ตอนที่ 54 ไรเดอร์เผ่าพาราดัว
[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 8
[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B - >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (Lv36)
◇◆◇
[ก็อบลิน] กิก้า
ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก
[ก็อบลิน] กิกูว
อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป
[ก็อบลิน] กิกิ
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน
[ก็อบลิน] กิโก
ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์
[ก็อบลิน] กิซาร์
ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา
[ก็อบลิน] กิจิ
ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า
[ก็อบลิน] กิโด
ดรูอิดผู้ใช้เวทย์ลม
[ก็อบลิน] กิจี
ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิกูว เขามีทักษะ <<ดวงตาที่เปิดกว้าง>> ซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
[ก็อบลิน] กิด้า
ก็ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิก้า เขามีทักษะที่โดดเด่นอย่าง <<ความรู้เกี่ยวกับหอก>> และ <<ดื้อรั้นอย่างไม่มีเหตุผล>>
[ก็อบลิน] กิซู
ก็อบลินแรร์ผู้ถูกเทพเจ้าผู้บ้าคลั่ง (ซู โอรุ) คุ้มครอง มีทักษะ<< Mad Dog >>
◇◆◇
ในค่ำคืนที่มืดมิดขณะที่ผมกำลังจะไปนอน ก็อบลินเผ่ากันระก็วิ่งมาหาผม
“ร-ราชา! ศัตรูมาแล้ว!” เขากล่าวด้วยความตื่นตระหนก
“นั่งลงก่อน” ผมตอบ
"แต่! "
ก็อบลินพยายามพูดต่อ แต่แรงกดดันของผมทำให้เขาไม่สามารถอดทนได้ เขาจึงนั่งต่อหน้าผม
เมื่อลมหายใจของเขาสงบลง ผมจึงถาม
“มีกี่คน? พวกเขามาจากไหน? ข้าคิดว่าข้าปล่อยให้กิซาร์รับผิดชอบ…”
“ช-ใช่ ศัตรูกำลังมาจากทิศตะวันตก เราไม่รู้ว่ามีกี่คน แต่พวกเขาคือไรเดอร์ของเผ่าพาราดัว!”
ทิศตะวันตกเหรอ?
“พวกเขามาเพื่อโจมตีเรา?”
“ม-ไม่ …พวกเขามารวมตัวกันที่เขตของหมู่บ้านและกำลังเฝ้าดูพวกเรา”
"ข้าเข้าใจแล้ว"
ก็อบลินพยายามจะพูดอีกครั้ง แต่ผมหยุดเขาไว้
“ข้าจะไปเอง”
แม้จะเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจอยู่ภายใต้เผ่าเกิร์ดการ์ และรอกำลังเสริมจากทิศทางอื่น แต่มันก็อาจเป็นไปได้เช่นกันที่จะเจรจากับก็อบลินเหล่านั้น
ผมควรหลีกเลี่ยงการส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปและสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น
เผ่ากันระรู้ว่าเผ่าเกิร์ดการ์จะโจมตีในอนาคต ดังนั้นพวกเขาจึงกังวล
“ห้ามต่อสู้จนกว่าข้าจะไปถึง แต่ถ้าพวกเขาโจมตีก่อนก็อย่าลังเลที่จะสู้กลับ เข้าใจมั้ย?”
“ข-ขอรับ”
เมื่อหางของผมกระทบกับพื้น ผมก็ลุกขึ้นยืน
หางของผมดูเหมือนจะอารมณ์ดี
ตอนนี้…ไรเดอร์ของเผ่าพาราดัว?
ในความมืดยามค่ำคืน ผมเดินไปหาพวกเขาอย่างช้าๆ
◆◇◆
ไม่เหมือนกับมนุษย์ ก็อบลินมีดวงตาที่ทำงานได้ดี ความมืดจึงไม่รบกวนพวกเรา
“โฮ่ ...”
