ตอนที่แล้วตอนที่ 51 ป่าลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52.33 หนึ่งคนผู้เลือกหอก

ตอนที่ 52 สามอัศวินศักดิ์สิทธิ์


[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 8

[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B - >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (Lv36)

◇◆◇

[ก็อบลิน] กิก้า

ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก

[ก็อบลิน] กิกูว

อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป

[ก็อบลิน] กิกิ

เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน

[ก็อบลิน] กิโก

ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์

[ก็อบลิน] กิซาร์

ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา

[ก็อบลิน] กิจิ

ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า

[ก็อบลิน] กิโด

ดรูอิดผู้ใช้เวทย์ลม

[ก็อบลิน] กิจี

ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิกูว เขามีทักษะ <<ดวงตาที่เปิดกว้าง>> ซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

[ก็อบลิน] กิด้า

ก็ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิก้า เขามีทักษะที่โดดเด่นอย่าง <<ความรู้เกี่ยวกับหอก>> และ <<ดื้อรั้นอย่างไม่มีเหตุผล>>

[ก็อบลิน] กิซู

ก็อบลินแรร์ผู้ถูกเทพเจ้าผู้บ้าคลั่ง (ซู โอรุ) คุ้มครอง มีทักษะ<< Mad Dog >>

◇◆◇

กิลมิเป็นผู้นำทางผ่านป่าลึกลับ

“พวกเราถูกเรียกว่าก็อบลินแห่งจุดเริ่มต้น” นาร์ซาที่อยู่ข้างผมพูดอย่างเงียบ ๆ

ความเคร่งขรึมจากน้ำเสียงของเธอคล้ายกับมิโกะในสมัยโบราณ

“ว่ากันว่าพวกเราถือกำเนิดจากดินแดนแห่งความตาย จากนั้นเราก็เข้ามาสู่โลกใบนี้”

เธอกำลังพูดถึงอัลทีเซียหรือเปล่า?

“ดีทน่ามารดาผู้ล่วงลับ เป็นเทพธิดาผู้ให้กำเนิดพวกเรา”

มันทำให้ผมนึกถึงตำนานที่เรเชียพูด ในตำนานนั้นเหล่าเทพเจ้าปรารถนาให้ดีทน่ากลับมาจากดินแดนแห่งความตาย เพื่อช่วยโลกมนุษย์ แต่เธอทำเพียงแค่ ...กลับมาพร้อมกับความหายนะ

ดูเหมือนตำนานที่เรเชียพูดถึงจะถูกส่งต่อไปยังก็อบลินเช่นกัน

มันคือเรื่องบังเอิญเหรอ?

“แต่ดีทน่า เทพเจ้าของเราพ่ายแพ้ ผ่านการอาละวาดด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว เธอจึงพิชิตดินแดนของเราแล้วเธอก็ท้าทายโลกของมนุษย์อีกครั้ง”

ดังนั้นเหล่าคนเป็นและคนตายจึงกลับมาต่อสู้กันอีกครั้งใช่มั้ย?

“แต่เราแพ้อีกครั้งและเรากลับมายังดินแดนแห่งนี้ เธอทิ้งเราไว้และให้คำสั่งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะจะจากไป…ยึดป้อมปราการแห่งนรก ทำเช่นนั้นแล้วราชาแห่งก็อบลินจะถือกำเนิดขึ้น”

มีความหลงใหลอยู่ในคำพูดเหล่านั้น? มีอะไรอยู่ในความคิดของนาร์ซา?

“และเมื่อวันนั้นมาถึง พวกเราจะปะทะกับมนุษย์อีกครั้ง”

มันแตกต่างจากเรื่องราวที่กิลมิบอกมาเล็กน้อย

"และ? " ผมถาม

อารัมภบทนี้ยาวเกินไป ผมแค่อยากฟังบทสรุป

“ก็อบลินทั้งสี่เผ่าร่วมกันปกป้องสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเพื่อบุกป้อมปราการแห่งนรก พวกเราจึงต้องรวบรวมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ให้ครบและเดินผ่านประตูของดินแดนแห่งความตาย”

ผมได้ยินเสียงตะโกนจากข้างขวา ผมจึงปล่อยให้กิกูวออกไป

“สมบัตินั่น…คือเป้าหมายของพวกเขา” นาร์ซากล่าว

เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านซ้าย แต่มีต้นไม้บังสายตาของผม…ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อใจในตัวพวกเขา

“แต่ทำไมต้องตอนนี้” ผมถาม “สงครามมันเกิดขึ้นตั้งแต่ 400 ปีก่อนไม่ใช่เหรอ?”

