ตอนที่ 5 - พระเจ้าสรรค์สร้าง (3)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
เธอต้องรีบไปถามเจ้าดาร์คเอล์ฟว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่และถ้ามีคนเห็นเธอจริงๆ เธอก็จะต้องเตรียมรับมือไว้.
เธอรีบเปิดประตูแล้วเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูให้สนิทอย่างรวดเร็ว. ห้องใต้ดินนั้นก็มืดดังเดิม มีเพียงแค่เทียนเล่มเดียวเท่านั้นที่ส่องแสงอยู่กลางห้อง.
เจ้าเอล์ฟตัวน้อยนอนขดตัวอยู่บนเตียง. ตาของเขาปิดอยู่ราวกับว่ากำลังหลับลึก ขนตายาวๆของเขานั้นทอดเงาออกมาจากแสงเทียน.
เอมิเลียไปนั่งอยู่ท้ายเตียงแล้วสำนวจแผลของเจ้าเอล์ฟ. ความสามารถในการรักษาของสิ่งมีชีวิตมายานั้นยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายจริงๆ. แค่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง แผลที่เปิดอยู่ก็เริ่มจะปิดสนิทและเริ่มหายอย่างช้าๆ.
เอมิเลียยื่นมือออกไปจับผ้าพันแผลด้วยความอยากสัมผัสตัวแต่จู่ๆเจ้าเอล์ฟก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา.
“อย่ามาแตะข้า!” เจ้าเอล์ฟพูดพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าดุร้าย. สีหน้านิ่งๆของเอมิเลียตะกี้เปลี่ยนไปทันที.
เจ้าเอล์ฟดูเหมือนจะฟื้นตัวจากการเสียเลือดก่อนหน้าแล้ว เพราะตอนนี้เขาดูดีขึ้นกว่าตอนเช้ามาก.
เขาแยกเขี้ยวออกอย่างกับหมาเป็นโรค.
เอมิเลียรู้สึกว่าเจ้าเอล์ฟดูน่ารักแม้จะทำสีหน้าดุร้ายอยู่ก็ตาม. เอมิเลียมองลงมาพร้อมหุบยิ้มก่อนจะประชดว่า “โทดนะ? ใครอยากจะแตะนายกัน? ชั้นแค่จะมาถามอะไรนิดหน่อย. ได้คำตอบแล้วจะไป”
เธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ห่างจากเขาไม่กี่เมตร.
พอเอมิเลียไปนั่งห่างๆเขา เจ้าเอล์ฟก็รู้สึกสงบลงหน่อยๆ ดูไม่ก้าวร้าวเหมือนเมื่อกี้.
เขาพยายามเคลื่อนตัวบนเตียงไปพิงหลังที่กำแพง. เขามองมาที่เอมิเลียแล้วรอให้เธอพูดต่อ.
“จำได้มั้ยว่าทำไมนายถึงหมดสติไป? มีคนอื่นเห็นนายรึป่าว? มีคนเห็นนายไปที่ตรอกนั่นมั้ย?” เอมิเลียยิงคำถามรัวๆ.
เจ้าเอล์ฟปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆของเธอเลย.
ราวกับเวลาระเบิดกำลังเดินอยู่ เอมิเลียรู้สึกว่าชีวิตของเธอเริ่มสั้นลงๆทุกที เพราะเจ้านี่กำลังทำให้เธอปวดหัว.
เธอถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วกุมมือไว้ก่อนจะพูดต่อ “นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะ เรื่องของนายด้วยซ้ำ. นายไม่อยากให้ครอบครัวนายรู้หรอว่านายยังไม่ตาย?”
เจ้าเอล์ฟเล่นนิ้วตัวเองแล้วมองต่ำลงมาที่มือ. เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น.
สิ่งที่เขาจำได้ก็มีแค่ยัยผู้หญิงบ้านี่กับห้องแคบๆตอนที่ตื่นมา. เขาจำอย่างอื่นไม่ได้อีกเลย.
เจ้าเอล์ฟรู้สึกไม่สบายใจและก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความทรงจำที่หายไปนี่ดี. เขาอยากจะถามผู้หญิงตรงหน้าเขาแต่ก็ยังระแวงเธออยู่. เขาเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าอย่าประมาทโดยเฉพาะตอนนี้ที่เขายังไม่แข็งแรงนัก.
ตอนที่เอมิเลียออกไปเมื่อกี้ เจ้าเอล์ฟก็ยังถ่างตาอยู่ตลอด. เขาพยายามไม่หลับด้วยความหวาดระแวงว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นและถูกผู้หญิงที่ไม่รู้จักช่วยไว้. ความง่วงจากอาการเสียเลือดมากเกินไปเกือบทำให้เขาสลบแต่ก็พยายามอดทนไว้ได้.
ด้วยสายตาทื่เริ่มพร่ามัวและหัวที่ตื้อไปหมด เขาเริ่มรู้สึกง่วงซึมๆขึ้นมาแล้ว. แต่เขาก็พยายามนั่งตัวตรงไว้ด้วยแรงใจของเขาล้วนๆ. ถ้ามาสลบต่อหน้าผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่.
เอมิเลียกำลังนั่งรอให้เขาตอบอยู่ เธอเริ่มหมดความอดทนแล้ว.
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เจ้าเอล์ฟก็พึมพำออกมาเบาๆ “ไม่”
เอมิเลียกะพริบตา เธอประหลาดใจกับคำตอบที่สุขุมของเจ้าเอล์ฟมาก. เธอจ้องไปที่เขาสองสามวินาทีก่อนจะถาม “นายเห็นคนอื่นอีกรึป่าวตอนที่อยู่ตรงนั้น?”
เจ้าเอล์ฟส่ายหัว.
อาจจะมีคนตามล่าเจ้าหนูนี่อยู่ก็ได้. เอมิเลียหน้าผากยู่ เธอเป็นห่วงเจ้าดาร์คเอล์ฟที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่ขณะที่เอานิ้วนวดหน้าผากให้ความปวดมันหายไป.
ปกติแล้วเธอไม่ค่อยสนใจความรู้สึกคนรอบๆเธอนัก แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เธอสนและรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก - สถานการณ์ที่มีสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดมาเกี่ยวด้วยเต็มๆ.
แม้เธอจะรู้ว่าเจ้าเอล์ฟนี่เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะหลอกเธอ. เธอเดาว่าร่องรอยที่อัศวินพบเข้านั้นน่าจะเป็นฝีมือของพวกจอมเวทย์แห่งความมืดที่ทิ้งไว้หลอกแน่ๆ.
ทางหนีจริงๆน่าจะไม่ใช่ถนนนั่น. พวกอัศวินน่าจะตามรอยไปผิดทางแต่เธอจะพูดเรื่องนี้ให้หัวหน้าอัศวินฟังไม่ได้เด็ดขาด. เพราะเธออธิบายไม่ได้แน่ว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน. ถ้าเธอพูดไปล่ะก็จะต้องมีคนสงสัยแน่.
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ชั้นจะออกไปแล้ว. นายควรพักซะ”
เจ้าเอล์ฟก้มหัวลงพยายามปิดหน้าไว้ไม่ให้เห็น. เอมิเลียไม่มั่นใจว่าเจ้าเอล์ฟกำลังคิดอะไรอยู่.
เอมิเลียไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเช้ากันแน่และเธอก็ไม่อยากถามกดดันเจ้าเอล์ฟต่อ. ตอนที่เธอกำลังจะปิดประตูเธอก็ได้ยินเสียงครางเบาๆออกมาจากด้านใน.
มือเธอที่จับวงเหล็กอยู่ชะงักไป เธอชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านใน.
ที่หน้าผากของเจ้าเอล์ฟนั้นเหงื่อแตกพลั่กไปหมด มันไหลย้อนลงมาบนผิวสีน้ำผึ้งเขา. เขาหมดสติไปในท่าขดตัวบนเตียง หลังของเขาสั่นเล็กน้อย. เอมิเลียสามารถมองเห็นได้เลยว่ากระดูกในร่างของเขากำลังถ่างผิวหนังเขาออก.
เอมิเลียรีบเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วไปคุกเข่าต่อหน้าเขา “เป็นอะไรไป? เจ็บรึป่าว?”
เธออยากจะใช้พลังรักษาของเธอซะเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเขารับพลังได้นะ.
คิ้วของเจ้าเอล์ฟขมวดแรงมากๆและเขากำลังกัดฟันอย่างแน่นด้วย. ดูจากสีหน้าแล้วดูเหมือนว่าเขากำลังอดทนกับความเจ็บปวดมหาศาลอยู่ขณะที่เขาหายใจหอบอย่างรุนแรง.
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเหมือนกับฝันในสายตาของเอมิเลียเลย.
ผมของเจ้าเอล์ฟยืดยาวออกแล้วสะบัดขึ้นไปบนอากาศราวกับว่าโดนลมพัดอยู่. ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากเด็กทารกเป็นชายรูปงามที่หาคำเปรียบไม่ได้.
ผ้าพันแผลที่พันรอบๆตัวเขานั้นก็เริ่มคลายออกจนเห็นกล้ามเนื้อแน่นๆด้านใน ดูราวกับรูปปั้นของกรีกก็ไม่ปาน. ขาของเขายืดออกไปพาดปลายเตียงแต่ก็ยังอยู่ในท่าขดตัวเช่นเดิม.
เอมิเลียงุนงงมากขณะที่มองดูความอัศจรรย์นี่และเธอก็นึกออกว่าทำไมพวกเอล์ฟถึงถูกกล่าวขานว่าเป็นสิ่งมีชีวิตของพระเป็นเจ้า. เธอจำได้ว่าเดิมทีพวกเขานั้นถูกสร้างมาให้มีทั้งความงดงามและพลังไว้ในครอบครอง. พวกเขาถูกพระเจ้าสรรค์สร้างมาอย่างงดงามมากๆ.