เผ่ากันระได้สร้างกำแพงล้อมหมู่บ้านโดยใช้รั้วและรากไม้ที่งอกขึ้นตามธรรมชาติในบริเวณใกล้เคียง หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่บนต้นไม้ เราจึงสามารถมองลงไปที่ศัตรูได้จากด้านบน
ดังนั้นผมจึงยืนดูศัตรูที่อยู่ด้านล่าง ความจริงมันไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้น
“นี่คือไรเดอร์ของเผ่าพาราดัว” ผมพึมพำกับตัวเอง
การขี่อยู่บนหลังของมอนสเตอร์ ก็อบลินที่ถือบังเหียนของสัตว์อสูรไว้ในมือ
มอนสเตอร์ที่พวกเขาขี่มีลักษณะเหมือนกับเสือที่มีขนยาวครอบคลุมแม้กระทั่งปากและเท้าของพวกมัน แววตาที่เห็นชวนให้นึกถึงดวงตาของแมวที่ส่องสว่างในตอนกลางคืน
ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าก็อบลินถึงสามเท่า มันสามารถยืนอยู่เหนือเจ้านายของพวกมันได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาเรียงรายไปรอบ ๆ หมู่บ้านโดยปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา มันเป็นภาพที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้คนที่ท้อแท้อยู่ในความหวาดกลัว แม้สิ่งที่แผดเผาภายในใจผมจะเป็นความยินดี!
––– ไรเดอร์เหล่านี้เป็นของผม!
ความปรารถนาอันเร่าร้อนราวกับนักผจญภัยที่มองเห็นขุมทรัพย์
สิ่งที่เรียกว่าไรเดอร์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานได้
"จริงเหรอ!? ที่ไรเดอร์ของเผ่าพาราดัวโจมตีพวกเรา!?”
เสียงดังนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนาร์ซาที่ปีนกำแพงขึ้นมายังจุดที่ผมอยู่
“ยังไม่ใช่ตอนนี้” ผมตอบอย่างใจเย็น
“ทำไมเจ้าถึงทำตัวสบาย ๆ เช่นนี้!?” เธอบ่น “ถ้าเจ้าไม่โจมตีพวกมันจากระยะไกล เราจะโดนสัตว์อสูรของพวกมันโจมตี! แตกต่างจากเผ่าเกิร์ดการ์ พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว!”
ความวิตกกังวนสามารถมองเห็นได้จากสีหน้าของผู้คนในเผ่ากันระ เมื่อพวกเขาได้ยินการแลกเปลี่ยนระหว่างนาร์ซาและผม มันช่วยไม่ได้ เพราะพวกเขาเพิ่งถูกโจมตีไป เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“ข้ากำลังรอการกลับมาของกิจิ” ผมพูด
กิจิสามารถใช้ทักษะในการซ่อนตัว ผมจึงส่งเขาไปสำรวจพื้นที่รอบข้าง ไม่มีเหตุผลที่เราจะโจมตีในตอนนี้ แม้จะเป็นการเล่นตลก แต่ถ้าเราโจมตีศัตรูในตอนนี้จะทำให้กิจิตกอยู่ในอันตราย
นาร์ซาจับศีรษะของเธออย่างขมขื่น
“ถ้ามันกลายเป็นการต่อสู้แล้ว ข้าจะใช้กองกำลังของเผ่ากันระเอง เจ้าแค่รอจนถึงเวลานั้น”
“... ข้าเข้าใจ”
เมื่อนาร์ซาถอยไปอย่างไม่เต็มใจ ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าปวดหัว นี่คือสิ่งที่ผมต้องจัดการกับก็อบลินที่ผมไม่ได้ปกครอง
หรือผมควรจะจัดการกับเธอด้วยความเด็ดขาดกว่านี้
อืม…ไม่ว่ายังไง ผมจะต้องหาวิธีที่ดีกว่า
ไม่ช้าก็เร็วก็อบลินจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล คงจะดีที่สุดหากผมมีก็อบลินที่สามารถแยกแยะสถานการณ์ที่ติดตามผมได้ แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น สำหรับตอนนี้ทุกอย่างต้องตัดสินใจด้วยระบบลำดับความแข็งแกร่งไปก่อน
ความคิดเห็นของก็อบลินที่อ่อนแอกว่ายังไม่จำเป็น
…ตามที่คาดไว้ กิลมิน่าจะเป็นคนนำเผ่ากันระ แต่ปัญหาคือ ...
