ตอนที่ 38 คืนก่อนสงคราม
[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 61
[คลาส] ดยุค , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <<สั่งการ>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์เลี้ยง] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 1) ซินเธีย (เลเวล 1)
[สถานะผิดปกติ] <<เสน่ห์ของนักบุญ >>
◇◆◇
[ก็อบลิน] กิก้า
ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก
[ก็อบลิน] กิกูว
อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป
[ก็อบลิน] กิกิ
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน
[ก็อบลิน] กิโก
ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์
[ก็อบลิน] กิซาร์
ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา
[ก็อบลิน] กิจิ
ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า
◇◆◇
4 วันผ่านไปก่อนที่หน่วยสอดแนมของกิกูวจะกลับมา
เมื่อผมออกไปพบเขา ผมก็ตกใจ
รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป เขามีผิวสีฟ้าเข้มและเขาที่ม้วนงอ รวมถึงขนาดร่างกายที่ใหญ่โตกว่าเดิม
เมื่อผมเช็กหน้าต่างสถานะ ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าตอนนี้เขากลายเป็นก็อบลินชั้นสูง
[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 1
[คลาส] ชั้นสูง,รองหัวหน้า
[ทักษะ] <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ C+>> <<มือขวาของราชา>> <<ร่วมมือ>><<ขว้างปา>> <> << Farseeing Eye>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] ไม่มี
[แอตทริบิวต์] ไม่มี
<<มือขวาของราชา>> เมื่อต่อสู้ภายใต้คำสั่งของผู้นำกลุ่ม ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพิ่มขึ้น 10% ความว่องไวเพิ่มขึ้น 10%
<<ร่วมมือ>> การโจมตีประสานกันเป็นไปได้มากขึ้นจากก็อบลินที่มีระดับเดียวกันหรือต่ำกว่า
<> สามารถใช้อาวุธระยะประชิดได้เชี่ยวชาญถึงระดับ C + โดยไม่คำนึงถึงประเภท
<>โอกาสในการสอดแนมเพิ่มขึ้น โอกาสในการติดตามศัตรูได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
กิกูวเป็นอดีตหัวหน้ากลุ่ม ความแข็งแกร่งที่แสดงในค่าสถานะของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงทักษะ <<การร่วมมือ>> ที่ค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับการทำงานเป็นทีม แต่ <<มือขวาของราชา>> ผมสงสัยว่ามันจะทำงานได้ดี หากผมสั่งการแล้วเราแยกทางกัน สุดท้ายทักษะ <> ผมสงสัยว่าเขาเรียนรู้ทักษะนี้จากการที่ผมใช้เขาสอดแนม
ผมจะต้องทดสอบมันภายหลัง
“ข้ากลับมาแล้ว” กิซาร์กล่าวขณะคุกเข่า เขามีบาดแผลซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของภารกิจ
“บอกมาว่าเจ้าเจออะไร?”
ผมหยุดการฝึกก็อบลินแล้วส่งต่อให้กิก้าเพื่อสอบถาม
ขณะเดียวกันผมก็เรียกก็อบลินให้ไปเอาอาหารมาให้ พวกเขาจึงก้มหัวลงอย่างเงียบ ๆ
“ข้าจะเล่าถึงสิ่งที่เจอมา เราได้ยืนยันจำนวนออร์คแล้ว พวกมันมีมากกว่า 80 ตัวและกำลังเดินทางมาที่นี่”
80!?
นี่คือที่มาของความรู้สึกแย่ ๆ
หัวใจของผมหวั่นไหว แต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาในขณะที่ผมพูด
“นานแค่ไหนกว่าที่พวกมันจะมาถึง?”
“ไม่เกินสองวัน”
ขณะที่พยักหน้าให้กับกิกูว ผมก็กอดอก
---- มันเร็วเกินไป! นี่ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเลย
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะรอเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร
“เส้นทางของพวกมันล่ะ?”
“มาจากทางตะวันตกของเรา”
ออร์ค 80 ตัว?
ผมตกอยู่ในห้วงของความคิดเมื่อมองไปขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
การขังตัวเองไว้ในหมู่บ้านเป็นความคิดที่ผิดตั้งแต่แรก
นอกจากนี้กับดักยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เราทำเสร็จเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าออร์คจะโจมตีจากด้านหน้า แต่พวกมันคงไม่โดนกับดักทั้งหมด
“ตอนนี้ข้าเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว พวกเจ้าทำงานได้ยอดเยี่ยม”
ผมขังความรู้สึกไว้ในใจไว้ลึก ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากที่ผมอนุญาตให้ก็อบลินกลับไปพักผ่อน ผมออกไปช่วยทำกับดัก
จริง ๆ ก็อบลินมีความเชี่ยวชาญในการขุดหลุม พวกเราขุดรูที่เต็มไปด้วยไผ่และหอกไม้ มันมีความลึกมากกว่าความสูงของออร์ค จริง ๆ แล้วผมต้องสร้างทางน้ำด้วย แต่เสียดายที่เรามีเวลาไม่มากพอ
ผมสั่งให้มนุษย์ทำรั้วล้อมไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน โดยไม่รู้ว่าภายในสองวันพวกเขาทำได้มากแค่ไหน
ออร์คมีจำนวนมากเกินไป ถ้าสู้โดยตรงเราจะแพ้ทันที
ไม่มีทางอื่น …เราต้องโจมตีก่อน
และต้องหาทรัพยากรสำหรับการก่อสร้าง ต้นไม้ในบริเวณโดยรอบจึงถูกตัดให้เรามองรอบ ๆ ได้ดีขึ้น
เสียดายที่เราไม่มีธนู ถ้ามีอาวุธที่โจมตีจากระยะไกล มันจะดีกว่านี้
วิธีที่ดีที่สุดคือการสกัดกั้นออร์คจากในป่า เราจะชะลอความเร็วของพวกมันโดยการโจมตีจากด้านหลัง ใช้เวทมนตร์ของดรูอิดและทักษะการขว้างปา จากนั้นก็จะรับมือพวกออร์คที่เหลือในระยะประชิด
เมื่อผมคิดกลยุทธ์ซ้ำไปมาเพื่อตรวจสอบช่องโหว่
ผมต้องเลือกอย่างรอบคอบว่าจะให้ใครเป็นทีมสกัดกั้น รวมถึงตำแหน่งและเตรียมเส้นทางหลบหนีในกรณีเลวร้ายที่สุด
ด้วยความจริงที่ว่าเราไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้
ผมมุ่งหน้าไปหากิก้าเพื่อตรวจสอบความคืบหน้า
การฝึกจำเป็นต้องหยุดลง เรายังงานอื่นต้องทำอีกมาก
◆◇◆
หนึ่งวันผ่านไปหลังจากผมได้รับรายงาน ตอนนี้ผมสั่งให้กิกูวนำทางเพื่อยืนยันเส้นทางของออร์คโดยมีผู้ติดตามคือกิก้าและกิโก
ในระหว่างนั้นผมทิ้งงานที่เหลือให้กับกิซาร์ ให้กิกิและกิจิไปตรวจสอบข้างหน้า
ไม่ใช่ว่าผมกำลังสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา แต่เพื่อทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
แน่นอนว่าผมสั่งให้พวกเขากลับมาทันทีโดยไม่สู้ มันควรจะเป็นไปได้ หากเขาใช้ความสามารถในการดมกลิ่นจากสัตว์เลี้ยงของกิกิ
ผมเดินตามทางที่กิกูวบอก แต่สิ่งที่เราเจอคือป่าราบเรียบที่ไม่มีอะไรผิดปกติ
ตอนนี้เราควรจะรอออร์คที่ไหนดีกับสถานการณ์ระดับนี้ …ดูเหมือนเทพีแห่งปัญญาจะไม่ยิ้มให้กับผม
จากการประมาณ จำนวนออร์คที่เราจัดการได้คือ 30 ตัว ดังนั้นเราจะต้องลดจำนวนออร์คจาก 80 ให้เหลือ 30 ตัวด้วยการใช้กับดัก
หากพวกออร์คเข้ามาในหมู่บ้านของเราได้นั่นคือเป็นจุดจบ แม้ว่าเราจะไม่ถูกทำลายล้าง แต่ความฝันของผมคงสิ้นสุดลงในเวลานั้น
ภาพแห่งความคิดที่เชียและมนุษย์คนอื่น ๆ ถูกเหยียบย่ำโดยฝูงออร์คปรากฏขึ้น
ยิ่งถ้าหากราชาออร์คมีสติปัญญาแล้วส่งออร์คมาจากทิศทางอื่นแทน สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้
เราจึงมีทางเลือกเดียว นั่นคือการซุ่มโจมตีพวกเขา
จริง ๆ แล้วสิ่งนี้ไม่สามารถเรียกว่าแผนได้ด้วยซ้ำ ผมได้แต่หวังว่าพวกออร์คจะมาจากทิศตะวันตก
“เอาล่ะเราจะวางกับดักรอบ ๆ บริเวณนี้ แล้วเราจะส่งคน –––”
"ราชา! "
ขณะที่ผมกำลังจะสั่งกิกูวและคนอื่น ๆ วางกับดัก ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง
เป็นกิกิที่ขี่ดับเบิ้ลเฮดวิ่งมาหาพวกเราด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
“พวกออร์คเปลี่ยนเส้นทาง!” เขาพูด “พวกมันกำลังมาจากทางเหนือ!”
