WS บทที่ 48 การต่อสู้อันดุเดือดที่เมืองแบล็กวอเตอร์ PART 3
ณ ปราสาทคาสเทลแลน เหล่าขุนนางทั้งหกคนได้เข้ามาในห้องทีละคน
ในห้องโถงได้มีคาสเทลแลน ออกัสตินกับบารอนวิงกูลได้รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อห้องพวกเขาทั้งหกคนออกัสตินได้ลุกขึ้นยืนทันที
“เชิญทุกท่านนั่งลงก่อน วันนี้ที่ข้าเชิญทุกท่านมาที่นี่เพื่อที่จะมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญของเมืองแบล็กวอเตอร์”
“คุณกำลังจะพูดเรื่องของพวกโจรที่ออกอาละวาดรอบ ๆ เมืองใช่หรือไม่ พวกเราไม่รู้ว่าโจรพวกนี้มาจากไหน พวกมันบุกโจมตีดินแดนของพวกเราอย่างกะทันหัน ทางเราได้ส่งอัศวินได้ปกป้องที่นั่นแล้ว มันไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร” บารอนเพอร์แมนกล่าว
บารอนวิงกูลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้หรี่ตามองไปที่บารอนเพอร์แมนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แววตาของเขาฉายแววเยือกเย็นออกมา เขาได้นึกถึงตอนนี้ไปสู่ขอลูกสาวคนที่สองของบารอนเพอร์แมนมาให้แกทีรอธลูกชายของเขาแต่ทว่าบารอนเพอร์แมนกลับตัดสินใจยกลูกสาวให้กับเมอร์ลินแทน ด้วยการกระทำเช่นนี้ทำให้บารอนวิงกูลกับตระกูลขุนนางที่อยู่ข้างเขาได้เกลียดบารอนเพอร์แมนกับเลห์แมน วิลสันเข้ากระดูกดำ
“บารอนเพอร์แมน ที่ท่านคาสเทลแลนเชิญพวกเรามาในวันนี้ ท่านบารอนไม่ได้มาคุยเรื่องของกลุ่มโจร” บารอนวิงกูลหัวเราะอย่างเย็นชา
สีหน้าของบารอนเพอร์แมนเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปมองคาสเทลแลน ออกัสตินและถามด้วยเสียงต่ำ “ท่านบารอนคาสเทลแลน ท่านไม่ได้เชิญพวกเรามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการจัดการพวกโจรหรอกหรือ?”
ออกัสตินได้เหลือบไปมองบารอนวิงกูล เขาเห็นความไม่พอใจของบารอนวิงกูลฉายชัดออกมา
“ถูกต้อง ข้าไม่ได้รวมทุกคนมาที่นี่เพื่อพูดคุยในเรื่องของกลุ่มโจร” ออกัสตินกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
ออกัสตินกำลังจะพูดต่อแต่บารอนเพอร์แมนได้ลุกพรวดขึ้นมาและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใชเรื่องของพวกโจร ดังนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน ข้ายังมีธุระที่ต้องทำในดินแดนของข้า”
บารอนเพอร์แมนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเดินออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินมาถึงประตู เขากลับถูกอัศวินขว้างทางออกไว้ พวกเขาชักดาบขึ้นมาขวาง
นั่นทำให้บารอนเพอร์แมนกับขุนนางท่านตกใจ ในแง่สถานะของพวกเขานั้นเท่าเทียมพอ ๆ กับออกัสตินแต่ด้วยเขาเป็นตระกูลเก่าแก่จึงทำให้มีอิทธิพลมากกว่าจึงทำให้เขาเป็นตระกูลขุนนางที่ดูแลเมืองนี้ ดังนั้นการที่ออกัสตินมาขวางแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก
“ออกัสติน เรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไร!!” บารอนเพอร์แมนตะแบงเสียงถามด้วยความเดือดดาล
ออกัสตินตอนนี้อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สีหน้าของเขาซีดมาก จึงทำให้บารอนวิงกูลลุกขึ้นและพูดอย่างเย็นชา
“ท่านบารอนคาสเทลแลน เนื่องจากท่านไม่สะดวกจะพูดเรื่องนี้ ให้ข้าเป็นคนพูดเอง เบื้องหลังการเชิญพวกท่านมาก็ไม่มีอะไรมาก พวกข้าเพียงแค่มาเชิญพวกท่านเข้ามาสู่อ้อมกอดของพระเจ้าและกลายเป็นสมาชิกของศาสนจักรรับใช้และปฏิบัติตามประสงค์ของเทพแห่งแสงแทนที่จะทำตามราชวงศ์พวกนั้น เอาล่ะถึงตาพวกคุณต้องเลือกแล้วว่าจะอยู่ฝั่งไหน”
ด้วยคำพูดของบารอนวิงกูลทำให้บาอนเพอร์แมนกับขุนนางคนอื่น ๆ ตกตะลึง พวกเขาจึงหันไปมองออกัสติน
“ท่านออกัสติน สิ่งที่บารอนวิงกูลกล่าวออกมานั้นป็นเรื่องจริงงั้นหรือ” บารอนเพอร์แมนถามเขาด้วยเสียงเข้ม
ออกัสตินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในเรื่องนี้แต่เขาจำเป็นต้องบรรลุความต้องการของพ่อมดเจสันเพื่อให้ตระกูลของเขาคงอิทธิพลของเมืองแบล็ดวอเตอร์เอาไว้
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นเขาก็ได้พยักหน้าและพูดออกมาเบา ๆ
“ข้ายินดีทำตามศาสนจักรผู้ซึ่งถ่ายทอดประสงค์ของเทพแห่งแสงแทนที่จะเป็นราชวงศ์ พวกท่านอาจจะยังไม่ทราบข่าวนี้แต่ส่วนใหญ่ของอาณาจักรได้อยู่ภายใต้ศาสนจักรเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นพวกท่านควรตัดสินใจในตอนนี้เนื่องจากพ่อมดเจสันอยู่ที่นี่และกำลังรอคำตอบของพวกท่าน พ่อมดเจสันไม่สนข้อผิดพลาดใด ๆ เมื่อครั้งอดีต ท่านยินดีที่จะรับพวกเราเข้าสู้อ้อมกอดของพระเจ้า”
ในตอนนั้นเอง เมื่อออกัสตินพูดจบ อยู่ ๆ ก็ได้มีอัศวินป้องกันเมืองหลายร้อยคนได้วิ่งเข้ามาในห้องโถงพวกอัศวินต่างจ้องมองบารอนเพอร์แมนกับคนอื่น ๆ ด้วนสายตาที่เป็นปฏิปักษ์
ขุนนางทั้งหลายได้เงียบลง
หลังจากนั้นบารอนเพอร์มนได้ชักดาบออกมาและหัวเราะอย่างเศร้า ๆ
“ออกัสติน อย่างน้อย ๆ ท่านก็ช่วยบอกข้าด้วยว่าใครกันที่เป็นคนมอบตำแหน่งบารอนให้กับตระกูลของท่าน”
สีหน้าของออกัสตินได้มืดลงและพูดด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา “บารอนเพอร์แมน บรรพบุรุษของตระกูลออกัสตินได้เข้าต่อสู้เพื่อให้ตำแหน่งบารอนมา พวกเราไม่ได้ขอแต่พวกเราคู่ควรกับมันต่างหาก!!”
บารอนวิงกูลได้จ้องมองไปที่บารอนเพอร์แมนและพูดว่า “บารอนเพอร์แมน ท่านยังคิดว่าวิลสันจะมาช่วยคุณงั้นเหรอ ข้าจะบอกอะไรให้กลุ่มโจรที่บุกโจมตีรอบ ๆ เมืองพวกท่านเป็นคนของศาสนจักรเอง ข้าเกรงว่าเขาคงตายด้วยน้ำมือของนักรบศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ความหวังของท่านคงไม่มีทางเป็นจริงแน่นอน”
“วิลสัน...เขาตายแล้วงั้นเหรอ?”
บารอนเพอร์แมนรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ตัวเขาสนิทกับเลห์แมนมากจนถึงขั้นเป็นพี่น้องได้เลย เมื่อเขารู้ถึงข่าวการตายของเลห์แมนทำให้เขาอดที่จะเศร้าไม่ได้
“ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านต้องตัดสินใจแล้ว!!”
“พวกเรามีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ?” ขุนนางคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาเขามองอัศวินที่หันอาวุธใส่พวกเขาด้วยท่าทางที่ดุร้าย นั่นทำให้เขาวางดาบลงอย่างจำนน
ออกัสตินรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเขา
*ตึง! ตึง!*
แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ จากนั้นก็มีเสียงตะโกนเข้ามาในปราสาท
“ด้วยเกียรติของอัศวิน!!”
“ด้วยเกียรติของอัศวิน!!”
เสียงตะโกนที่ดุดันทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา
“นั่นมันวิลสัน เขาอยู่ที่นี่แล้ว!!”
บารอนเพอร์แมนได้โพล่งขึ้นมา เขาจำคำขวัญที่กองกำลังอัศวินเกราะเหล็กของวิลสันมักจะใช้ได้ ทุกครั้งที่ตะโกนคำขวัญนี้มันจะบ่งบอกถึงการมากของเลห์แมน วิลสัน
“แย่แล้ว!! นั่นมันอัศวินเกราะเหล็กของวิลสัน!!”
ออกัสตินกับบารอนวิงกูลต่างสบตากันด้วยความตกใจ พวกเขารู้มาว่าเลห์แมนได้ตายไปแล้วในดินแดนของเขาจากพ่อมดเจสัน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวกับไม่เป็นอย่างที่คิดและตอนนี้โอลก์กำลังนำทัพอัศวินเกราะเหล็กบุกมาที่ปราสาทคาสเทลแลน
พวกเขารู้ดีว่าอัศวินเหล่านี้น่ากลัวเพียงใด แม้จะมีกองกำลังป้องกันเมืองหลายพันคนก็ไม่สามารถต่อกรพวกเขาได้
“แจ้งให้พ่อมดเจสันทราบเร็วเข้า!!”
ออกัสตินนึกถึงพ่อมดเจสันทันที ในระหว่างที่รอพ่อมดเจสันมา เขาต้องหาที่หลบซ่อน
*ปัง!!*
ประตูห้องโถงได้กระแทกออกและพังกระจายเป้นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชายกล้ามโตที่สวมชุดเกราะสีดำเดินเข้ามาในห้องโถง ร่างกายของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง หยดเลือดสีแดงได้ไหลออกมาจากดาบของเขา ออร่าของเขานั้นน่ากลัวมาก
ชายคนนั้นคือเลห์แมน วิลสัน เขาได้กวาดพวกอัศวินป้องกันเมืองให้พ้นทาง เมื่อเขามองเห็น ออกัสติน บารอนวิงกูล บารอนเพอร์แมนและขุนนางคนอื่น ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ดูเหมือนจะยังไม่สายเกินไป...”
เสียงของเลห์แมนแหบเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กำด้ามดาบแน่นและย่างสามขุมไปข้างหน้า