ตอนที่แล้วบทที่ 56 โทร์วแมนริงส์ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58 โทร์วแมนริงส์ (3)

บทที่ 57 โทร์วแมนริงส์ (2)


เบเนียงกลับไปที่บ้านของเธอโดยบอกว่าเธอมีเรื่องที่ต้องคิดและเฟรย์ก็ถูกพาไปที่ห้องที่เขาพักซึ่งมันเป็นบ้านหลังเล็กๆที่อยู่รอบนอกของหมู่บ้าน

หลังจากที่เขาล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

จิเซลลันซึ่งเป็นฟอร์สออเนอของโทร์วแมนริงส์ได้มาหาเขา

“คุณพอมีเวลาสักนิดไหม?”

"อืมได้สิ"

“ขอบคุณ”

จีเซลแลนเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ

เขาดูกระเซิงเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่ได้อาบน้ำก่อนที่จะมาถึง

จิเซลลันมองลงไปที่ตัวเองและยิ้มอย่างขมขื่น

“ผมยังไม่ได้อาบน้ำเพราะผมรีบมาก”

"ไม่เป็นไร"

“ค่อยโล่งใจหน่อย ผมทำตัวขายหน้าจริงๆ”

เขากำลังพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เฟรย์ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ผมมีคำถามสองสามข้อที่อยากจะถาม”

“ได้โปรดถามมาเลย”

“เรลลิคแบทเทิลคืออะไรกันแน่?”

ครู่หนึ่งสายตาของพวกเขาก็พบกัน

จิเซลลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆอ้าปาก

“มันเป็นการดวลที่ผู้ชนะจะได้รับหนึ่งในไอเทมจากผู้แพ้ เดิมทีมันถูกจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสร้างมิตรภาพระหว่างผู้คนในเซอร์เคิล ... ตอนนี้ความหมายของมันได้เปลี่ยนไปอย่างมาก”

“คุณปฏิเสธไม่ได้เหรอ?”

“เรามีกลเม็ดเล็กๆน้อยๆที่จะใช้ได้ แต่…ตอนนี้สิ่งต่างๆ…”

ในขณะนั้นเฟรย์ตระหนักว่าเซอร์เคิลต่างๆนั้นไม่ค่อยกินเส้นกัน

พวกเขาเรียกตัวเองว่าเซอร์เคิลแต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มกองกำลังส่วนตัวที่ถูกบังคับให้รวมตัวกันและหมกมุ่นอยู่กับการแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะช่วยเหลือจริงๆ

‘…’

ดวงตาของเขาจมลงอย่างแผ่วเบาแต่จิเซลลันกลับหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นโดยไม่รู้ตัว

“ผมเข้าใจแล้วคร่าวๆ หมายความว่าเซอร์เคิลที่เรียกตัวเองว่าบาซิลิสก์เทลกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงไอเทมจากโทร์วแมนริงส์ใช่มั้ย?”

"นั้น…"

จิเซลลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ด้วยคำแนะนำของเบเนียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา

‘เธอบอกว่ามันจะดีกว่าที่จะบอกเขาทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมามากกว่าซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขารู้’

เขาเป็นคนที่มาเพื่อตรวจสอบโทร์วแมนริงส์เป็นการส่วนตัว แม้ว่าพวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังก็ตาม

การซื่อสัตย์นั้นย่อมดีกว่าการถูกจับได้ว่าโกหกและหลอกลวง

จิเซลลันพยักหน้า

"คุณพูดถูก มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วและมันไม่จบไม่สิ้น ไม่ได้มีเพียงบาซิลิสก์เทลเท่านั่นที่เป็นพวกล่าไอเทม”

“คุณหมายถึงอะไร?”

