรง ไม่ใช่หรอ?
อย่างไรก็ตาม
<พบเป้าหมาย!!>
<ยินดีด้วย คุณได้รับความเชี่ยวชาญของความรู้ระดับอนุบาลศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึษาตอนปลาย!! >
‘หืม?’
“วันนี้คุณทำงานด้วยหรอค่ะ? ทาจิบานะเซ็นเซย์”จิฮิโระก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อจู่ๆเธอเห็นหญิงสาวตรงหน้าเดินออกมาจากโรงเรียน
“อ่า อรุณาสวัสดิ์ค่ะ เซ็นโกคุเซ็นเซย์!! ใช่ค่ะ พอดีรองผู้อำนวยการบอกให้ฉันมาทำหน่ะค่ะ ฉันเลยปฏิเสธไม่ได้”หญิงสาวตรงหน้าก็แสดงสีหน้าเศร้าๆออกมาและจากนั้นเธอก็สังเกตเห็นชิชิโอะที่ยืนอยู่ข้างๆจิฮิโระ “เซ็นโกคุเซ็นเซย์ เด็กคนนี้เป็นหลานของคุณหรอค่ะ?”เธอนั้นได้ยินว่าจิฮิโระนั้นจะพาหลานมาวันนี้และเพราะแบบนั้นเอง เธอจึงรู้สึกสนใจ
“สวัสดีครับ ทาจิบานะเซ็นเซย์”ชิชิโอะก็โค้งหัวเล็กน้อยแล้วพูดแนะนำตัว “ผมชื่อว่าโองะ ชิชิโอะ วันนี้ผมมาสอบเข้าเรียนต่อหน่ะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”เมื่อเขาเห็นผู้หญิงคนนี้และนึกถึงรุยที่เขาพบเมื่อคืนแล้วเขาก็รู้เลยว่าเธอเป็นใคร แต่เขาไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้
‘งั้นที่นี่ก็น่าจะมีพระเอกอยู่หลายคนแน่ๆเลย?’
ชิชิโอะก็ขึ้นขึ้นมาทันทีแต่จากนั้นเขาก็โยนความคิดนั้นไปเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงอันแสนหวานและขี้เล่นนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักจะ ฉันหวังว่าเธอจะสอบได้ที่ดีๆนะ!!”ทาจิบานะเซ็นเซย์ก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสพร้อมทั้งตบไหล่ชิชิโอะ จากนั้นเธอก็จ้องมองชิชิโอะจากบนลงร่างซึ่งเธอยอมรับเลยว่าเขาช่างหล่อเหลามาก แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ในฐานะหลานของจิฮิโระแล้ว เขาก็ดูจะสุภาพเป็นอย่างมากซึ่งทำให้เธอรู้สึกประทับใจเลย
“ขอบคุณมากครับ ผมก็หวังว่าจะสอบได้ที่ดีๆ”
ชิชิโอะก็โค้งตัวให้เธอแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกับจิฮิโระ แม้เขาจะรู้สึกสงสัยในอาจารย์คนนี้แต่เขาคิดว่าเอาไว้ค่อยทำทีหลังเพราะเขาตัดสินใจจะรับรางวัลที่ได้มานี้ในทันที
<รับรางวัลเลยหรือไม่>
<ใช่/ไม่ใช่>
ชิชิโอะก็กดรับ ‘ความเชี่ยวชาญของความรู้ระดับอนุบาลศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึษาตอนปลาย’ในทันทีพร้อมกับคิดว่าบางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะช่วยเขาในการทำข้อสอบได้มากแน่ๆ และหลังจากรับรางวัลแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงข้อมูลมากมายที่ไหลเข้ามาในหัวของเขา
“ไว้เจอกันนะ!!!”
ทาจิบานะก็โบกมือให้กับทั้งสองในขณะเฝ้ามองชิชิโอะและจิฮิโระที่เดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกับคิดถึงวิธีการสอนของจิฮิโระในโรงเรียนและจากนั้นก็คิดถึงชิชิโอะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเมื่อครู่นี้ ซึ่งเธอนั้นรู้สึกว่ามันตลกมา จากนั้นแล้เธอก็ยิ้มออกมาในขณะจ้องมองแผ่นหลังของพวกเขา และผ่านไปไม่นานนักเธอก็หันหน้ามาตะโกนใส่คนที่เข้ามาในโรงเรียน
“นักเรียนที่ทุกคนที่มาเข้าร่วมการสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมปลายที่เป็นโรงเรียนย่อยของมหาวิทยาลัยซุยเมย์(Suimei University)ในวันนี้!! กรุณานำใบสมัครออกมาแล้วเดินต่อแถวเข้าไปในโรงเรียนทีละคนด้วยค่ะ!!”