“…เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะได้มาซึ่งราชาด้วยตัวเอง”

ความขมขื่นซึมเข้าสู่น้ำเสียงของนาร์ซา

แม้ว่าผมจะแทบไม่สามารถรอคำพูดต่อไปได้ แต่ก็อบลินแห่งเกิร์ดการ์ก็ปรากฏตัวขึ้น

“ได้มาซึ่งราชา?”

ไม่มีทาง เพราะราชาก็คือผม

“กิซาร์ ข้าจะฝากพวกมันไว้กับเจ้า” ผมสั่ง

“ไม่มีปัญหา” กิซาร์ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เขาพุ่งจากด้านข้างผมเพื่อต่อสู้ ตามไปด้วยกลุ่มก็อบลินผู้ถือครองเวทมนตร์

ภายใต้การนำของกิซาร์ ลมไร้สีโจมตีไปยังก็อบลินเผ่าเกิร์ดการ์

“หัวหน้าของเผ่าเกิร์ดการ์คือมิชกา ส่วนบุตรของเขาคือรัสกาผู้เป็นคู่หมั้นของฉัน”

ผมอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นได้

นาร์ซาเอาแต่ก้มหน้าลง โดยไม่ได้สงสัยว่าผมคิดอะไรอยู่

“ขับไล่พวกมันออกไปโดยเร็วและนำก็อบลินจากหมู่บ้านเผ่ากันระกลับคืนมา!” ผมสั่ง

ไม่ว่าจะเป็นสมบัติทั้งสี่หรือราชาที่พวกเขาปรารถนา ... ผมต้องการทุกอย่าง

ผมมองไปที่ก็อบลินภายใต้การปกครองของตน

“กิลมิ ไปค้นหาบริเวณโดยรอบ”

"ได้"

ยอดไม้เป็นที่อยู่ของก็อบลินเผ่ากันระ นาร์ซาดูเหมือนจะอดทนกับบางสิ่งบางอย่าง ขณะที่กำกำปั้นเล็ก ๆ ของเธอแน่นขึ้น

เธอมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์…?

ผมหรี่ตามองพฤติกรรมของเธอ

จากนั้นผมก็มองไปยังสนามรบที่เกิดขึ้น ผมได้ยินเสียงดังขึ้นหลายแห่ง

“ในตอนนี้ดูเหมือนเราจะบรรลุภารกิจแล้ว” ผมพึมพำ

กิลมิที่ค้นหาสภาพแวดล้อมจากบนต้นไม้ก็ลงมารายงาน

“ดูเหมือนว่าเผ่าเกิร์ดการ์ …จะถอนตัวไปแล้ว” เขากล่าว

ผมพยักหน้าให้กับความปั่นป่วนของก็อบลินเผ่ากันระ

“ไปหาอาหารและเฝ้าระวัง…เท่านี้ก็น่าจะพอใช่ไหม” ผมพูดด้วยสายตาที่เฉียบคมขณะสั่งการ

นาร์ซาดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานการจ้องมองของผมได้ เธอจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

◆◇◆

ถ้าบรรยากาศแบบนี้ต้องเรียกด้วยคำพูดที่ว่า "ฟุ่มเฟือย" จึงจะเหมาะที่สุด

หินอ่อนขัดเงาที่ปูพรมสีแดงทอดยาวไปยังบัลลังก์

มีผ้าทอที่ถักโดยช่างตัดผ้าที่มีฝีมือมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพาดผ่านผนัง โคมระย้าที่ประดับด้วยอัญมณีทำให้สถานที่นั้นสว่างไสวด้วยเวทมนตร์ห้อยลงมาจากเพดานและกระจกสีสันสวยงามคล้ายกับโบสถ์ทางตะวันตกติดกับหน้าต่าง ทำให้แสงผ่านเข้ามาเพื่อให้เข้ากับชายที่อยู่ในห้อง

นี่เป็นห้องบัลลังก์ที่ราชาใช้พบแขกของเขา คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นเป็นชายชราแห่งประเทศเพื่อนบ้านที่รู้จักในฐานะราชาผู้สง่าผ่าเผย

แอชทัล โด เจลเมียน เขาเป็นเจ้าของอาณาจักรทางด้านตะวันตกของทวีป ซึ่งมีพรมแดนทอดยาวจากป่าทมิฬไปทางทิศใต้

ทั้งสองข้างของพรมแดงคือเสาหลักของประเทศนี้ มีทั้งขุนนาง ข้าราชการ ทหารและพ่อค้า พวกเขายืนอยู่ที่นั่นเหมือนกำแพงที่ไม่สั่นเทา

“อัศวินศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว”

ทันใดนั้นภายใต้บรรยากาศอันตึงเครียด

ราชามองไปที่ประตูเบื้องหน้าขณะที่มันเปิดออก จากนั้นก็มีชายสามคนซึ่งสวมชุดเกราะเดินเข้ามา

คนหนึ่งเคยเป็นชายวัยกลางคน ด้วยใบหน้าที่ดูซับซ้อน แผ่นหลังตรงและผมสีเงินเกือบจะขาว ทำให้เขามีภาพลักษณ์คล้ายกับพ่อบ้าน อย่างไรก็ตามมีความคมชัดที่อยู่ภายใต้ดวงตาขณะที่ลูบหนวด การปรากฏตัวของเขาก็ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไป

อีกคนเป็นชายหนุ่ม สายตาหยิ่งผยองของเขามองไปทั้งซ้ายและขวา ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นราวกับหินผาและสวมชุดเกราะ ขากรรไกรของเขาคล้ายจะสามารถบดขยี้ได้แม้แต่เหล็กไหลและในดวงตาสีฟ้าอันดุร้ายที่สามารถมองเห็นความทะเยอทะยานที่ลุกโชน แม้แต่ผมที่ตัดสั้นของเขาก็ดูเหมือนจะหันชี้ขึ้นไปบนสวรรค์

คนสุดท้ายเป็นชายผมยาวสวมชุดเกราะสีแดง ความงามของผมสีทองทำให้เขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสตรี ร่างกายผอมเพรียวของเขามีผิวสีขาวนวลราวกับว่าไม่เคยสัมผัสกับแสงใดมาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนผู้หญิง แต่มีรอยยิ้มอันเหน็บแนมที่ริมฝีปากขณะหรี่ตามองลงไปที่ผู้คนโดยรอบ

“โกเวน เรนิด กัลแลนด์ ริฟนินและยีน มาร์ลอน มาตามรับสั่งของท่านแล้ว”

เมื่อชายวัยกลางคนคุกเข่าต่อหน้าพระราชา ชายอีกสองคนก็ทำตาม

ราชายกแขนที่เหมือนกับต้นไม้ที่ตายแล้วขึ้น เป็นสัญญาณให้พวกเขาผ่อนคลาย

“ราชา ทรงต้องการอะไรจากพวกข้า”

อัศวินศักดิ์สิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชอาณาจักร สำหรับสามในเจ็ดคนที่ถูกเรียกตัวมานั้น ...พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด

จากทางใต้ไปทางตะวันตกเฉียงใต้คือป่าทมิฬ ทางตอนเหนือเป็นเทือกเขาเทพเจ้าหิมะอิกดราซิล ทางตะวันออกคืออาณาจักรชูชูนูอันศักดิ์สิทธิ์และทางตะวันออกเฉียงใต้คือเมืองพันธมิตรของขุนนาง สำหรับประเทศนี้ที่รายล้อมสิ่งของที่มีค่า ผู้ที่ได้รับรางวัลและไปยังจุดสูงสุดของความแข็งแกร่งคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด

“มีคำขอมาจากคริสตจักรตะวันตก” ราชาตรัส

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโกเวนซึ่งยังคงคุกเข่าอยู่ก็เข้าใจรายละเอียดงานของตนทันที

“ไปตามหานักบุญ” พระราชาตรัสด้วยน้ำเสียงต่ำ

ทั้งสามคนต่างยอมรับผ่านการแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขา

“พาเธอกลับมาโดยยังมีชีวิต ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม” ราชารับสั่ง

“ตามที่ท่านต้องการ!” อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตอบ

ด้วยความพอใจ พระราชาจึงให้พวกเขาจากไป

“เรเชีย ฟิล ซีลนักบุญแห่งซีโนเบียใช่มั้ย…ข้าสงสัยว่าผู้คนจากคริสตจักรคิดอะไรอยู่?”

นี่เป็นความลับ แต่จริง ๆ แล้วหอคอยงาช้างกำลังกดดันอาณาจักรนี้อยู่

หอคอยงาช้างเต็มไปด้วยนักเวทย์และข้าราชการชั้นยอด แม้ว่าอาณาจักรแห่งนี้จะมีผู้คนที่โดดเด่นอยู่มากมาย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเยาะเย้ยความแข็งแกร่งของหอคอยงาช้าง

แต่ตอนนี้หอคอยงาช้างและโบสถ์ตะวันตกกำลังร้องขอให้ค้นหาเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว

หากเธอยังมีชีวิตอยู่ จงตามหาและพาเธอกลับมา

มีเปลวไฟลุกโชนในดวงตาที่จมลงไปแล้วของแอชทัล

◆◇◇

“ข้าสงสัยว่าตาแก่นั่นกำลังวางแผนอะไรอยู่?” ยีนถามขณะที่เล่นกับผมยาวของเขา

หลังจากออกจากที่ประทับของราชา เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะควบคุมคำพูดที่ก้าวร้าว ขณะที่เขามอบรอยยิ้มเหน็บแนมบนริมฝีปาก

“เจ้าไม่สนใจจริง ๆ ใช่มั้ย? ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เราจะเริ่มต้นด้วยการมองหาเหยื่อยังไงดี เป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้มีความสุขในการออกล่า” ชายที่รู้จักกันในนามกัลแลนด์หัวเราะอย่างดุร้าย

ในฐานะอัศวินที่มีรูปร่างสูงใหญ่โตซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามอัศวินพายุ ไม่มีใครเหนือกว่าเขาเมื่อต้องเจอกับทักษะดาบอันยอดเยี่ยม

“ท่านคิดว่ายังไงบ้างล่ะ?” ยีนถามด้วยรอยยิ้มให้ต่ออัศวินรุ่นเก่าที่เดินอยู่ข้างหน้า

โกเวนผู้ที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาอัศวินศักดิ์สิทธิ์และเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

“…เห็นได้ชัดว่าหอคอยงาช้างและศาสนจักรกดดันให้ทำแบบนี้” โกเวนกล่าวขณะที่มองไปที่อัศวินทั้งสองข้างหลัง

เขาไม่ได้มองด้วยสายตาที่เงียบงัน แต่โกเวนมองพวกเขาด้วยสายตาที่อาจจะกล่าวได้ว่าเย็นชา มันเป็นสายตาที่เยือกเย็นคล้ายกับการมองลงไปที่บางสิ่งบางอย่างที่ไร้ค่า

รอยยิ้มของยีนกระตุก

“ตามที่คาดไว้จากอัศวินผู้แข็งแกร่ง แววตาของท่านน่าทึ่งมาก ในความเป็นจริงการจ้องมองของท่านไม่ได้ให้รู้สึกของมนุษย์อีกต่อไป” ยีนกล่าวและมองไปที่โกเวนด้วยสายตาเยาะเย้ย

หากมองเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นได้ว่ามือซ้ายของโกเวนนั้นเป็นแขนโลหะ

เมื่อโกเวนหยุดเดิน ยีนก็หยุดเดินเช่นกันและเขาถอยห่างออกไป

“เจ้าอยากจะลองไหมล่ะ? ฟิไฟร์ของข้ามันเร็วมาก เจ้ารู้ไหม?” ยีนกล่าวขณะเอามือวางลงบนดาบเล่มบาง ๆ ที่ข้างเอว

การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปตามธรรมชาติและไม่มีช่องว่างใด ๆ เขาพร้อมเสมอสำหรับสิ่งที่จะโจมตีมา

“เราควรหยุดซะ ไม่มีประโยชน์ใดในการต่อสู้กันเองและแม้ว่ากัลแลนด์กำลังจ้องมองเจ้าอย่างขบขันก็ตาม” โกเวนกล่าวโดยไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขณะมองไปยังชายร่างสูงใหญ่

“ท่านว่าอะไรกัน หากเป็นที่นี่ ข้าคิดว่าคงไม่สามารถฆ่าใครได้” กัลแลนด์หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ต่ำขณะที่ยีนยักไหล่

“เจ้าเล่นละครไม่เก่งเลย” ยีนกล่าว

เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น โกเวนก็เริ่มเดินอีกครั้ง ยีนและกัลแลนด์ชำเลืองมองกัน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินต่อ

การต่อสู้ที่นี่มีแต่จะนำมาซึ่งอันตราย

หากพวกเขาจะต่อสู้กัน พวกเขาต้องสู้ในที่ที่ตัดสินแพ้ชนะได้เท่านั้น ทั้งคู่ตระหนักดีว่านี่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ฉลาดที่สุด

“เจ้าหญิงผู้ถูกจองจำ เรเชีย ฟิล ซีลใช่มั้ย? ในระหว่างนี้ทำไมเราไม่ไปช่วยเธอล่ะ”

เมื่อยีนพูดเบา ๆ อีกสองคนก็พยักหน้าอย่างคลุมเครือ

◆◇◇◆◆◇◇◆

หมายเหตุผู้แต่ง:

ผมเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อยและใส่เรื่องราวจากอาณาจักรมนุษย์

พวกเขาเป็นคนดีใช่มั้ย?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด