ตอนที่ 34 โซ่ตรวน
[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 60
[คลาส] ดยุค , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <<สั่งการ>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์เลี้ยง] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) เกรย์วูล์ฟ (เลเวล 1) x2
[สถานะผิดปกติ] <<เสน่ห์ของนักบุญ >>
◇◆◇
[ก็อบลิน] กิก้า
ก็อบลินที่อาศัยอยู่กับผู้นำคนก่อนและพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก
[ก็อบลิน] กิกูว
อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาด เมื่อเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป
[ก็อบลิน] กิกิ
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถของเขาค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน
[ก็อบลิน] กิโก
ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์
[ก็อบลิน] กิซาร์
ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลมที่เพิ่งเข้ากลุ่ม
◇◆◇
พื้นฐานของการจัดการนักโทษคือการมัดพวกเขาไว้โดยไม่ฆ่า
เมื่อผมกลับไปที่หมู่บ้านพร้อมกับมนุษย์ พวกก็อบลินจึงออกมาต้อนรับพวกเรา
“ลิลลี่” ผมเรียกเธอ
“เจ้าต้องจัดการกับมนุษย์ที่เจ้าพามาด้วย” ผมพูด
“คุณหมายถึงจะให้พวกเขาสร้างที่อยู่เอง?” เธอถาม
“แน่นอน ข้าไม่มีที่อยู่เพียงพอ มันคงไม่มีทางเลือกนอกจากการสร้างพวกมันเพิ่มขึ้น”
“นี่คงใช้เวลาพอสมควร …แล้วระหว่างนั้น พวกเขาจะอยู่ที่ไหนล่ะ?”
สภาพที่เหนื่อยล้าของลิลลี่เป็นไปตามความต้องการของผม
“ระหว่างนั้นเจ้าสามารถพาพวกเขาไปอยู่คุกที่เหลือได้ ส่วนจะแบ่งยังไง เจ้าต้องตัดสินใจเอง”
"เข้าใจแล้ว ฉันจะทำมัน!!! "
ดี
ด้วยวิธีนี้ผมจะล่ามโซ่กับเธอ
โซ่ตรวนจากชีวิตของมนุษย์ที่เธอเสี่ยงชีวิตช่วยของพวกเขาไว้ นั่นเป็นเหตุผลเธอต้องดูแลพวกเขา
ลูกเกรย์วูล์ฟทั้งสองตัววิ่งมาหาผม คนที่เดินถัดมาคือเรเชีย
เมื่อเห็นเธอ รอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าเป็นความทุกข์หรือความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม
◇◆◇
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เราจึงตั้งกองไฟสำหรับงานเลี้ยง
“ทำไมท่านถึงพาพวกมนุษย์เข้ามา?”
พวกก็อบลินรอบกองไฟกำลังกินเนื้อร่วมกับผม แต่คนที่ถามคำถามนี้คือกิซาร์
“พวกเขามีประโยชน์” ผมตอบขณะเคี้ยวเนื้อ
กิซาร์ยังคงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ข้าไม่เข้าใจ พวกโคโบลอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ท่านจะใช้มนุษย์ยังไง?”
“ความรู้ของพวกเขาเป็นสิ่งที่เราต้องการ”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี” กิซาร์ตอบ “แต่มันก็อาจจะสร้างปัญหาบางอย่าง?”
ในจำนวนของมนุษย์ครึ่งหนึ่งที่พามา มีทั้งเด็กและผู้หญิง ส่วนที่เหลือเป็นเกษตรกรและนักดาบ
“เพราะพวกเขาไม่สามารถสัมผัสผู้หญิงได้?” ผมถาม
กิซาร์ผงกศีรษะ ผมจึงหันไปมองเขาด้วยสายตาที่เลือดเย็น
“หากใครฝ่าฝืน ข้าจะลงโทษอย่างเหมาะสม”
“…อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้น ข้าแค่ถามว่าท่านจะทำอะไรต่อไป? มันไม่ง่ายเลยที่จะลดความไม่พอใจของพวกก็อบลิน”กิซาร์บ่น
ผู้หญิงเหรอ?