--
จิฮิโระก็พาชิชิโอะเดินไปตามป้ายที่บอกทางไปสาถนที่จัดการสอบ ในระหว่างนั้นเธอก็แอบมองชิชิโอะอย่างลับๆเนื่องจากเธอรู้ดีว่าทาจิบานะ ฮินะนั้นเป็นอาจารย์ที่สวยมากแถมมีนักเรียนมากมายที่ตกหลุมรักเธอด้วยแต่ว่าเธอก็พบว่าชิชิโอะดูเหมือนจะไม่สนใจอาจารย์คนนั้นเลยซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกดีใจขึ้นมา
ทางชิชิโอะนั้นไม่รู้ว่าจิฮิโระกำลังคิดอะไรอยู่เพราะเขามัวุ่นอยู่กับความรู้ทึ่เขาได้รับ แม้เขาจะรู้สึกอึ้งในตอนที่เขาได้รับความรู้ระดับชั้นอนุบาล ชั้นประถม
ชิชิโอะนั้นดีใจที่เขาได้รับความรู้ในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายซึ่งเขารู้สึกว่าเขาสามารถทำข้อสอบนี้ได้แน่ๆเพราะรางวัลที่เขาได้รับมานี้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม เขากลับสงสัยว่านี่ระบบต้องการจะให้เขาคบกับอาจารย์งั้นหรือเนี่ย?
แต่จากนั้นเอง ชิชิโอะก็สังเกตเห็นว่าจิฮิโระจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่จิฮิโระ?”
“เธอไม่สนใจในตัวครูสาวคนเมื่อกี้เลยหรอ?”จิฮิโระถาม
“สนใจสิครับ แล้วเธอชื่ออะไรหรอครับ?”ชิชิโอะถาม
“เธอมีชื่อว่าทาจิบานะ ฮินะซึ่งเธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษคนใหม่แต่ห้ามไปคิดอะไรแปลกๆกับเธอนะเข้าใจใหม?”จิฮิโระก็พูดออกมาอย่างเข้มงวด
“…แล้วทำไมน้าถึงคิดว่าผมจะทำอะไรแปลกๆกับเธอหล่ะ?”ชิชิโอะก็ถามออกมาด้วยความสับสน
“ถ้าหากเธอไม่คิดเรื่องนั้นก็ดีไป แต่เธอไม่คิดเลยหรอว่าอาจารย์คนนั้นเป็นคนสวยหน่ะ?”จิฮิโระก็พูดออกมา ซึ่งความจริงแล้ว เธอรู้สึกอิจฉาฮินะมากเพราะตัวเธอนั้นแก่แต่ทางฮินะกลับเด็กกว่าเธอมาก นอกจากนี้เธอยังรู้ด้วยว่าพ่อของนักเรียนส่วนใหญ่และโดยเฉพาะกับพวกที่เป็นเศรษฐีนั้นต่างหลงไหลในตัวฮินะมากกว่าเธอซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าเดิมอีกเพราะทั้งๆที่เธออายุปาไป 30 กว่าแล้วเธอก็ยังไม่มีสามีเลย
“อย่าไปคิดมากเลยน่า พี่จิฮิโระ ในสายตาของผม คุณสวยกว่าตั้งเยอะ”ชิชิโอะก็พูดออกมาอย่างไม่ลังเลพร้อมทั้งแสดงสีหน้าจริงใจออกมาด้วย
“หืม!! ปากหวานจริงนะ!!”
จิฮิโระก็ตบไหล่ชิชิโอะแล้วพูดว่า “ฉันชักสงสัยแล้วสิว่าจะมีผู้หญิงกี่คนกันที่เผลตกหลุมรักเธอเพราะปากหวานแบบนี้หน่ะหน่ะ”
“…”
แม้ชิชิโอะนั้นอยากจะพูโอะไรออกมาแย้งแต่เขาก็ตัดสินใจจะเงียบไว้เพราเขาขี้เกียจไปพูดตอแยด้วยแถมเขาอยากจะเพ่งสมาธิอยู่กับความรู้ที่เขาได้รับมาจากรางวัลเมื่อครู่นี้
อย่างไรก็ตาม ชิชิโอะกลับไม่ได้ตระหนักเลยว่าเพราะคำชมของเขา จิฮิโระนั้นก็ได้ยิ้มออกมาอย่างสดใสแถมตอนนี้เธอก็ดูจะอารมณ์ดีด้วย
จากนั้นแล้วทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องสองเพราะการสอบจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า