บทที่ 57 โทร์วแมนริงส์ (2)
เบเนียงกลับไปที่บ้านของเธอโดยบอกว่าเธอมีเรื่องที่ต้องคิดและเฟรย์ก็ถูกพาไปที่ห้องที่เขาพักซึ่งมันเป็นบ้านหลังเล็กๆที่อยู่รอบนอกของหมู่บ้าน
หลังจากที่เขาล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
จิเซลลันซึ่งเป็นฟอร์สออเนอของโทร์วแมนริงส์ได้มาหาเขา
“คุณพอมีเวลาสักนิดไหม?”
"อืมได้สิ"
“ขอบคุณ”
จีเซลแลนเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ
เขาดูกระเซิงเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่ได้อาบน้ำก่อนที่จะมาถึง
จิเซลลันมองลงไปที่ตัวเองและยิ้มอย่างขมขื่น
“ผมยังไม่ได้อาบน้ำเพราะผมรีบมาก”
"ไม่เป็นไร"
“ค่อยโล่งใจหน่อย ผมทำตัวขายหน้าจริงๆ”
เขากำลังพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เฟรย์ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ผมมีคำถามสองสามข้อที่อยากจะถาม”
“ได้โปรดถามมาเลย”
“เรลลิคแบทเทิลคืออะไรกันแน่?”
ครู่หนึ่งสายตาของพวกเขาก็พบกัน
จิเซลลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆอ้าปาก
“มันเป็นการดวลที่ผู้ชนะจะได้รับหนึ่งในไอเทมจากผู้แพ้ เดิมทีมันถูกจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสร้างมิตรภาพระหว่างผู้คนในเซอร์เคิล ... ตอนนี้ความหมายของมันได้เปลี่ยนไปอย่างมาก”
“คุณปฏิเสธไม่ได้เหรอ?”
“เรามีกลเม็ดเล็กๆน้อยๆที่จะใช้ได้ แต่…ตอนนี้สิ่งต่างๆ…”
ในขณะนั้นเฟรย์ตระหนักว่าเซอร์เคิลต่างๆนั้นไม่ค่อยกินเส้นกัน
พวกเขาเรียกตัวเองว่าเซอร์เคิลแต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มกองกำลังส่วนตัวที่ถูกบังคับให้รวมตัวกันและหมกมุ่นอยู่กับการแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะช่วยเหลือจริงๆ
‘…’
ดวงตาของเขาจมลงอย่างแผ่วเบาแต่จิเซลลันกลับหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นโดยไม่รู้ตัว
“ผมเข้าใจแล้วคร่าวๆ หมายความว่าเซอร์เคิลที่เรียกตัวเองว่าบาซิลิสก์เทลกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงไอเทมจากโทร์วแมนริงส์ใช่มั้ย?”
"นั้น…"
จิเซลลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ด้วยคำแนะนำของเบเนียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
‘เธอบอกว่ามันจะดีกว่าที่จะบอกเขาทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมามากกว่าซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขารู้’
เขาเป็นคนที่มาเพื่อตรวจสอบโทร์วแมนริงส์เป็นการส่วนตัว แม้ว่าพวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังก็ตาม
การซื่อสัตย์นั้นย่อมดีกว่าการถูกจับได้ว่าโกหกและหลอกลวง
จิเซลลันพยักหน้า
"คุณพูดถูก มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วและมันไม่จบไม่สิ้น ไม่ได้มีเพียงบาซิลิสก์เทลเท่านั่นที่เป็นพวกล่าไอเทม”
“คุณหมายถึงอะไร?”
“เรลลิคแบทเทิลระหว่างเซอร์เคิลสามารถเกิดขึ้นได้เดือนละครั้งเท่านั้น เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางที่อยู่ใกล้เราได้ผนึกกำลังกันแล้ว พวกเขาผลัดกันทุกเดือนเพื่อท้าประลองเรลลิคแบทเทิล และพวกเขาจะทำก็ต่อเมื่อมาสเตอร์เบเนียงหรือผู้บริหารคนอื่นๆไม่อยู่ในเซอร์เคิล”
จิเซลลันมองดูเฟรย์ที่พูดไม่ออกและพูดต่ออย่างขมขื่น
หากพวกเขาต่อสู้แบบตัวต่อตัวพวกเขาอาจจะชนะ แต่เมื่อทั้งสองกลุ่มได้รวมพลังกันมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
เนื่องจากพวกเขาไม่มีพันธมิตรให้พึ่งพาโทร์วแมนริงส์จึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง
“คุณรู้ใช่ไหมว่าสถานการณ์ของโทร์วแมนริงส์นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก?”
"ใช่"
“อันที่จริงมันแย่กว่าที่คุณคิดไว้มาก อำนาจของเราลดน้อยลงกว่าหนึ่งในสิบของตอนที่เราอยู่ในจุดสูงสุดและสมาชิกที่มีความสามารถของเราต่างก็กำลังปฏิบัติภารกิจระยะยาวเพื่อสร้างผลลัพธ์ มิฉะนั้นเซอร์เคิลของเราอาจจะล่มสลายและถูกเซอร์เคิลอื่นดูดกลืนไป”
เฟรย์เองก็ประหลาดใจเช่นกัน
นี่เป็นเพราะจิเซลลันบอกเขาอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่งที่พวกเขาอยู่
เขาตระหนักดีถึงความจริงที่ว่าโทร์วแมนริงส์ต้องการดึงคนที่มีพรสวรรค์เข้าร่วม
สำหรับพวกเขาแล้วแม้ว่าพวกเขาจะต้องโกหกพวกเขาก็อยากจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อดึงดูดคนที่มีพรสวรรค์
จิเซลลันซึ่งเดาได้ว่าเขาคิดอะไรจากสีหน้าของเขาตอบคำถามที่เขาไม่ได้พูด
“มาสเตอร์เบเนียงเป็นคนบอกให้ผมซื่อสัตย์กับคุณ”
“…มาสเตอร์เบเนียง”
“ฮีโร่หนุ่มที่สามารถกลายเป็นอาร์ชเมจระดับ 7 ดาวแถมยังเอาชนะอัครสาวกได้ กองกำลังสำคัญทั้งหมดในเซอร์เคิลกำลังเฝ้าดูคุณอยู่ ผมได้ยินมาว่าคุณถูกแมวมองของทั้งสามเซอร์เคิลใหญ่ตามจีบอยู่เป็นเรื่องจริงมั้ย?”
ดูเกนจาร์ไม่ได้มาเพื่อจุดประสงค์นั้นแต่เฟรย์ยังคงพยักหน้าเพราะมิเคลจากไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์เคยยื่นข้อเสนอให้เขาก่อนหน้านี่
"ถูกตัอง"
“ฮู”
ทัศนคติของจิเซลลันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เขาต้องการได้ตัวเฟรย์มาจริงๆ
แต่ด้วยความสงบเล็กน้อยที่เขายังคงมีอยู่เขาจึงตระหนักว่าความคิดของเขาไร้จุดหมายเพียงใด
แม้ว่าเขาจะหลอกล่อเฟรย์ได้แต่ก็ไม่ยากที่เฟรย์จะลาออกจากเซอร์เคิลถ้าหากเขาตั้งใจจริงๆ
จิเซลลันรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ
มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเซอร์เคิลมาสเตอร์โอเซลอาร์เจนโต้ได้จากไปและฟอร์สออเนอหลายคนและแม้แต่เซอร์เคิลราวเดอร์ที่น่าจะเป็นคนที่เชื่อถือที่สุดก็ลาออกจากโทร์วแมนริงส์
มันเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเขาไม่มีความหวังเลย
ถ้าเป็นเฟรย์ที่กล่าวกันว่าสามารถเอาชนะอัครสาวกได้เขาก็จะไม่พบคู่แข่งในโทร์วแมนริงส์
ถ้าเขาเข้ามาในเซอร์เคิลข้อเท็จจริงนั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะป้องกันไม่ให้เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางปรากฏขึ้นตามที่พวกเขาต้องการ
ทุกคนรู้ว่าพ่อมดระดับ 7 ดาวนั้นทรงพลังแค่ไหน
แต่มันต้องใช้ปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง
"เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งต่างๆจะราบรื่นเช่นนี้"
มันอาจจะเป็นการทำบุญสำหรับเฟรย์เลือกเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์ที่กำลังพังทลาย
จากบทสนทนาเล็กๆน้อยๆนี้ จิเซลลันตระหนักว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคู่ควรกับฉายาพ่อมดอย่างแท้จริง
เขาเป็นคนประเภทที่ไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อเขาพยายามเรียกร้องความเมตตาจากเขา
นี่ไม่ได้หมายความว่าเฟรย์ทำผิด
แต่เขาควรเรียกมันว่าเฟรย์กำลังพิจารณาอย่างฉลาด
เพราะท้ายที่สุดคงไม่มีใครตัดสินใจที่จะปีนขึ้นไปบนเรือที่กำลังจม
“นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากถาม”
"…โอเค ถ้างั้นผมขอลา พักผ่อนให้เพียงพอด้วยครับ”
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรผมอยากจะขอดูรอบๆหมู่บ้านจะได้ไหม?”
จิเซลลันพยักหน้า
“ไม่มีปัญหาแต่กรุณาอย่าสอดแนมที่บ้านของมาสเตอร์เบเนียงทางตะวันตก นั่นอาจนำไปสู่ความสงสัยโดยไม่จำเป็น ถ้าหากมีอะไรที่คุณต้องการละก็เข้ามาที่บ้านของผมได้เลย บ้านของผมอยู่ตรงกันข้ามกับของเธอ”
“ผมจะจำเรื่องนั้นให้ขึ้นใจ”
จิเซลลันเดินออกจากห้องและหลังจากนั้นไม่นานเฟรย์ก็ตามเขาไป
แม้ว่าที่นี่จะเป็นสำนักงานใหญ่ของเซอร์เคิลแต่เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะนึกว่ามันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาๆ
เฟรย์เดินช้าๆไปตามถนนพลางมองไปรอบๆ
จากนั้นเขาก็หยุด
“…”
มีรูปปั้น
รูปปั้นขนาดใหญ่มากซึ่งดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
รูปปั้นนี้เป็นของชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและดูเหมือนว่าจะมองเข้าไปในระยะไกลด้วยสีหน้าโดดเดี่ยว
บนไหล่ซ้ายของเขามีนกฟีนิกซ์ตัวเล็กตัวหนึ่งและในมือขวาของเขามีไม้เท้าไม้เก่าที่คดเคี้ยว
ชื่อของเขาถูกเขียนไว้ด้านล่างของรูปปั้น
[ลูคัสโทรว์แมน]
“คุณเองก็ชื่นชมในตัวของคุณลูคัสด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงจึงหันกลับไปและเห็นชายหนุ่ม
เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีสีหน้าอ่อนโยนและมีรอยยิ้มในดวงตาของเขา
เขาก้มหน้าอย่างสุภาพเมื่อเฟรย์หันมามองเขา
“ผมขอโทษถ้าทำให้คุณตกใจ”
"ไม่เป็นไรที่สำคัญกว่านั้น ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงคิดว่าฉันชอบลูคัส?”
“เพราะคุณดูจดจ่อ อืม.. สำหรับผมดูเหมือนว่าคุณกำลังคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวของลูคัส”
เฟรย์หันกลับไปมองรูปปั้นของลูคัส
“ฉันไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้น”
“อ่า…ผมเข้าใจแล้ว ผมต้องขอโทษด้วย”
เขาก้มศีรษะอีกครั้งขณะกล่าวขอโทษ
“ผมแนะนำตัวช้าไปหน่อย ผมชื่อเฟอานน์ มันก็ไม่มากเท่าไหร่แต่ผมดำรงตำแหน่งฟอร์สออเนอในโทร์วแมนริงส์”
ฟอร์สออเนอ
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้บริหารของโทร์วแมนริงส์
เป็นเพราะพวกเขาขาดบุคลากรที่มีความสามารถหรือเปล่า?
ไม่
เฟรย์สามารถเห็นได้ชัดว่าเฟอานน์นั้นโดดเด่นมาก ดูเหมือนเขาจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับจิเซลลันที่เฟรย์เพิ่งจะได้คุย
‘เป็นเพราะจำนวนของพวกเขาน้อยเกินไปเลยแพ้ให้กับเซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ?’
เฟรย์มีความคิดนี้ในขณะที่แนะนำตัวเอง
“ผมชื่อเฟรย์เบลค”
“ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมากมาย กล่าวกันว่าคุณเอาชนะอัครสาวกได้ นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมากๆ ผมตื่นเต้นมากเมื่อได้รู้…ผมขอแสดงความนับถืออย่างจริงใจต่อคุณเฟรย์สำหรับความสำเร็จของคุณ”
"ขอบคุณ"
เฟรย์ก้มหน้าอย่างสุภาพเช่นกัน
และบทสนทนาก็จบลงที่นั่น
เฟอานน์ยิ้มเขินกับปฏิกิริยาของเฟรย์ซึ่งสงบกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
“ดูเหมือนว่าผมจะรบกวนคุณเกินไป ผมขอลา”
จากนั้นเฟรย์ก็หยุดเขาขณะที่เขากำลังจะหันกลับไป
“แปบหนึงฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
"อาแน่นอน"
“ฉันต้องขอโทษล่วงหน้าสำหรับความหยาบคายของฉันนะออเนอเฟอานน์ ทำไมคุณถึงอยู่ในเซอร์เคิลที่กำลังจะล้มสลายนี้ละ?”
"นั่นก็..?"
ใบหน้าของเฟอานน์แข็งขึ้นชั่วขณะ
แต่สายตาของเฟรย์ยังคงแน่วแน่
นี่เป็นปัญหาที่กวนใจที่สุดสำหรับเขา
“ด้วยความสามารถของคุณ คุณจะสามารถเข้าร่วมเซอร์เคิลอื่นได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่แค่คุณมาสเตอร์เบเนียงออเนอจิเซลลันและสมาชิกคนอื่นๆทั้งหมดที่นี่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณทุกคนถึงพยายามวิดน้ำออกจากเรือที่กำลังจะจม”
ถ้ามันยังคงเป็นแบบนี่อยู่โทร์วแมนริงส์จะหายไปในสักวันหนึ่ง
การกระทำของพวกเขาไม่ต่างอะไรไปกว่าการหน่วงเวลาเท่านั่น
“…คุณเป็นคนที่มีเหตุผลมาก เป็นแบบอย่างของพ่อมดรุ้นใหม่จริงๆ”
เฟอานน์ยิ้มอย่างขมขื่น
เฟรย์รู้ว่ามันไม่ใช่คำชมแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เรือที่กำลังจมงั้นหรือ นั่นคือการเปรียบเทียบที่เหมาะสมดี มันเป็นเรื่องจริงและเราทุกคนก็รู้ว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นยังไงในท้ายที่สุด แถมยังมีเซอร์เคิลอื่นๆคอยโจมตีพร้อมกับแย่งสิ่งประดิษฐ์ที่เหลืออยู่ของเรา”
มันเป็นเรื่องจริง
ในท้ายที่สุดจุดประสงค์ของเซอร์เคิลคือการโค่นล้มเดมิก็อด
การล่มสลายของโทร์วแมนริงส์ไม่ได้หมายความว่าใครบางคนต้องตายหรือมีชีวิตที่น่าสังเวช
ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจ
“แค่ว่าพวกเราไม่สามารถเฉยชาได้”
"ทำไม?"
“เพราะนั่นหมายความว่าโทร์วแมนริงส์จะหายไป”
“แล้วมันสำคัญยังไง?”
“เซอร์เคิลเป็นองค์กรที่เชื่อมต่อกันผ่านความตั้งใจของวีรบุรุษในยุคเก่า คุณเฟรย์...ถ้าหากเราแยกตัวออกไปชื่อของลูคัสก็จะถูกตัดออกไปด้วย”
“…”
“ผมรู้ว่ามันฟังดูโง่ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะบังคับให้คนอื่นเข้าใจผม แต่คุณเฟรย์ในตอนแรกเซอร์เคิลเริ่มต้นขึ้นเนื่องจากความเคารพในตำนานอันยิ่งใหญ่ของคนเหล่านั้น”
เฟอานน์หัวเราะเบาๆ
“คุณรู้ไหมว่าทำไมลูคัสถึงเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับสมญานามว่ามหาจอมเวทย์?”
เฟรย์ไม่ได้ตอบ
เฟอานน์ยังคงพูดต่อไป บางทีอาจจะคิดว่าเฟรย์ไม่รู้
“เป็นเพราะเขาเป็นผู้บุกเบิกให้ทุกคนเดินไปตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์เมือ 4,000 ปีก่อน แถมมันเพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อมดและนักรบเวทมนตร์ในอดีตนั้นเลวร้ายที่สุด การเพิกเฉยหรือดูหมิ่นซึ่งกันและกันแม้กระทั่งการต่อสู้จนถึงความตายเกิดขึ้นทุกวัน แม่มดเองก็เหมือนกัน พวกเขาถูกปฏิบัติเหมือนคนนอกรีตแทนที่จะเป็นสหายที่เดินตามเส้นทางเดียวกัน”
“…”
“ลูคัสเป็นคนเดียวที่ไม่ได้คิดแบบนั้น ตราบใดที่พวกเขาใช้มานาพวกเขาก็คือพวกเดียวกัน เขาบอกว่าพวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีจุดประสงค์เดียวกันที่เรียกว่าเวทมนตร์”
เฟอานน์หัวเราะอีกครั้ง
“มันเป็นการเริ่มต้นเล็กๆ แต่ต้องมีใครสักเป็นคนเริ่ม ลูคัสเป็นคนแรกในเวลานั้น มีหลายคนที่ยังไม่มั่นใจ หลายคนที่เป็นศัตรูกับลูคัส แม้แต่พ่อมดที่เหมือนเขา แต่… ลูคัสก็ฝ่าฟันมันมาได้”
“…”
"คุณเฟรย์ผม ... ไม่สิ เซอร์เคิลของเราเป็นกลุ่มง่ายๆ พวกเราชื่นชมลูคัสที่สามารถโอบกอดแม้แต่คนที่ต้องการเอาชีวิตของเขาและนำพาพวกเขาไปตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์มากกว่าใครๆบนโลกนี้ และถ้าเป็นไปได้พวกเราทุกคนต่างก็อยากจะเลียนแบบจิตวิญญาณประเสริฐนั้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม พวกเราไม่ต้องการให้ร่องรอยของเขาหายไปจากโลก”
เฟรย์นึกถึงเชพเพิร์ดและเพเรียนอีกครั้ง
เขานึกถึงรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อพวกเขาพูดถึงฮีโร่ที่พวกเขาชื่นชม
'อา...'
เฟรย์ตระหนักได้ในขณะนั้นว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเหล่าฮีโร่
ไม่ใช่แค่การแสดงความเคารพหรือการแสดงความเคารพต่อผู้ยิ่งใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอดีต
สำหรับพวกเขาลูคัสเป็นเหมือนจิตวิญญาณของพวกเขา เขาเป็นเสาหลักทางจิตวิญญาณที่สำคัญกว่าชีวิตของพวกเขาเอง
ในขณะนั้นเฟรย์เข้าใจหัวอกของพวกเขาอย่างแท้จริง
"ฉันเข้าใจแล้ว"
เฟรย์หันหน้าหนีเฟอานน์และเกาแก้มเหมือนอาย
“ลูคัสต้องมีความสุขแน่ๆ”
"นั่นนะสิ"
“เขาคงดีใจมากที่มีผู้สืบทอดเจตจำนง ที่จะสืบทอดจิตวิญญาณของเขา”
“ฮ่าฮ่า ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
เฟรย์รู้สึกขอบคุณสำหรับความเคารพเท่าที่พวกเขาเคารพและชื่นชมเฟรย์ เฟรย์เองก็เคารพและชื่นชมพวกเขา
เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับการเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์แต่อย่างน้อยเฟรย์ก็อยากจะให้อะไรตอบแทนพวกเขา
และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ยากที่จะบรรลุ
ฝีเท้าของเฟรย์พาเขาไปยังบ้านของเบเนียง