บ้าเอ๊ย! มันเกิดขึ้นจริง ๆ!
“รีบกลับไปที่หมู่บ้าน! เร็วเข้า!”
กับดักกระจุกตัวไปอยู่ในทิศตะวันตก เรามีเวลาเพียงพอในการตั้งกับดักทางเหนือมั้ย?
การตั้งกับดักเพื่อจัดการกับออร์ค 80 ตัวในหนึ่งวัน?
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
ถ้ามันเป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างผมและออร์ค ผมมั่นใจว่าสามารถเอาชนะพวกมันได้ แต่การต่อสู้ที่ต้องปกป้องคนในหมู่บ้านนั้น…!
เชี่ย ทำไมต้องทิศเหนือ!?
พวกมันไม่เพียงแต่เปลี่ยนทิศ แต่พวกมันยังมาในทางที่โล่งที่สุด ต้องเป็นคำสั่งของราชาออร์คแน่ ๆ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้โง่ โอกาสที่กับดักจะประสบความสำเร็จยิ่งลดน้อยลงไปอีก
ทิศเหนือของหมู่บ้านเป็นที่ที่ผมสั่งกิซาร์เคลียร์เส้นทางเพื่อให้เราล่าได้ง่ายขึ้น แต่มันกลับส่งผลกลับมาที่เราอย่างไม่คาดคิด
คิดสิ! จะต้องมีสักทาง!
บางอย่างที่สามารถหยุดพวกมันได้!
.
.
.
.
สำหรับมนุษย์ ผมให้พวกเขาซ่อมรั้ว แล้วสำหรับพวกก็อบลิน ผมก็ให้พวกเขาขุดหลุม …แต่นั่นคือทั้งหมด
เราจะชนะได้ยังไง?
หัวใจของผมเริ่มร้อนรนในขณะที่ความคิดตีกัน ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากคร่ำครวญต่อความไร้พลังของตัวเอง
ใครจะคิดล่ะว่าการแบกรับชีวิตใครสักคน จะหนักหนาขนาดนี้
ผมแพ้ไม่ได้!
แต่ถึงแม้ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ ในท้ายที่สุดของค่ำคืนนี้ก็กำลังจะผ่านไปโดยที่ผมคิดอะไรไม่ออก
◆◇◆
ดวงจันทร์สองดวงสว่างบนท้องฟ้าเมื่อผมมองขึ้นไป ผมอยู่หน้าหมู่บ้านนั่งคิดไตร่ตรองกับตัวเองเงียบ ๆ
“นอนไม่หลับเหรอคะ?”
แสงจันทร์ส่องลงบนใบหน้าของเธอ เผยให้เห็นความงามที่ไม่มีใครเทียบ
มันเป็นเวลากลางคืน แต่ดวงตาของผมสามารถมองเห็นได้ราวกับเป็นเวลากลางวัน ผมเห็นการแสดงออกที่ไร้ความรู้สึกเช่นเคย แต่คราวนี้มันก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ใช่” ผมมองไปยังท้องฟ้ายามเย็นอีกครั้ง
“คุณดูแปลกไปนะ” เรเชียพูด เธอเดินผ่านไปพลางเหลือบมองใบหน้าของผม
“ข้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่” ผมตอบอย่างห้วน ๆ
บางทีผมอาจจะกลัวสงครามที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ เส้นทางสู่ชัยชนะที่ยังเลือนราง
ถ้าผมแพ้จะสูญเสียทุกสิ่ง
“ฉันเข้าใจค่ะ…” เรเชียพึมพำ หลังจากนั้นครู่หนึ่งราวกับว่าเธอคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้ง
“ฉันนั่งด้วยได้ไหมคะ?” เธอถามและนั่งข้างผม “เราน่าจะคุยกันสักหน่อย”
“ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ” ผมตอบกลับ
เหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน น้ำเสียงอันนุ่มนวลของเธอทำให้คำพูดแต่ละคำดังก้องอยู่ในใจ
“…ในอดีตมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งถูกเรียกว่าอสูรจันทรา” เธอกล่าว
ผมสงสัยว่าเธอเคยซ้อมบทพูดมาก่อนหรือเปล่า ผมไม่เคยได้ยินคำพูดติดขัดออกจากปากเธอเลยสักครั้ง คำแต่ละคำมันชัดเจนและคล่องแคล่ว
“สัตว์ร้ายตัวนั้นถูกเกลียดชังโดยมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อยู่ข้างพวกเขา” เธอกล่าว
นิทานที่เธอพูดถึงคือสัตว์ร้ายที่มีหัวใจของมนุษย์
แม้ว่ามันจะมีหัวใจของมนุษย์ แต่หนังของมันก็มีเข็มที่แหลมคมจนทำร้ายมิตรและศัตรูได้เช่นกัน
ยิ่งสัตว์ร้ายพยายามอยู่ใกล้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับสหายของมันมากเท่านั้น มันเป็นเรื่องราวแบบนั้น
“แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีเด็กผู้หญิงแสดงความโปรดปรานต่อสัตว์ร้ายตัวนั้น” เรเชียกล่าว
ผลลัพธ์ที่ได้คือโศกนาฏกรรม
ในโลกของผมมีเรื่องราวที่คล้ายกัน
“แต่แน่นอนว่าอสูรจันทราก็ทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ทำให้มันเสียใจมาก”
เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ผมอยากถามว่าเธอต้องการบอกอะไรผม
“ตอนนั้นเองที่เด็กผู้หญิงนึกถึงอะไรบางอย่าง”
อะไร?
“ทำไม่เอาเข็มทั้งหมดออกไปล่ะ”
หือ!?
ผมประหลาดใจกับเรื่องดังกล่าวจนย้ายสายตาจากดวงจันทร์ไปที่เรเชีย
“ดังนั้นเด็กสาวและอสูรจันทราจึงไม่ทำร้ายกันอีก พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขตลอดไป” เรเชียกล่าวสรุปเรื่องราวของเธอ
“…เป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่ดีนี่” ผมแสดงความคิดเห็น
เธอเปลี่ยนตอนจบเอาเองใช่มั้ย
"และข้อคิดของเรื่องนี้คือ?” ผมถาม
"ใครจะรู้ล่ะ? " เธอยิ้ม
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยสายตาสงสัย
“ช่วยไม่ได้ ฉันเพิ่งเขียนตอนจบขึ้นมาใหม่” เธอสารภาพ
อย่างที่คาด
“แต่ …ข้าชอบตอนจบนี้ แม้จะเรื่องราวของโศกนาฏกรรม แต่ในตอนท้ายทุกคนก็มีความสุข”
นั่นคือความฝันของเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้จักโลกของความเป็นจริง หรือเป็นเพราะเป็นอย่างนี้เธอจึงได้เป็นนักบุญ
“บางที” ผมตอบ
“ถ้าคุณเข้าใจขนาดนั้น ฉันคิดว่ามันก็เพียงพอแล้ว” เรเชียกล่าวและกลับไปพักผ่อน
“...”
ผมยิ้มเล็กน้อยและมองขึ้นไปยังดวงจันทร์
เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามให้กำลังใจผม
ผมคิดว่าสิ่งที่เธอพยายามพูดคือ: ถ้าผลลัพธ์มันชัดเจนแล้ว ทำไมคุณไม่พยายามเปลี่ยนแปลงมันล่ะ อะไรประมาณนั้น
“ความกังวลปรากฏบนใบหน้าข้าหรือ?”
ผมจับใบหน้าของตัวเองเพื่อตรวจสอบ
แต่อย่างน้อย …หัวใจผมก็สงบลง
การมีพรรคพวก ...มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เปลวไฟแห่งการต่อสู้ที่ผมลืมไปสักพัก ตอนนี้กำลังลุกโชนอีกครั้ง
ผมมองขึ้นไปยังดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและขอบคุณเรเชีย
แล้วผมก็คิดบางอย่างได้
“…เอาจริงเหรอ”
นี่ ... บางทีเราอาจจะมีโอกาสชนะ
ถึงจะใช้เวลานาน แต่เทพีแห่งปัญญาก็ยิ้มให้ผมแล้ว