“เมื่อคิดดูแล้วข้าไม่เคยถาม”
"อะไร? "
ตอนนี้ใบหน้าของผมอาจจะยิ้ม แต่จริง ๆ แล้วหัวใจของผมอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ ผมยังไม่ลืมความรู้สึกนั้น ความรู้สึกเมื่อดาบจ่ออยู่ที่คอของมนุษย์ผู้หญิง มันเป็นความรู้สึกถึงที่ผมไม่มีวันลืม
“พวกก็อบลินมีความต้องการมากแค่ไหน?” ผมถาม
“…เอาล่ะ” กิซาร์ตอบอย่างลังเล
ผมยัดแก้มด้วยเนื้อขณะสนุกกับการแสดงออกของกิซาร์
การโอบกอดตัวเมียของเผ่าอื่น ๆ เป็นเหมือนยาเสพติดสำหรับพวกก็อบลิน ความสุขที่เป็นพิษจนอาจทำให้พวกเขาเสียสติได้
เหตุผลเดียวที่พวกเขายังไม่ได้ถูกครอบงำโดยความบ้าคลั่งนี้เป็นเพราะทักษะ <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> และ <<จิตวิญญาณของราชัน >> ที่ผมมี
“ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว ...”
“แต่พวกก็อบลินของท่านกลับดูผิดปกติ” เขาพูดขณะที่ยักไหล่
“นี่เป็นนักรบที่ข้าฝึกฝนด้วยตัวเอง” ผมตอบติดตลก
“ข้าควรบอกให้ท่านรู้ …ปัญหานี้ข้าก็เคยพบเจอเช่นกัน” กิซาร์พึมพำก่อนจะจากไป
แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ
แล้วจะทำยังไง?
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ ...ถึงแม้ตอนนี้มันจะยังไม่เป็นปัญหา
แต่มันจะเป็นอุปสรรคในภายหลังเมื่อปกครองมนุษย์มากขึ้น ผมต้องหาทางออกที่แตกต่างสำหรับความต้องการของก็อบลิน ทางออกที่สามารถผูกขาดความต้องการของพวกเขาได้
อืม …ทางออกใช่มั้ย
ฝึกให้พวกเขารับมือกับมัน?
การฝึกที่หนักจนชนิดที่ว่า พวกเขาจะไม่มีเวลาเหลือสำหรับความต้องการอื่นอีก
◇◇◆
ในวันถัดไปผมเตรียมการฝึกรูปแบบใหม่สำหรับทุกคน
ผมพาก็อบลินห้ากลุ่มทำการฝึกซ้อมต่อไปนี้สลับกัน การแกว่งดาบ การแทงหอก การฝึกขว้างสิ่งของและการฝึกประสานงาน
คู่ซ้อมของก็อบลินส่วนใหญ่คือผม เราไม่สามารถพึ่งพาการรักษาของเรเชียได้เพราะเธอยังยุ่งอยู่กับพวกมนุษย์ที่พามา
ผมให้ก็อบลินที่ใช้ดาบเน้นการโจมตีไปที่เท้าของศัตรู ส่วนพวกก็อบลินที่ฝึกหอก พวกเขาต้องฝึกซ้อมเมื่อเจอศัตรูในระยะประชิด ส่วนการฝึกขว้างสิ่งของเป็นหน้าที่ของกิก้า ผมให้พวกเขาโยนหอกไม้ไปที่เป้าหมายซ้ำ ๆ
ส่วนการฝึกกลุ่มสามคนนั้นเราทำอยู่แล้ว
ผมไม่มีความคิดที่จะประนีประนอม
ถ้าพวกเขาว่าง พวกเขาต้องฝึก พวกเขาจะได้พักแค่ตอนที่เราออกล่า
ผมโจมตีก็อบลินที่เข้ามา เตะ ต่อยจนกว่าพวกเขาจะลุกไม่ขึ้น สำหรับพวกก็อบลินที่พยายามหลบหนี ผมลากคอพวกมันกลับเข้ามาในการฝึกอีกครั้ง ผมจัดการกับก็อบลิน 20 ตัวในทุก ๆ วัน
แต่เมื่อเทียบกับความไม่พอใจของพวกก็อบลิน นี่ยังถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า
มันไม่ได้เป็นแค่ความเจ็บปวดสำหรับก็อบลิน แน่นอนว่าผมเตรียมรางวัลบางอย่างสำหรับผู้ที่ทำได้ดีเช่นกัน ผมจะปล่อยให้พวกเขานอนกับก็อบลินตัวเมียหรือกินเนื้อดี ๆ
ต่อมาผมได้ยินจากกิซาร์ในวันที่ห้า ว่าพวกก็อบลินเรียกการฝึกนี้ว่า "วันแห่งความตาย"
เป็นเรื่องจริงที่ความกลัวเป็นส่วนสำคัญในการฝึกของผม แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะเป็นเรื่องดี
ท้ายที่สุดผมก็สามารถปลูกฝังความกลัวให้กับก็อบลินขณะที่ฝึกฝนพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาไม่สามารถลุกได้อีกต่อไป ผมจึงเลือกที่จะออกไปล่า
◆◆◇
10 วันผ่านไป พวกก็อบลินเริ่มคุ้นเคยกับการฝึก จำนวนก็อบลินที่หลบหนีลดลงและพวกเขาส่วนใหญ่สามารถโจมตีผมได้บ้าง
การฝึกก้าวหน้าไปเร็วกว่าที่คาดไว้
เมื่อไปดูที่อยู่อาศัยของพวกมนุษย์ พวกเขาก็ค่อนข้างทำได้ดี
มีบางคนที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้าง ผมอาจจะสามารถใช้พวกเขาได้
ลิลลี่ยังสั่งให้พวกเขาซ่อมแซมรั้วรอบหมู่บ้าน
จากคำบอกเล่าของลิลลี่ หมู่บ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้เพราะสงครามทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ลี้ภัย
“นี่ใช่มั้ยที่คุณต้องการ” ลิลลี่ถาม
"ใช่ ข้าต้องการสร้างข้อตกลงบางอย่าง”
ผมปล่อยเหยื่อล่อต่อหน้ามนุษย์ตั้งแต่ 10 วันที่แล้ว มันเป็นเวลาที่เราเริ่มใช้ชีวิตร่วมกัน แม้จะมีคนที่ยังต่อต้านอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าผมไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายพวกเขา ความจริงแล้วพวกเขายังหวาดกลัว แต่พวกเราก็เริ่มพูดคุยกันได้บ้าง
คำพูดของผมทำให้พวกมนุษย์มองหน้ากัน
“ท่านหมายถึงอะไร?” ชายสูงอายุคนหนึ่งถาม
“อีกไม่นานพวกข้าจะออกจากหมู่บ้านนี้แล้วเดินทางไปยังทิศตะวันตก ข้าอยากจะสร้างข้อตกลงบางอย่างกับพวกเจ้า”
“แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการ ข้าสามารถทิ้งก็อบลินไว้บางส่วนเพื่อปกป้องหมู่บ้าน”
เพราะพื้นที่นี้เป็นเป้าหมายได้ง่ายสำหรับป่าทมิฬ
“ความพยายามของชินอสดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนแล้ว” ผมกล่าวต่อ
สิ่งที่ชินอสทำมาตลอด ตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เรามีมันฝรั่งที่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวในต้นปีหน้า
“ดินที่นี่ไม่เลวเลย” ชินอสพยักหน้า
ผมจึงพยักหน้าตอบกลับ
มนุษย์เริ่มส่งเสียงดังอีกครั้ง แต่คราวนี้มีเสียงแห่งความสุขปะปนอยู่ท่ามกลางความโกลาหล
แน่นอนผมมีเหตุผลที่จะบอกทุกสิ่งกับมนุษย์ที่อยู่ที่นี่
แต่ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้ด้วยความตั้งใจจริง
เหตุผลแรกคือการสร้างพื้นที่อยู่อาศัย
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกก็อบลินจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ถึงมันจะใช้เวลาประมาณ 20 วันจากก็อบลินเด็กจะไปสู่ก็อบลินโตเต็มวัย โดยมีก็อบลินตัวเมียสามารถให้กำเนิดได้เรื่อย ๆ
แต่พวกเธอก็ไม่สามารถให้กำเนิดโดยไม่หยุดพัก พวกเธอต้องฟื้นฟูอย่างน้อยห้าวันก่อนจะตั้งครรภ์กับก็อบลินตัวต่อไป
ตอนนี้มีก็อบลินตัวเมียเพียง 20 ตัว
เนื่องจากการจัดกลุ่มก็อบลิน ความอุดมสมบูรณ์ของอาหารและผลจากการฝึก ตอนนี้พวกก็อบลินแทบจะไม่ตายเลยเมื่อออกล่า ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีเด็กส่วนใหญ่ที่จะเจริญเติบโตขึ้นในอนาคต
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจำนวนของก็อบลินจะเพิ่มมากขึ้น เราจึงต้องการบ้านเพิ่ม
ผมไม่มีตัวเลือกอื่น
ผมไม่สามารถแยกกลุ่มได้ด้วยปัญหาเรื่องผู้นำ หากพวกเขาไม่มีความซื่อสัตย์ พวกเขาอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต (ซึ่งที่จริงแล้วกิซาร์สามารถทำได้ แต่เขาปฏิเสธ แผนนี้จึงถูกพับไป)
สำหรับการขยายที่อยู่ มันอาจจะดึงดูดความสนใจต่อมนุษย์มากเกินไป ในเมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันคงไม่แปลกหากพวกเขาจะโจมตี
สำหรับตัวเลือกที่สาม พวกเราต้องเดินทางไปที่ป้อมปราการแห่งนรก แต่ในตอนนี้มีปัญหาเรื่องออร์คในทิศตะวันตกที่เรายังไม่ได้จัดการ
ทั้งหมดนี้ทำให้ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการประนีประนอม
ดินแดนที่นี่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัย มีพื้นที่สำหรับล่าเหยื่อและพื้นที่โดยรอบเป็นทะเลสาบ
อันตรายอย่างเดียวคือภัยคุกคามจากตะวันตก
แต่ทิศตะวันตกก็เป็นแหล่งกำเนิดของก็อบลิน ท้ายที่สุดเราก็จะต้องไปที่นั่นเช่นกัน
เมื่อผมเข้ายึดป้อมปราการแห่งนรก ผมหวังว่าจะใช้ที่นี่เป็นที่อยู่หลักในโลกมนุษย์ แต่แผนนี้จะไปได้หรือไม่ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างน้อยที่สุด ผมต้องการกำลังคนเพื่อปักหลักอยู่ที่นี่
หากผมสามารถใช้มนุษย์ได้ ผมจะสามารถขยายพื้นที่ที่ควบคุมได้
“ยังมีเวลาเหลืออยู่ พวกเจ้าก็ลองไปคิดดู”
เมื่อผมทิ้งข้อเสนอไว้กับมนุษย์และหันหลังกลับ
◆◆◇
พูดถึงสิ่งที่ผมลืมบอก ผมให้เรเชียเปลี่ยนชื่อของลูกเกรย์วูล์ฟ
แนวหน้าของพระเจ้านั้นมากเกินไป
พวกมันเป็นเพียงลูกหมาป่าเท่านั้น
หลังการถกเถียงกันอย่างดุเดือด พวกเราตัดสินตั้งชื่อพวกมันว่าซินเธียและกัสต้า
ผมไม่รู้ว่าทำไม ในตอนสุดท้ายกิซาร์และก็อบลินอาวุโสเข้าร่วมการอภิปรายด้วยเช่นกัน
ลูกเกรย์วูล์ฟสองนั่งอยู่บนตักขณะที่ผมเถียงกับเรเชีย ผมจึงใช้โอกาสนี้ดูค่าสถานะของพวกมัน
[เผ่าพันธุ์] เกรย์วูล์ฟ (กัสต้า)
[เลเวล] 1
[คลาส] เด็ก
[ทักษะ] <> <<พุ่งชน>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] ไม่มี
[แอตทริบิวต์] ไม่มี
[เผ่าพันธุ์] เกรย์วูล์ฟ (ซินเธีย)
[เลเวล] 1
[คลาส] เด็ก
[ทักษะ] <<พุ่งชน>><<คำราม>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] ไม่มี
[แอตทริบิวต์] ไม่มี
พวกมันอาจจะยังเล็ก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนักล่าที่กล้าหาญในวันนั้น
◇◇◆◆◇◇◆◆
เลเวลได้เพิ่มขึ้น
60 → 61