“เรลลิคแบทเทิลระหว่างเซอร์เคิลสามารถเกิดขึ้นได้เดือนละครั้งเท่านั้น เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางที่อยู่ใกล้เราได้ผนึกกำลังกันแล้ว พวกเขาผลัดกันทุกเดือนเพื่อท้าประลองเรลลิคแบทเทิล และพวกเขาจะทำก็ต่อเมื่อมาสเตอร์เบเนียงหรือผู้บริหารคนอื่นๆไม่อยู่ในเซอร์เคิล”

จิเซลลันมองดูเฟรย์ที่พูดไม่ออกและพูดต่ออย่างขมขื่น

หากพวกเขาต่อสู้แบบตัวต่อตัวพวกเขาอาจจะชนะ แต่เมื่อทั้งสองกลุ่มได้รวมพลังกันมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

เนื่องจากพวกเขาไม่มีพันธมิตรให้พึ่งพาโทร์วแมนริงส์จึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง

“คุณรู้ใช่ไหมว่าสถานการณ์ของโทร์วแมนริงส์นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก?”

"ใช่"

“อันที่จริงมันแย่กว่าที่คุณคิดไว้มาก อำนาจของเราลดน้อยลงกว่าหนึ่งในสิบของตอนที่เราอยู่ในจุดสูงสุดและสมาชิกที่มีความสามารถของเราต่างก็กำลังปฏิบัติภารกิจระยะยาวเพื่อสร้างผลลัพธ์ มิฉะนั้นเซอร์เคิลของเราอาจจะล่มสลายและถูกเซอร์เคิลอื่นดูดกลืนไป”

เฟรย์เองก็ประหลาดใจเช่นกัน

นี่เป็นเพราะจิเซลลันบอกเขาอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่งที่พวกเขาอยู่

เขาตระหนักดีถึงความจริงที่ว่าโทร์วแมนริงส์ต้องการดึงคนที่มีพรสวรรค์เข้าร่วม

สำหรับพวกเขาแล้วแม้ว่าพวกเขาจะต้องโกหกพวกเขาก็อยากจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อดึงดูดคนที่มีพรสวรรค์

จิเซลลันซึ่งเดาได้ว่าเขาคิดอะไรจากสีหน้าของเขาตอบคำถามที่เขาไม่ได้พูด

“มาสเตอร์เบเนียงเป็นคนบอกให้ผมซื่อสัตย์กับคุณ”

“…มาสเตอร์เบเนียง”

“ฮีโร่หนุ่มที่สามารถกลายเป็นอาร์ชเมจระดับ 7 ดาวแถมยังเอาชนะอัครสาวกได้ กองกำลังสำคัญทั้งหมดในเซอร์เคิลกำลังเฝ้าดูคุณอยู่ ผมได้ยินมาว่าคุณถูกแมวมองของทั้งสามเซอร์เคิลใหญ่ตามจีบอยู่เป็นเรื่องจริงมั้ย?”

ดูเกนจาร์ไม่ได้มาเพื่อจุดประสงค์นั้นแต่เฟรย์ยังคงพยักหน้าเพราะมิเคลจากไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์เคยยื่นข้อเสนอให้เขาก่อนหน้านี่

"ถูกตัอง"

“ฮู”

ทัศนคติของจิเซลลันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

เขาต้องการได้ตัวเฟรย์มาจริงๆ

แต่ด้วยความสงบเล็กน้อยที่เขายังคงมีอยู่เขาจึงตระหนักว่าความคิดของเขาไร้จุดหมายเพียงใด

แม้ว่าเขาจะหลอกล่อเฟรย์ได้แต่ก็ไม่ยากที่เฟรย์จะลาออกจากเซอร์เคิลถ้าหากเขาตั้งใจจริงๆ

จิเซลลันรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ

มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเซอร์เคิลมาสเตอร์โอเซลอาร์เจนโต้ได้จากไปและฟอร์สออเนอหลายคนและแม้แต่เซอร์เคิลราวเดอร์ที่น่าจะเป็นคนที่เชื่อถือที่สุดก็ลาออกจากโทร์วแมนริงส์

มันเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเขาไม่มีความหวังเลย

ถ้าเป็นเฟรย์ที่กล่าวกันว่าสามารถเอาชนะอัครสาวกได้เขาก็จะไม่พบคู่แข่งในโทร์วแมนริงส์

ถ้าเขาเข้ามาในเซอร์เคิลข้อเท็จจริงนั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะป้องกันไม่ให้เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางปรากฏขึ้นตามที่พวกเขาต้องการ

ทุกคนรู้ว่าพ่อมดระดับ 7 ดาวนั้นทรงพลังแค่ไหน

แต่มันต้องใช้ปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง

"เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งต่างๆจะราบรื่นเช่นนี้"

มันอาจจะเป็นการทำบุญสำหรับเฟรย์เลือกเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์ที่กำลังพังทลาย

จากบทสนทนาเล็กๆน้อยๆนี้ จิเซลลันตระหนักว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคู่ควรกับฉายาพ่อมดอย่างแท้จริง

เขาเป็นคนประเภทที่ไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อเขาพยายามเรียกร้องความเมตตาจากเขา

นี่ไม่ได้หมายความว่าเฟรย์ทำผิด

แต่เขาควรเรียกมันว่าเฟรย์กำลังพิจารณาอย่างฉลาด

เพราะท้ายที่สุดคงไม่มีใครตัดสินใจที่จะปีนขึ้นไปบนเรือที่กำลังจม

“นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากถาม”

"…โอเค ถ้างั้นผมขอลา พักผ่อนให้เพียงพอด้วยครับ”

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรผมอยากจะขอดูรอบๆหมู่บ้านจะได้ไหม?”

จิเซลลันพยักหน้า

“ไม่มีปัญหาแต่กรุณาอย่าสอดแนมที่บ้านของมาสเตอร์เบเนียงทางตะวันตก นั่นอาจนำไปสู่ความสงสัยโดยไม่จำเป็น ถ้าหากมีอะไรที่คุณต้องการละก็เข้ามาที่บ้านของผมได้เลย บ้านของผมอยู่ตรงกันข้ามกับของเธอ”

“ผมจะจำเรื่องนั้นให้ขึ้นใจ”

จิเซลลันเดินออกจากห้องและหลังจากนั้นไม่นานเฟรย์ก็ตามเขาไป

แม้ว่าที่นี่จะเป็นสำนักงานใหญ่ของเซอร์เคิลแต่เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะนึกว่ามันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาๆ

เฟรย์เดินช้าๆไปตามถนนพลางมองไปรอบๆ

จากนั้นเขาก็หยุด

“…”

มีรูปปั้น

รูปปั้นขนาดใหญ่มากซึ่งดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้

รูปปั้นนี้เป็นของชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและดูเหมือนว่าจะมองเข้าไปในระยะไกลด้วยสีหน้าโดดเดี่ยว

บนไหล่ซ้ายของเขามีนกฟีนิกซ์ตัวเล็กตัวหนึ่งและในมือขวาของเขามีไม้เท้าไม้เก่าที่คดเคี้ยว

ชื่อของเขาถูกเขียนไว้ด้านล่างของรูปปั้น

[ลูคัสโทรว์แมน]

“คุณเองก็ชื่นชมในตัวของคุณลูคัสด้วยหรือ?”

เมื่อได้ยินเสียงจึงหันกลับไปและเห็นชายหนุ่ม

เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีสีหน้าอ่อนโยนและมีรอยยิ้มในดวงตาของเขา

เขาก้มหน้าอย่างสุภาพเมื่อเฟรย์หันมามองเขา

“ผมขอโทษถ้าทำให้คุณตกใจ”

"ไม่เป็นไรที่สำคัญกว่านั้น ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงคิดว่าฉันชอบลูคัส?”

“เพราะคุณดูจดจ่อ อืม.. สำหรับผมดูเหมือนว่าคุณกำลังคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวของลูคัส”

เฟรย์หันกลับไปมองรูปปั้นของลูคัส

“ฉันไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้น”

“อ่า…ผมเข้าใจแล้ว ผมต้องขอโทษด้วย”

เขาก้มศีรษะอีกครั้งขณะกล่าวขอโทษ

“ผมแนะนำตัวช้าไปหน่อย ผมชื่อเฟอานน์ มันก็ไม่มากเท่าไหร่แต่ผมดำรงตำแหน่งฟอร์สออเนอในโทร์วแมนริงส์”

ฟอร์สออเนอ

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้บริหารของโทร์วแมนริงส์

เป็นเพราะพวกเขาขาดบุคลากรที่มีความสามารถหรือเปล่า?