“ราชา ข้ากลับมาแล้ว”
เสียงของกิจิปลุกผมจากความคิด
“เป็นยังไงบ้าง?” ผมถาม
“มีก็อบลินเผ่าเกิร์ดการ์ประมาณ 30 ตัวอยู่ทางทิศใต้” เขาตอบ
"ข้าเข้าใจ"
ก็อบลินมีสายตาที่ดี แม้จะอยู่ในตอนกลางคืน
ดังนั้นแผนของพวกเขาคือให้เผ่าพาราดัวดึงดูดความสนใจ จากนั้นพวกเกิร์ดการ์ก็จะอ้อมไปโจมตีหมู่บ้านอีกทาง
“ไรเดอร์จากเผ่าพาราดัว!” ก็อบลินเผ่ากันระตะโกน
เมื่อมองไปตามทิศทางของเสียงนั้น ผมเห็นไรเดอร์หนึ่งคนที่เดินเข้ามาเจรจา
“นั่นคือ…ลอร์ดอลูฮาลิฮาล?”
นั่นเป็นคำพูดของเจ้าหญิงเผ่ากันระ
“ผู้ชายไร้ยางอายนั่นน่ะเหรอ?”
หากพวกเขาต้องการให้ผมเล่นเกม งั้นผมก็จะเล่นมัน
"ดี นาร์ซา ทำไมเราไม่ตอบแทนสิ่งที่พวกมันทำล่ะ/”
“เอ๊ะ? พวกเขาวางแผนที่จะโจมตีเราลับหลังเหรอ?”
“ใช่ แต่นั่นก็เป็นโอกาสที่จะสวนกลับเช่นกัน…ไปเรียกกิซาร์มา”
กิซาร์ได้ตัดสินใจเลือกก็อบลินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อพวกเขาเข้ามา ตรงกลางยังมีกิลมิจากเผ่ากันระ ผมจึงคาดหวังว่าพวกเขาจะเตรียมการได้ดีและรวดเร็ว
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ว่าต้องทำอะไร?”
กิซาร์พยักหน้า ราวกับบอกว่ารับทราบแล้ว
“เป้าหมายคือเผ่าเกิร์ดการ์ ไปจัดการพวกมันแล้วเผ่าพาราดัวน่าจะรู้สึกถึงภัยคุกคาม”
รอยยิ้มอันซุกซนปรากฏบนใบหน้าของกิซาร์และผมก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน
เมื่อฝูงชนมารวมตัวกัน ผมจึงสั่งก็อบลิน
“กิโก อะมัทสึกิ กิกูว เวอร์เบนา น่าเสียดาย แต่พวกเจ้าต้องไปกับข้า มันคงไม่เหมาะนัก หากข้าออกไปคนเดียว”
“รับทราบ”
“ตามที่ท่านต้องการ”
ก็อบลินผู้ได้รับการคุ้มครองจากเทพดาบพยักหน้า พร้อมกับก็อบลินซึ่งเป็นอดีตผู้นำของหมู่บ้าน
“เผ่ากันระอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันหมู่บ้าน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องโจมตี แต่อย่าทำอะไรที่ให้ศัตรูรู้ว่าเรามีก็อบลินไม่มากนัก”
ก็อบลินหน้าซีดเมื่อพวกเขาพยักหน้า ในขณะที่ผมพยักหน้ากลับและมองไปยังกิซาร์
“กิจินำทางไป ส่วนที่เหลือทำตามคำสั่งของกิซาร์”
ภายในป่าลึกลับ ที่หมู่บ้านเผ่ากันระ ม่านของการต่อสู้ครั้งที่สองถูกยกขึ้น
◆◇◇
ไปพร้อมกับกิกูว กิโกและนาร์ซา ผมเดินออกไปพบกับเผ่าพาราดัว
สถานที่เจรจาเกิดขึ้น ณ จุดกึ่งกลางระหว่างหมู่บ้านและกองทัพเผ่าพาราดัว
นี่เป็นสถานที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาจากนักธนูเผ่ากันระและความคล่องตัวของไรเดอร์
แม้ว่าเราจะเจรจากัน แต่เราก็ยังคงมีอาวุธ
ผมจับดาบใหญ่ (ไอเอิร์นเซคั่น) พาดลงบนไหล่ กิโกมีดาบโค้งสองอันที่เอวของเขา กิกูวมีดาบยาวอยู่ที่หลังและขวานอยู่ที่เอว ส่วนนาร์ซาก็นำธนูดาวตกของเธอมาด้วย
ผู้ออกมาพบกับเราคือตัวแทนของเผ่าพาราดัวที่ขี่สัตว์อสูรขนาดยักษ์
สัตว์อสูรคล้ายเสือตัวนี้ที่มีแถบสีเหลืองดำ ดวงตาทั้งสองข้างส่องประกายเมื่อแสงจากดวงจันทร์ตกกระทบ เมื่อกรงเล็บของมันเหยียบลงบนพื้นดินอย่างมั่นคง มันก็เปล่งออร่าที่เหมาะสมกับคำว่าราชาแห่งป่า แม้ว่าหนวดของมันจะซ่อนใบหน้าบางส่วนไว้ แต่ก็สามารถมองเห็นเขี้ยวอันใหญ่โตที่โผล่ออกมา
คนที่ขี่มันคือก็อบลินผิวสีฟ้า
เขาเป็นก็อบลินชั้นสูง ก็อบลินชนเผ่าอาจจะแตกต่างกับพวกเราไปบ้าง แต่ยังคงมีสีผิวที่เหมือนกัน
รอยย่นที่สามารถเห็นได้บนใบหน้าแสดงถึงความมีอายุ แม้แต่ผมที่ยื่นออกมาจากศีรษะไปถึงด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นสีขาว …ก็อบลินตัวนี้แก่แล้ว
เขาถือสายบังเหียนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือวางลงบนดาบที่เอว ด้วยปากของเขาที่วาดเป็นเส้นตรง มันให้ความรู้สึกถึงความหยิ่งทะนง
“เด็กมาก…” ก็อบลินชั้นสูงพึมพำ
เสียงของเขาทุ้มต่ำ มันดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน
“ลอร์ดอลูฮาลิฮาล เราไม่ได้พบกันเป็นเวลานานแล้ว” นาร์ซาทักทาย
ผมออกจากตำแหน่งของนาร์ซาและเฝ้าดูพวกเขาคุยกันอย่างเงียบ ๆ
“ราชา” กิกูวกระซิบข้างผม
มีผู้คุ้มกันสามคนใกล้กับก็อบลินที่ชื่อว่าอลูฮาลิฮาล
พวกเขาทุกคนขี่สัตว์อสูร การถอยไม่ใช่ทางเลือกของพวกเรา …มีทางเดียว
“ถ้าเช่นนั้น ไปปราบผู้คุ้มกันซะ” ผมพูด
กิกูวพยักหน้าอย่างเงียบๆ เขาถอยหลังไปเพื่อแจ้งคำสั่งของผมให้กับกิโก
“อะไรทำให้คุณมาที่นี่ ลอร์ดอลูฮาลิฮาล?”
อลูฮาลิฮาลขึ้นเสียงโดยไม่สนใจคำพูดของนาร์ซา
“หยุดการกระทำที่ไร้ประโยชน์นี่…” เขากล่าว
“ยอมแพ้ซะ ทำอย่างนั้นแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“เผ่าพาราดัวยอมจำนนต่อเผ่าเกิร์ดการแล้วเหรอ?” นาร์ซาถาม
สายตาวิงวอนของนาร์ซาพบกับสายตาดูถูกของอลูฮาลิฮาล มันเป็นเหมือนกับการเยาะเย้ยขณะที่เขาจ้องมองเธอ
“ฮึ่ม คนที่ขอความช่วยเหลือจากคนนอกเพื่อแทรกแซงปัญหาในชนเผ่า ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ข้า”
แสดงว่าเขายอมรับ
“เกิดอะไรขึ้นกับความภาคภูมิใจของเผ่าพาราดัวที่ท่านได้รับมาจากบรรพบุรุษ!?” นาร์ซาถาม
อลูฮาลิฮาลหัวเราะ
“ของพวกนั้น…เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ข้าทิ้งพวกมันไปแล้ว!” เขาตะคอกและส่งแรงกดดันเพิ่มขึ้น
เมื่อนาร์ซาพูดไม่ออก ผมก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ก็อบลินตัวนี้ต้องการสู้
อืม…อย่างน้อยความตั้งใจของเขาก็ชัดเจน ปัญหาเดียวคือผมจะละทิ้งนาร์ซาไปดีหรือไม่
นาร์ซาคือสาเหตุที่เผ่ากันระไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผมได้
ในฐานะกองทัพ มันไม่ใช่เรื่องดีที่มีเจตจำนงมากกว่าหนึ่งอย่าง
นั่นหมายความว่าผมควรจะทิ้งเธอไปใช่มั้ย ถ้าผมจะถามตัวเองว่าการกระทำนั้นถูกต้องหรือไม่ ... แต่มีคำตอบในใจผมที่ชัดเจนแล้ว
ผมคือราชา
ผู้ที่สูญเสียความภาคภูมิใจจะไม่ได้เป็นราชาอีกต่อไป แต่เป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่มีอำนาจ
ดังนั้นผมจะช่วยเธอ
อลูฮาลิฮาลเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าผม เมื่อเขาจ้องมองมา
“เด็กน้อย ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูด”
“คนที่สูญเสียความภาคภูมิใจของตัวเองไม่ใช่ราชา”
คำพูดนั้นทำให้เขากัดฟันของตัวเอง
มีระยะห่างระหว่างเราอยู่บ้าง แต่เสียงฟันที่เสียดสีกันดังมาถึงหูของผมอย่างชัดเจน
“ไอ้สารเลว!” อลิฮาลูฮาลตะโกน
เมื่อความกระหายเลือดปะทุมาจากผู้คุ้มกันทั้งสามที่อยู่ข้างหลัง พวกเขาคว้าอาวุธของตัวเอง
ในขณะเดียวกันนาร์ซาก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เนื่องจากความกระหายเลือดนั้นมากกว่าที่เธอจะรับไหว
กิกูวและกิโกก้าวมาข้างหน้า
ผมกวัดแกว่งดาบของตัวเอง
นิ้วก้อย ... นิ้วนาง... นิ้วกลาง ... เมื่อผมมั่นใจว่าพลังของตัวเองส่งผ่านไปยังดาบ ผมก็วัดระยะห่างระหว่างเรากับศัตรู
ความตึงเครียดเป็นเหมือนน้ำแข็งที่กำลงจะตกลงในบ่อน้ำ
พวกสัตว์อสูรได้รับผลกระทบจากความกระหายเลือดของผม พวกมันจึงร้องคำราม
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากที่ห่างไกล
อลูฮาลิฮาลอดไม่ได้ที่จะหันไปตามทิศทางของเสียง
“น่าเสียดายสำหรับแผนของเจ้า” ผมบอกเขา
"อะไรนะ? " อลิฮาลูฮาถาม ในขณะที่เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยความดุร้าย
“เจ้าวางแผนที่จะเรียกเรามาเจรจา ในขณะที่ส่งเผ่าเกิร์ดการ์เข้ายึดหมู่บ้านไม่ใช่เหรอ?”
อลูฮาลิฮาลหันมามองชั่วขณะเพื่อคิด
เสียงจากระยะไกลเริ่มใกล้เข้ามา
“…เรากำลังจะกลับ” อลูฮาลิฮาลกล่าว “การเจรจาล้มเหลว”
เขาดึงสายบังเหียนและจากไปพร้อมกับผู้คุ้มกัน
ผมเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาที่จากไป ผมจึงถามกิโก
“กิโก…เจ้าคิดยังไงบ้าง?”
ผมอยากได้ยินความคิดเห็นของกิโก ผมจึงถามเขา
“ถ้าท่านสั่งให้ข้าสู้ ข้าก็จะทำ แต่…”
" แต่อะไร? "
“เขาค่อนข้างแข็งแกร่ง” กิโก อะมัทสึกิยิ้มอย่างดุร้าย
“แล้วเจ้าล่ะ กิกูว?” ผมถาม.
“ด้วยผู้คุ้มกันทั้งสามนี้ เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าหนักใจอย่างแน่นอน…เขาน่าจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าเผ่าเกิร์ดการ์ซะอีก”
ความคิดส่วนใหญ่ของเราตรงกัน
ก็อบลินชราของเผ่าพาราดัว อลูฮาลิฮาล
ถึงเขาจะแก่ แต่เขาไม่ได้อ่อนแอ
“น่าสนใจ” ผมพึมพำ
มันจะน่าสนใจแค่ไหน…หากผมเพิ่มพวกเขาเข้ามาในกองทัพ แผนการสร้างอาณาจักรของผมก็จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
“เรากำลังจะกลับ นาร์ซา เจ้าเองก็เช่นกัน”
ผมเรียกนาร์ซาที่อยู่ในอาการมึนงง ก่อนจะเดินกลับไปที่หมู่บ้านเผ่ากันระ