ตอนที่ 5 - หัวหน้าคนใหม่ (2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
เอมิเลียตะลึงเบาๆ. เธอว่าเธอจบแล้วแน่ๆ.
ถ้าเธอไปที่พิธีแห่งแสงและพบกับเทพเจ้าแห่งแสงแบบตัวต่อตัวล่ะก็, พระองค์ก็จะมองเห็นว่าเธอเป็นเซ้นต์ที่จอมปลอมเพียงใดแล้วตอนนั้นเธอก็จะถูกเนรเทศ ณ ตรงนั้นเลย.
เธอวิ่งหนีไปตอนนี้ได้มั้ยนะ? บางทีเธอน่าจะหันหลังแล้วรีบเผ่นไปให้ไกลที่สุดซะ.
แต่ทำแบบนั้นเธอก็ตายอยู่ดี. ไม่ว่าเธอจะอยู่หรือไม่ผลลัพธ์ก็จะออกมาเหมือนกัน.
เอมิเลียหลับตาปี๋, ความเครียดของเธอทวีคูณเป็นสิบเท่า.
เธอรู้สึกได้ถึงคทาเหล็กที่อยู่บนหน้าผากเธอ. โป๊บถอดมงกุฏของเขาออกแล้วสวมให้เอมิเลีย. คทายาวนับเมตรเองก็ถูกผลักเข้าในมือเธอเหมือนกัน มันสุกสว่างขณะอยู่ในมือสั่นๆของเธอ.
มงกุฏ, คทาและชุดคลุม ทั้งสามนี้เป็นของเอมิเลียแล้ว.
โป๊บสวมชุดคลุมให้ที่บ่าของเธอและเอมิเลียที่กำลังจ้องมาด้วยความว่างเปล่านั้น ยกแขนขึ้นแล้วสอดเข้าไปในชุดอย่างว่าง่าย. พอติดกระดุมและจัดมงกุฏบนหัวเธอให้ดีๆแล้ว โป๊บก็ยิ้มให้เอมิเลียขณะที่เอามือตบบ่าเธอ. เขาหันหลังไปแล้วประกาศกร้าวต่อสาธารณะว่าเอมิเลียคือหัวหน้าคนใหม่ของปีนี้.
เหล่าเซ้นต์พากันคำนับลงด้วยความนอบน้อมพร้อมกล่าวสรรเสริญ “ขอแสดงความยินดีกับท่านหัวหน้าคนใหม่!”
เอมิเลียมองดูคนที่อยู่ด้านหน้าเธอและสังเกตุเห็นว่าบางคนมองเธอกลับมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ. ก็พอจะเดาได้แหละ, เพราะเหล่าเซ้นต์ต่างพากันทุ่มเทอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นหัวหน้าแต่เอมิเลียกลับได้เป็นทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย.
จากตรงนั้นเอมิเลียเปล่งประกายไปด้วยความงามจากเครื่องแต่งกายของเธอ ทั้งยังงดงามมากขึ้นไปอีกเพราะผมสีบลอนด์ทองนั้น.
ราวกับว่าถูกแทงทะลุหัวใจ เดบร้าหลับตาลงแล้วพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้. ปากของเธอสั่นหน่อยๆขณะที่กัดปากอยู่ เธอพยายามคุมอารมณ์ไว้.
เซ้นต์คนหนึ่งเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง “เดบร้า อย่าเศร้าไปเลยนะ ไม่เอาน่า” นางลูบหลังเดบราแล้วกล่าว “ตอนนี้เธออาจจะได้เป็นหัวหน้า แต่อย่าลืมสิว่าเธอยอดเยี่ยมกว่านางนะ. เธอดีไม่ได้ครึ่งนึงของเธอเลย. พวกเขาจะให้เอมิเลียไปอ่านพระคัมภีร์ได้ยังไง?”
เซ้นต์คนนั้นกระซิบ “นางก็เป็นแค่ขั้นบรรไดอีกขั้นที่เธอต้องรับมือ. เธอน่ะคู่ควรกับมงกุฏของหัวหน้ามากกว่านางอีก”
เดบราคิดตามที่เพื่อนเธอพูด. เธอรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีใครคู่ควรมากกว่าเธออีกแล้วและทุกคนก็คิดแบบนั้นด้วย. โป๊บน่ะรักเธอมากกว่าใครๆยกเว้นแค่วันนี้เท่านั้น.
เธอยอมรับว่าทำผิดไปจริง แต่มันก็ไม่ได้ทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ? มันก็แค่เรื่องของริต้า คนอื่นไม่เกี่ยวเลย. ทำไมมันถึงเป็นเรื่องใหญ่นัก? โป๊บลืมความดีตลอดหลายปีของเธอไปหมดเพราะความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวเองหรอ?
เดบราจะใช้โอกาสนี้ทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครเหมาะจะทำพิธีพระคัมภีร์มิเลนเนี่ยมนอกจากเธออีกแล้ว. เธอกล่าวกับตัวเอง, เธอจดจ่อกับความคิดตัวเองมากจนไม่ได้สนใจพิธีที่กำลังดำเนินอยู่เลย.
พิธีนั้นดำเนินไปนานหลายชั่วโมงและเอมิเลียก็หาทางหนีไม่ได้จนค่ำเลย.
ขณะออกมาจากโบสถ์เธอก็ถอนหายใจ, เธอเดินไปพบกับอัศวินหน้าคุ้นๆที่ยืนห่างอยู่ไม่กี่ก้าวจากห้องเธอ. เขาไม่ได้สวมหมวกอยู่ เอมิเลียจึงเห็นว่าเขาค่อนข้างหล่อ. เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเอมิเลียแล้วก้มหัวให้ “ท่านหัวหน้า”
เอมิเลียอารมณ์ไม่ค่อยดีนักแต่ก็ไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้าไม่ดีจึงพยายามทำหน้านิ่งๆไว้ “ท่านมาทำอะไรที่นี่หรอคะ?”
เหล่าอัศวินของหน่วยลาดตระเวนส่วนใหญ่นั้นได้รับคำสั่งให้ไปลาดตระเวนด้านนอกอยู่และพวกเขาไม่สามารถเข้ามาที่วังนี้ได้หากไม่ได้รับอณุญาต.
อัศวินคนนั้นลุกขึ้น “เรื่องเหตุสังหารหมู่ล่าสุดน่ะครับ. ลูกน้องของกระผมพบเบาะแสเข้าและผมกำลังจะไปรายงานท่านอาร์ชบิช้อป* น่ะครับ”
เหตุสังหารหมู่ล่าสุด?
เอมิเลียเงียบไป. เธอเพิ่งจะนึกเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ทำให้เธอไปเจอกับเจ้าเอล์ฟเข้าออก “ท่านพบอะไรหรือคะ?” นางถาม.
“กระผมตามรอยไปที่ใกล้ๆกับถนนโอย่า แต่พอกระผมไปถึงที่นั่น มันหายไปแล้วครับ”
ถนนโอย่า, ทำไมชื่อคุ้นๆกันนะ?
เพราะเหนื่อยจากพิธีฉลองวันนี้มากไป เอมิเลียเลยไม่ได้คิดเรื่องนั้นมาก. เธอพยักหน้า. “เอาล่ะ. ท่านไปเถอะค่ะ อย่าให้ท่านอาร์ชบิช้อปรอนานเลย”
เอมิเลียเดินตามทางไปเรื่อยๆ แล้วก็หยุดลงพอก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว. จู่ๆเธอก็นึกออก.
ถนนโอย่าคือที่ที่เธอเจอกับเจ้าดาร์คเอล์ฟ!
และเอมิเลียก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่.
มีคนอื่นอยู่ในตรอกนั่นกับเขางั้นหรอ? มีคนซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดแล้วเห็นเอมิเลียช่วยเจ้าดาร์คเอล์ฟทั้งๆที่เธอควรฆ่ามันงั้นหรอ?
หรือจะเป็นพวกจอมเวทย์แห่งความมืดกัน?
เอมิเลียรู้สึกขนลุกจากหลังมาถึงแขนเลย. หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้น เหงื่อเริ่มแตกพลั่กออกมาจากหน้าผากขณะที่เธอเริ่มลนลาน. เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำใจให้เย็นลง.
เธอสามารถรู้สึกถึงตัวตนของสิ่งมีชีวิตจากความมืดที่ซ่อนอยู่ในมุมนั่นได้ เธอมั่นใจแน่ๆ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบวิชานั้นก็ตาม แต่เธอรู้ได้แน่ถ้ามีใครอยู่ในมุมนั่นจริงๆ.
เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่เธอจะไม่รู้. เธอถึงขนาดดูถนนให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีใครอยู่ก่อนจะพาเจ้าเอล์ฟออกมาด้วยซ้ำ.
เอมิเลียพยายามปลอบใจตัวเอง. จากนั้นเธอก็รีบเดินต่อไปทางวังของเธอ.
*อาร์ชบิช้อป (Archbishop) หรือ อัครมุขนายก. เป็นยศที่อยู่สูงกว่าบิช้อปครับ*