ไม่

เฟรย์สามารถเห็นได้ชัดว่าเฟอานน์นั้นโดดเด่นมาก ดูเหมือนเขาจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับจิเซลลันที่เฟรย์เพิ่งจะได้คุย

‘เป็นเพราะจำนวนของพวกเขาน้อยเกินไปเลยแพ้ให้กับเซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ?’

เฟรย์มีความคิดนี้ในขณะที่แนะนำตัวเอง

“ผมชื่อเฟรย์เบลค”

“ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมากมาย กล่าวกันว่าคุณเอาชนะอัครสาวกได้ นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมากๆ ผมตื่นเต้นมากเมื่อได้รู้…ผมขอแสดงความนับถืออย่างจริงใจต่อคุณเฟรย์สำหรับความสำเร็จของคุณ”

"ขอบคุณ"

เฟรย์ก้มหน้าอย่างสุภาพเช่นกัน

และบทสนทนาก็จบลงที่นั่น

เฟอานน์ยิ้มเขินกับปฏิกิริยาของเฟรย์ซึ่งสงบกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก

“ดูเหมือนว่าผมจะรบกวนคุณเกินไป ผมขอลา”

จากนั้นเฟรย์ก็หยุดเขาขณะที่เขากำลังจะหันกลับไป

“แปบหนึงฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

"อาแน่นอน"

“ฉันต้องขอโทษล่วงหน้าสำหรับความหยาบคายของฉันนะออเนอเฟอานน์ ทำไมคุณถึงอยู่ในเซอร์เคิลที่กำลังจะล้มสลายนี้ละ?”

"นั่นก็..?"

ใบหน้าของเฟอานน์แข็งขึ้นชั่วขณะ

แต่สายตาของเฟรย์ยังคงแน่วแน่

นี่เป็นปัญหาที่กวนใจที่สุดสำหรับเขา

“ด้วยความสามารถของคุณ คุณจะสามารถเข้าร่วมเซอร์เคิลอื่นได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่แค่คุณมาสเตอร์เบเนียงออเนอจิเซลลันและสมาชิกคนอื่นๆทั้งหมดที่นี่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณทุกคนถึงพยายามวิดน้ำออกจากเรือที่กำลังจะจม”

ถ้ามันยังคงเป็นแบบนี่อยู่โทร์วแมนริงส์จะหายไปในสักวันหนึ่ง

การกระทำของพวกเขาไม่ต่างอะไรไปกว่าการหน่วงเวลาเท่านั่น

“…คุณเป็นคนที่มีเหตุผลมาก เป็นแบบอย่างของพ่อมดรุ้นใหม่จริงๆ”

เฟอานน์ยิ้มอย่างขมขื่น

เฟรย์รู้ว่ามันไม่ใช่คำชมแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

“เรือที่กำลังจมงั้นหรือ นั่นคือการเปรียบเทียบที่เหมาะสมดี มันเป็นเรื่องจริงและเราทุกคนก็รู้ว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นยังไงในท้ายที่สุด แถมยังมีเซอร์เคิลอื่นๆคอยโจมตีพร้อมกับแย่งสิ่งประดิษฐ์ที่เหลืออยู่ของเรา”

มันเป็นเรื่องจริง

ในท้ายที่สุดจุดประสงค์ของเซอร์เคิลคือการโค่นล้มเดมิก็อด

การล่มสลายของโทร์วแมนริงส์ไม่ได้หมายความว่าใครบางคนต้องตายหรือมีชีวิตที่น่าสังเวช

ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจ

“แค่ว่าพวกเราไม่สามารถเฉยชาได้”

"ทำไม?"

“เพราะนั่นหมายความว่าโทร์วแมนริงส์จะหายไป”

“แล้วมันสำคัญยังไง?”

“เซอร์เคิลเป็นองค์กรที่เชื่อมต่อกันผ่านความตั้งใจของวีรบุรุษในยุคเก่า คุณเฟรย์...ถ้าหากเราแยกตัวออกไปชื่อของลูคัสก็จะถูกตัดออกไปด้วย”

“…”

“ผมรู้ว่ามันฟังดูโง่ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะบังคับให้คนอื่นเข้าใจผม แต่คุณเฟรย์ในตอนแรกเซอร์เคิลเริ่มต้นขึ้นเนื่องจากความเคารพในตำนานอันยิ่งใหญ่ของคนเหล่านั้น”

เฟอานน์หัวเราะเบาๆ

“คุณรู้ไหมว่าทำไมลูคัสถึงเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับสมญานามว่ามหาจอมเวทย์?”

เฟรย์ไม่ได้ตอบ

เฟอานน์ยังคงพูดต่อไป บางทีอาจจะคิดว่าเฟรย์ไม่รู้

“เป็นเพราะเขาเป็นผู้บุกเบิกให้ทุกคนเดินไปตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์เมือ 4,000 ปีก่อน แถมมันเพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อมดและนักรบเวทมนตร์ในอดีตนั้นเลวร้ายที่สุด การเพิกเฉยหรือดูหมิ่นซึ่งกันและกันแม้กระทั่งการต่อสู้จนถึงความตายเกิดขึ้นทุกวัน แม่มดเองก็เหมือนกัน พวกเขาถูกปฏิบัติเหมือนคนนอกรีตแทนที่จะเป็นสหายที่เดินตามเส้นทางเดียวกัน”

“…”

“ลูคัสเป็นคนเดียวที่ไม่ได้คิดแบบนั้น ตราบใดที่พวกเขาใช้มานาพวกเขาก็คือพวกเดียวกัน เขาบอกว่าพวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีจุดประสงค์เดียวกันที่เรียกว่าเวทมนตร์”

เฟอานน์หัวเราะอีกครั้ง

“มันเป็นการเริ่มต้นเล็กๆ แต่ต้องมีใครสักเป็นคนเริ่ม ลูคัสเป็นคนแรกในเวลานั้น มีหลายคนที่ยังไม่มั่นใจ หลายคนที่เป็นศัตรูกับลูคัส แม้แต่พ่อมดที่เหมือนเขา แต่… ลูคัสก็ฝ่าฟันมันมาได้”

“…”

"คุณเฟรย์ผม ... ไม่สิ เซอร์เคิลของเราเป็นกลุ่มง่ายๆ พวกเราชื่นชมลูคัสที่สามารถโอบกอดแม้แต่คนที่ต้องการเอาชีวิตของเขาและนำพาพวกเขาไปตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์มากกว่าใครๆบนโลกนี้ และถ้าเป็นไปได้พวกเราทุกคนต่างก็อยากจะเลียนแบบจิตวิญญาณประเสริฐนั้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม พวกเราไม่ต้องการให้ร่องรอยของเขาหายไปจากโลก”

เฟรย์นึกถึงเชพเพิร์ดและเพเรียนอีกครั้ง

เขานึกถึงรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อพวกเขาพูดถึงฮีโร่ที่พวกเขาชื่นชม

'อา...'

เฟรย์ตระหนักได้ในขณะนั้นว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเหล่าฮีโร่

ไม่ใช่แค่การแสดงความเคารพหรือการแสดงความเคารพต่อผู้ยิ่งใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอดีต

สำหรับพวกเขาลูคัสเป็นเหมือนจิตวิญญาณของพวกเขา เขาเป็นเสาหลักทางจิตวิญญาณที่สำคัญกว่าชีวิตของพวกเขาเอง

ในขณะนั้นเฟรย์เข้าใจหัวอกของพวกเขาอย่างแท้จริง

"ฉันเข้าใจแล้ว"

เฟรย์หันหน้าหนีเฟอานน์และเกาแก้มเหมือนอาย

“ลูคัสต้องมีความสุขแน่ๆ”

"นั่นนะสิ"

“เขาคงดีใจมากที่มีผู้สืบทอดเจตจำนง ที่จะสืบทอดจิตวิญญาณของเขา”

“ฮ่าฮ่า ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

เฟรย์รู้สึกขอบคุณสำหรับความเคารพเท่าที่พวกเขาเคารพและชื่นชมเฟรย์ เฟรย์เองก็เคารพและชื่นชมพวกเขา

เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับการเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์แต่อย่างน้อยเฟรย์ก็อยากจะให้อะไรตอบแทนพวกเขา

และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ยากที่จะบรรลุ

ฝีเท้าของเฟรย์พาเขาไปยังบ้านของเบเนียง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด