ตอนที่แล้วEp.859 - ความโกรธของเหอเทียนสิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.861 - ประตูแห่งความกลัว

Ep.860 - เจอกันอีกครั้ง


5/5

Ep.860 - เจอกันอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงกลับมายังมิติธารโลหิต หลงเยว่ประจำการอยู่ที่นี่ ก้าวออกมาต้อนรับเขา

“ฉินเฟิง ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นแล้วนี่?” หลงเย่วกวาดสายตาสำรวจ เอ่ยทักทาย

“ครับ หายดีแล้ว”

“ไม่เลว คนหนุ่มก็ฟื้นตัวได้เร็วแบบนี้แหละ อ้อ ครั้งนี้นายสบายใจได้ ถ้าเหอเทียนสิงมา ฉันจะไม่ปล่อยให้มันเข้าถึงตัวนายอีกแน่นอน!”

“ขอบคุณท่านผู้ใหญ่!”

ทั้งสองไม่พูดมากก็เข้าใจกัน หลงเยว่ยังไม่ทันได้อธิบายถึงสิ่งที่พลาดพลั้ง ฉินเฟิงก็รีบตอบรับซะก่อน

เพราะเรื่องพวกนี้ มันไม่จำเป็นอีกต่อไป

ปัจจุบันในสมรภูมิธารโลหิตถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มอิทธิพลใหญ่ มีกระทั่งกองกำลังจากองค์กรมืด คนของแต่ละกองกำลังยึดครองพื้นที่หนึ่ง แต่เมื่อเกิดรอยแยกมิติขึ้น ทุกคนจะกรูกันเข้าไปแก่งแย่ง ล่าสังหารสัตว์ร้ายกับพวกอสูรโลหิต

ในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ จำนวนอสูรโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว

ฉินเฟิงไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของอสูรโลหิตในตอนนี้ แต่เขายังพอรู้ว่าสถานที่ไหน ที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดรอยแยกมิติขึ้น และปัจจุบันยังไม่มีใครสังเกตเห็น

ดังนั้นฉินเฟิงจึงนำกลุ่มเฟิงหลีออกไปยังตำแหน่งที่ห่างจากสมรภูมิธารโลหิตหลายสิบกิโลเมตร เอาให้แยกจากสมรภูมิธาตโลหิตพอสมควร

“ลงจากเรือเหาะ ใช้เทคนิคกำแพงดินสร้างปราการขึ้นมา แล้วพ่นสารพิษเลือดแข็งตัว”

“รับทราบท่านประธาน!”

ผู้ใช้พลังทยอยกันลงจากเรือเหาะ คราวนี้ฉินเฟิงไม่ได้นำมาแค่ผู้ใช้พลังเลเวล B เท่านั้น แต่ยังนำเลเวล C มาด้วย จำนวนทั้งสิ้นน่าจะซัก 200 คน

คนพวกนี้จะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ แต่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลและเก็บกวาดสินสงคราม  นั่นคือหน้าที่ทั้งหมดของพวกเขา

แน่นอน ถึงจะแค่นั้นแต่ยังถือว่าอันตรายอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่มีทางเลือก เพราะคนของเขา มีจำนวนไม่มากนัก

ไม่นาน ผู้ใช้อบิลิตี้ดินก็สร้างป้อมปราการสำเร็จ มันเป็นแค่ป้อมแบบเรียบง่าย มีเรือเหาะลอยอยู่กลางอากาศที่เตรียมพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ

“ประธาน ท่านผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่ามีบางอย่างจะพูดกับคุณ ถึงตราที่เขาสวมจะเป็นของเลเวล B แต่ผมรู้สึกว่า ผู้ใหญ่ท่านี้มีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล A” ลูกน้องคนหนึ่งรายงาน

“ผู้ใช้พลังเลเวล A งั้นหรอ?” ฉินเฟิงไม่รู้ว่าใครมาหาเขา พลังสมาธิกวาดออกไป และพบว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ

ฉินเฟิงเดินออกมาจากป้อมปราการดิน มองไปยังชายที่สวมชุดต่อสู้ และมีอุปกรณ์สื่อสารอยู่ในมือ กระทั่งผมที่เคยยาวของเขาก็ถูกตัดจนสั้น

“เป็นแขกที่คาดไม่ถึงจริงๆ ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสสูงสุดกง” ฉินเฟิงล้อเลียนเล็กน้อย

คนผู้นี้ เดิมทีแล้วเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ปรากฏตัวขึ้นในมิติธารโลหิต

“มิสเตอร์ฉิน ในที่สุดก็หาคุณเจอ!” กงเก๋อพอเห็นฉินเฟิง น้ำตาก็คลอเบ้า

ช่วงหลายวันที่ผ่านมา มันแย่มากจริงๆ

หลังจากการต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับเหอเทียนสิง ชาวพื้นเมืองที่หลุดเข้ามาในรอยแยกมิติ ก็สูญเสียป้อมปราการดินไป พวกเขาหลบลี้ หลีกหนีผลพวงจากการโจมตีของเลเวล S ล่าถอยไกลออกไป สุดท้ายตั้งรกรากที่ปลายขอบอีกด้านหนึ่งของสมรภูมิธารโลหิต

แต่เมื่อมีคนจากมิติฉินเฟิงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ พวกกงเก๋อที่มีเลเวล A เพียงคนเดียว ก็ถูกผลักไสโดยกลุ่มอื่นๆ พื้นที่ใช้สอยหดเล็กลงเรื่อยๆ

เดิมที คลิฟส์ตั้งใจจะช่วยสหายผู้ใช้อบิลิตี้แสงเช่นเดียวกับตนอยู่เหมือนกัน แต่คาดไม่ถึงว่ากงเก๋อจะดันตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มกองกำลังมืด  ในคืนนั้นเอง กว่าห้ากลุ่มกองกำลังได้ร่วมมือกัน ไล่กำจัดคน 200 - 300 คนที่ฉินเฟิงเคยช่วยชีวิตเอาไว้

หลงเหลือเพียงกงเก๋อเป็นคนสุดท้าย เขาหลบหนีมา ระหว่างทางบังเอิญพบมนุษย์ต่างมิติปรากฏตัวขึ้นพอดี เขาเลยลอบฆ่าไปคนหนึ่ง กระชากตราของบุคคลๆนั้น มาติดบนร่างตัวเอง ทั้งยังค้นเสื้อผ้าของผู้ตายจากอุปกรณ์รูนมิติมาสวมใส่ ปรับตัวให้กลมกลืน แม้กระทั่งวิธีการพูดหรือการใช้คำเรียกขานที่ดูโบราณก็ยังหัดเปลี่ยนแปลง

ด้วยประการฉะนี้เอง กงเก๋อเลยสามารถรอดพ้นจากโชคชะตาที่ต้องถูกสังหารมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทุกคนต่างจับจ้อง เพ่งสมาธิอยู่กับรอยแยกจากมิติล่มสลายและอสูรโลหิต เลยเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่สนใจว่ากงเก๋อปลอมตัวหรือไม่

กงเก๋อร่ำไห้คร่ำครวญ ดึงแขนฉินเฟิงบอกเล่าประสบการณ์อันน่าสังเวชของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

“อาวุโสสูงสุดกง ถึงผมจะรู้สึกเห็นใจกับสิ่งที่คุณเผชิญ แต่ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ดูเหมือนว่าตอนนี้ ผมไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันของคุณได้”

“ไม่ ได้โปรดมิสเตอร์ฉิน ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ ฉันรู้ดี ตอนนี้คุณกำลังต้องการคนใช่ไหม และฉันยินดีรับใช้!” กงเก๋อเสนอตัวเองทันที

เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว กงเก๋อยินดีที่จะเชื่อใจฉินเฟิง เดิมเขาต้องการทำงานกับคลิฟส์ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

กงเก๋อเป็นชายทะเยอทะยาน คลิฟส์จึงไม่กล้าร่วมมือด้วย เลเวล A สองคนร่วมมือกัน ผลลัพธ์ใช่ว่าจะเป็นหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองเสมอไป แต่มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่า หากได้ทรัพยากรมา คงต้องแบ่งกันครึ่งต่อครึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วคลิฟส์จะเห็นด้วยได้อย่างไร?

แต่ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถต่อสู้กับเลเวล S ได้ แม้กงเก๋อกับคลิฟส์จะอยู่ในกลุ่มเลเวล A ทั้งคู่ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

บุคคลเช่นนี้ แม้ไม่สามารถร่วมมือกันได้ แต่ยังสามารถหยิบยื่นความจงรักภักดีให้ได้!

ประกายแสงสว่างวาบเข้ามาในดวงตาของฉินเฟิง กงเก๋อผู้นี้ช่างทะเยอทะยานนัก แต่ฉินเฟิงไม่กลัวคนทะเยอทะยาน เพราะเขาสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ และสามารถขู่ให้อีกฝ่ายรู้ ว่าถ้าทรยศเขา จุดจบจะน่าเศร้าเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้น การมีเลเวล A ไว้คอยเฝ้ายาม เป็นสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการพอดี

“เห็นแก่ความน่าสงสารของคุณ ผมจะให้ที่พักพิงกับคุณชั่วคราว สำหรับกองกำลังมืดที่สังหารคนของคุณ นำทางเถอะ ผมจะไปแก้แค้นให้เอง!” ฉินเฟิงกล่าว

โดยไม่คำนึงว่ามนุษย์ผู้นี้มาจากมิติล่มสลาย ไม่คำนึงว่ามนุษย์ผู้นี้จะเป็นเชื้อสายเดียวกันกับตนหรือไม่ ฉินเฟิงยินดีช่วยเหลือเขา

หากคนเหล่านี้ตายเพราะหายนะก็แล้วกันไปเถอะ แต่ถ้าดันถูกสังหารเพื่อริดรอนทรัพย์สิน ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ฉินเฟิงรังเกียจการกระทำแบบนี้มาก

ฆาตกร มักไม่หยุดแค่การสังหารผู้คนเพียงคนเดียว

ฉะนั้นเพื่อที่จะหยุดวงจรอุบาทว์นี้ หนทางที่ดีที่สุดคือการสังหารฆาตกร!

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าฉินเฟิงกำลังคิดยกระดับโดยใช้ทักษะลับกลืนดาราพอดี ดังนั้นมีแต่จะต้องฆ่าเท่านั้น และหากเป้าหมายเป็นคนของกองกำลังมืด ฉินเฟิงจะไม่ลังเลเลย

“เอ๋? ไม่ ไม่ต้องแก้แค้นให้หรอก!” กงเก๋ออ่อนระทวย อีกฝ่ายมีถึงห้าคน สี่คนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ อีกหนึ่งเป็นผู้ใช้อบิลิตี้สายฟ้า หากไม่ใช่เพราะกงเก๋อวิ่งเร็ว เขาคงถูกฆ่าตายไปแล้ว

แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงกลับบอกให้ย้อนกลับเคาะประตูหน้าบ้านของพวกมันอย่างกะทันหัน?

แล้วทำไมกงเก๋อต้องทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นด้วย?

“คุณไม่เชื่อใจผมหรอ?” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คุณไม่มีแม้แต่ความไว้วางใจขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ แล้วยังมาพูดเรื่องภักดีต่อหน้าผมได้ยังไง?”

“มิสเตอร์ฉิน ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่คิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องออกไปเสี่ยง!”

“สำหรับคุณ มันคือความเสี่ยง แต่สำหรับผม มันคือการแก้แค้น!”

“รีบนำทาง!”

น้ำเสียงของฉินเฟิงกลายเป็นเข้มงวด ร่างกงเก๋อสั่นสะท้านไปชั่วขณะ หากยังฝืนโต้แย้งต่อไป สู้ยอมหักใจเหี้ยม นำฉินเฟิงไปดีกว่า

‘ไม่ใช่ว่าบิดาอยากให้แกตาย แต่เป็นแกรนหาเรื่องเอง ถึงเวลาอย่าตำหนิฉันก็แล้วกัน ทั้งๆที่กว่าจะหาที่พึ่งพิงได้เป็นเรื่องยากแท้ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะไปฆ่าตัวตายเอง! ฉินเฟิงไม่มีสมองแล้วหรือไร?’

กงเก๋อบนในใจ แต่คำเหล่านี้ เขาไม่มีทางกล้าพูดมันออกมา

ฉินเฟิงไม่ได้ขับเรือเหาะ บอกไป๋หลีให้รั้งอยู่ที่นี่ ส่วนตนเลือกขับยานรบ และให้กงเก๋อพาไปยังสถานที่ซึ่งกลุ่มองค์กรมืดตั้งฐานอยู่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด