ตอนที่ 152 ไนเรลปรากฏตัว
ตอนที่ 152 ไนเรลปรากฏตัว
เสียงระเบิดดังสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ผืนป่าและซากตึกฝั่งตรงข้ามเมืองซานติเกียโดนถล่มราบเป็นหน้ากลอง บริเวณที่ยังมีสภาพดีอยู่มีแค่บริเวณก่อนข้ามสะพานจุดที่ซึ่งกองกำลังทหารไทกีล่ายึดครองอยู่
เอวาลุกขึ้นด้วยความยากลำบากพลางกระอักเลือดออกมาไม่หยุด สายตาที่ยังคงพยายามประคองสติมองไปที่กระเป๋าข้างเอวของตนเอง เธอล้วงมือไปหยิบโลหิตแห่งชีวิตขวดสุดท้ายออกมาดื่มไปอย่างยากลำบาก
หลังจากที่ดื่มมันลงไปแล้ว เอวาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่น้อยลง ตามมาด้วยความคันจากการที่บาดแผลสร้างเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่ ทันใดนั้นเธอก็กระอักเลือดสีดำที่คลั่งอยู่ในร่างกายออกมา
หลังจากที่ไอออกมาจนหมดก็ทำให้หายใจได้คล่องมากขึ้น ผู้พิทักษ์สมาพันธ์ที่ออกมาจากด้านหลังโล่ก็มาช่วยเธอพอดี เอวาลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่ฟื้นฟูเกือบ 80 % แล้ว เธอล้วงหยิบแก่นพลังงานกลื่นลงท้องจากนั้นก็สั่งให้พวกเขาช่วยคนเจ็บด้านหลัง
ในตอนนั้นก็มีข่าวจากคนที่กลับมาพร้อมกับนิเรียที่หาทางอ้อมและข้ามเส้นทางแม่น้ำ ๆ มาได้ เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบนำข่าวมาบอกทุกคน เอวาที่ได้ยินว่าคนที่มาช่วยเธอก็คือนิเรีย และตอนนี้ไนเรลได้ไปตามกองกำลังทั้งหมดกลับมาด้วยตัวเอง
นั้นหมายความว่าอีกไม่นานไนเรลก็มาถึงแล้ว
เธอดูจะโล่งใจ แต่ก็อดเป็นห่วงนิเรียไม่ได้ เพราะเธอต้องสู้กับชายลึกลับระดับสีน้ำเงินคนเดียว
แต่ในตอนนั้นเอง ด้านในเมืองซานติเกียก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ดูเหมือนจะมีคนแฝงตัวเข้ามาที่เมืองซานติเกียมาสักพักแล้ว โดยเข้ามาพร้อมกับผู้อพยพ แม่จะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ถ้ามีจำนวนมาก ๆ เข้าก็สามารถสร้างความเสียหายได้จำนวนมาก โดยเป้าหมายของพวกมันก็คือห้องวิจัยและสกัดยายกระดับของชารอน
เอวาจึงได้สั่งให้กองกำลังผู้พิทักษ์ส่วนหนึ่งไปจัดการคนที่ก่อความวุ่นวาย แต่ผ่านไปสักพักเธอก็ได้รับรายงานว่าคนที่บุกเข้าไปที่ห้องวิจัยและสกัดยาของชารอนได้ถูกจัดการหมดแล้ว ซึ่งกลุ่มที่จัดการก็คือกลุ่มโนเนท เธอจึงจำได้ว่านี้คือกลุ่มที่ไนเรลสร้างขึ้นมา จึงพยักหน้าและให้ทุกคนเตรียมหาทางข้ามสะพานที่ขาด เพราะต้องไปช่วยนิเรีย
ทางด้านของนิเรียตอนนี้เธอกำลังเคลื่อนที่ไม่หยุด โดยรอบ ๆ ตัวกำลังระเบิดอยู่ตลอดเวลา มีบางครั้งที่เธอยิงปืนสไนเปอร์เรียวกันระบบรางคู่ส่วนกลับไป เพื่อทำลายกระสุนน้ำของบอน
นิเรียอาศัยความสามารถของตัวเองคำนวณทุกอย่างที่เห็นได้ด้วยความสามารถ [ดวงตาเทพ S] อย่างแม่นยำ เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ จนถึงขนาดคาดการได้ว่าตรงไนเรลจะปลอดภัย
ด้านของฟรินทันคิดว่าเรื่องมันชักจะยืดเยื้อเกินไปแล้ว จึงสั่งให้โอบล้อมนิเรียไว้ จากนั้นก็ระดมยิ่ง โดยมีเพียงคำสั่งง่าย ๆ คือถ้าจับเป็นไม่ได้ก็จับตาย
อีกทั้งยังมีเฮลิคอปเตอร์อีก 4 ลำที่เข้ามาร่วมวงด้วยทำให้ตอนนี้นิเรียต้องรับมือทั้งบอน มนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงิน ทหาร ทั้งปืนใหญ่พลังงาน และเฮลิคอปเตอร์ ด้วยกองกำลังระดับนี้สามารถรุมฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงนิเรียที่กระสุนปืนเหลือน้อยไปทุกที
นิเรียยิงเข้าที่กลางหน้าอกของทหารนายหนึ่งจนตัวขาดครึ่งร่าง ร้องครวญคราง หลังจากนั้นเธอก็กวาดสายตาหันทิศทางปากกระบอกปืนหาบอน บอนกำลังวิ่งมาทางเธอห่างไปประมาณหนึ่งพันเมตร
นิเรียจึงอาศัยจังหวะนั้นยิงไปสี่นัดที่ช่องโหว่ของบอน กระสุนบอลน้ำรับการโจมตีได้เพียงสามนัด และมีอีกหนึ่งนัดเข้าถึงตัวบอนได้สำเร็จ ด้วยความซวยหรือความแม่นของนิเรียก็ไม่รู้กระสุนเข้าไปที่แผลเดิม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่บาดเจ็บธรรมดา แต่แขนของบอนขาดออกจากกัน ขาดออกมาง่าย ๆ โดยที่ตัวของเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน พร้อมกันนั้นร่างของบอนก็ลอยไปตามแรงของกระสุนไกลกว่าสิบเมตร
“สำเร็จ” นิเรียพูดออกมาด้วยความดีใจ แต่ก็ไม่นานเพราะในตอนนั้นเองที่มีก็มีปืนใหญ่พลังงานจากเฮลิคอปเตอร์ทั้งสี่ลำยิงเข้ามาที่จุดนิเรียยืนอยู่ หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมหลุมลึกสิบเมตร
ทุกคนต่างมองดูผลลับว่าสามารถจัดการเด็กสาวได้หรือไม่
“หลบไป”
อีกทางด้านหนึ่งนั้น บอนที่บาดเจ็บจนแขนขาดก็ได้มีทหารเข้ามาช่วยเขา แต่ด้วยความโกรธบอนจึงผลักคนที่มาช่วยเขาออกไป และลุกขึ้นโดยที่มือจังจับแขนที่ขาด ซึ่งเลือดก็ไหลออกมาไม่หยุดนั้นยิงทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมากแต่ก็ยิงทำให้เขาโมโหมากขึ้นไปอีก
“มันยังไม่ตาย” บอนหันไปพูดกับฟรินทันด้วยระยะแค่นี้เขาสามรถสัมผัสได้ถึงนิเรีย ชายลึกลับที่อยู่ข้าง ๆ อีกคนก็พยักหน้ายืนยันด้วยเช่นกัน
และในตอนนั้นเองนิเรียก็พาตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกมาจากกองดินใกล้ ๆ ด้านข้างยังมีเจคอบที่หายใจด้วยความเหนื่อยล้มลงหมดสติ
“เดี๋ยว เธอคือนิเรียใช่ไหม หลานสาวของเนโคยอมให้จับตัวซะดี ๆ แล้วฉันจะยังไว้ชีวิตเธอ แต่ถ้าไม่เธอฉันจะฆ่าเธอ พี่ชายของเธอ และทุกคนในเมืองข้อหากบฏขายชาติ” ฟรินทันพูดออกมา มันยังคงไม่ลืมเป้าหมายหลักในการมาที่นี่ของตัวเอง ในเมื่อเด็กสาวตระกูลอาโรเดียอยู่ที่นี่มันก็ไม่ต้องลำบากเข้าไปที่เมืองซานติเกียอีกแล้ว
“ใครกันแน่!!! ที่เป็นกบฏขายชาติ!!!” ในตอนนั้นเองเสียงที่ทรงพลังก็ดังขึ้นมาจากไกล ๆ พร้อมกับชายคนหนึ่งที่บินมาด้วยความเร็วสูงมาหยุดอยู่หน้าของนิเรีย
“ไม่เป็นอะไรนะ”
“ค่ะพี่” นิเรียพูดออกมาด้วยความเหนื่อยและเจ็บที่ดวงตาเล็กน้อย
และคนที่นิเรียเรียกว่าพี่ก็มีแค่คนเดียวนั้นก็คือ ไนเรล ไนเรลยืนมือไปจับแขนของเธอที่เต็มไปด้วยรอยแผลไหม ใบหน้าของไนเรลเต็มไปด้วยความโกรธ
บรรยากาศรอบ ๆ หนาวเย็นขึ้นมาทันที แม้ว่ามันจะหนาวจากฝนที่ตกลงมาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
ในตอนนั้นเสียงของฟรินทันก็ดังขึ้นมา “นายคือไนเรลใช่ไหม ยอมแพ้ซะและตามฉันกลับไปที่เมืองหลวงไทกีล่า ตอนนี้ตระกูลอาโรเดียถูกตั้งข้อหากบฏต่อประเทศแล้ว”
ฟรินทันยังคงพูดและกล่าวหาไนเรีลและตระกูลอาโรเดียต่อ แต่ไนเรลกลับไม่สนใจฟังที่ฟรินทันพูดเลยแม้แต่น้อย
“กลับไปที่เมืองกันก่อน” ไนเรลพูดเสร็จ ตัวของนิเรียและเจคอบก็หายไปในเงา จากนั้นอยู่ ๆ ร่างพลังจิตของไนเรลก็พุ่งออกจากตัวของเขาทะลุผ่านกองทหารและฟรินทันไป
แม้แต่บอนและชายลึกลับอีกคนก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน แต่ไนเรลไม่ได้โจมตีพวกเขา หลังร่างพลังจิต จากความสามารถ [พลังจิตเคลื่อนย้าย A] ก็มาหยุดอยู่ที่หน้ากำแพงที่พังถล่มในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ตัวของไนเรลก็หายไปและยืนอยู่ในจุดที่ร่างพลังจิตของเขาเคยยืนอยู่
ไนเรลให้นิเรียและเจคอบออกมา เขาก็หันไปพูดกับเอวาที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ขอโทษที”
“อืม” เอวาพยักตอบจากนั้นก็เดินกลับไปในเมืองซานติเกีย ตอนนี้เธอสามารถปล่อยให้ตรงนี้เป็นหน้าที่ของไนเรลได้แล้ว ส่วนเธอต้องไปจัดการความวุ่นวายภายในเมืองซานติเกีย
นิเรียเองก็นั่งพังด้านข้างมีเจคอบที่พึ่งฟื้นตัว
“พี่สู้มันไหวไหม ให้หนูไปด้วยไหม”
ที่นิเรียหมายถึงแน่นอนว่าคือ มนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงิน แต่ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นสองคน บอนสัมผัสถึงนิเรียได้ แล้วทำไมนิเรียจะสัมผัสไม่ถึงชายลึกลับระดับสีน้ำเงินอีกคน
บางที่นี่คงเป็นแผนการที่เตรียมมาเพื่อรับมือไนเรลโดยเฉพาะ แต่นิเรียได้ต่อสู้กับหนึ่งในนั้นไปก่อน และรู้ว่าการฆ่าระดับสีน้ำเงินนั้นยากมากถึงเธอจะมั่นใจในพี่ชายเธอ แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“สบายมาก” ไนเรลตอบแบบยิ้ม ๆ
นิเรียเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ในเมื่อพี่ชายเธอบอกว่าสบายมากอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกนี้ไม่มีทางสู้พี่ชายของเธอได้อย่างแน่นอน เพราะถึงเรื่องเรียนพี่ชายเธอจะไม่เอาไหน แต่เรื่องต่อย ๆ ตีพี่ชายเธอเก่งมาก
พอคิดเรื่องนี้นิเรียก็คิดไปถึงตอนเด็ก ๆ ที่ปู่ชอบบังคับพี่ชายฝึกต่อสู้ตอนเด็ก ๆ ที่ริมทะเลสาบที่คฤหาสน์ตระกูลอยู่ ๆ บ่อย ๆ
ไนเรลไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้น้องสาวของเขากำลังคิดถึงเรื่องในวัยเด็กตอนที่เขาถูกปู่ซ้อมอยู่ เพราะเขากำลังยืนอยู่อีกฝั่งพร้อมกับที่ปืนใหญ่พลังงานที่เหลืออยู่ทุกกระบอกปืนจ่อมาที่เขา ยังมีกองทหารและสองมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินอยู่ตรงหน้าเขาด้วยเช่นกัน
“ใครคือคนสั่งการภารกิจในครั้งนี้” ไนเรลถามออกมา
ฟรินทันเดินออกมาหนึ่งก้าว มองไปที่ไนเรล แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้แสดงท่าทีเหนือกว่าเพราะในแววตายังคงมีความกลัวอยู่เล็กน้อย จากความสามารถในการเคลื่อนที่ของไนเรลเมื่อสักครู่
“นายคือไนเรล? คงได้ยินแล้วใช่ไหมว่าตอนนี้รัฐบาลประกาศจับนายและคนในตระกูลแล้วดังนั้นยอมแพ้ซะ ทางรัฐบาลยังคงให้นายต่อสู่ในชั้นศาลได้อย่างยุติธรรมอย่างแน่นอน” ฟรินทันกล่าวพร้อมกับอ้างชื่อรัฐบาลไทกีล่าไปด้วย เพราะแม้โลกจะกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว แต่รัฐบาลไทกีล่าก็ยังคงมีอำนาจอยู่ มันไม่เชื่อว่าไนเรลจะต่อต้านคนทั้งประเทศ
แต่เพราะโลกเป็นแบบนี้ไปแล้วไนเรลจึงด่ามันว่า “ปัญญาอ่อน บอกมาใครคือคนสั่งให้กองทัพมาจับกลุ่มพวกเรา ใครกันที่อยู่เบื่องหลังยึดอำนาจรัฐบาล ตอนนี้นายกรัฐมลตรีอยู่ที่ไหน”
ถึงไนเรลจะมั่นใจว่าเป็นพวกจีนาส แต่เขาก็ยังอยากรู้จากปากคนพวกนี้ เพราะมันต้องมีคนของไทกีล่าช่วยจากภายในไม่เช่นนั้นจีนาสไม่มีทางยึดอำนาจได้สำเร็จอย่างแน่นอน
มันจะต้องมีหุ่นเชิดที่เป็นคนไทกีล่าอยู่ แต่อะไรที่ทำให้คนพวกนี้ทรยศชาติของตัวเองได้กัน แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือตอนนี้
“บัดซบ ไนเรล แกเป็นแค่นักโทษกล้าใส่ร้ายรัฐบาลได้ยังไง จัดการมันซะสังหารไนเรลหนึ่งในกบฏคนนี้ซะ” ฟรินทันพูดด้วยความโมโห เรื่องนี้มันไม่เข้าใจว่าไนเรลรู้ได้อย่างไร แม้แต่ตัวของฟรินทันก็รู้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น และจะให้คนนอกรู้ไม่ได้ว่ารัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลแล้ว จะต้องนำปัญหาใหญ่มาอย่างไม่ต้องสงสัย คนไทกีล่าจะต้องลุกขึ้นสู้กับจีนาสที่อยู่ในเมืองหลวงไทกีล่าอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ไนเรลพูดกลับทำให้ทหารคนอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจ จริงอยู่ที่พวกทหารและหน่วยดาบและโล่ออกมาจากเมืองหลวงกะพริบไทกีล่า แต่พวกมันก็ไม่รู้อะไรมากนัก
“ใครที่ไม่อยากตายถอนตัวออกไปซะ” ไนเรลบอกกับทุกคนในที่นี้ เพราะแม้เขาจะฆ่าคนตาไม่กะพริบ แต่ทหารของกองทัพต่างออกไป เขาจึงให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง
“ลงมือ” ฟรินทันโบกมือสั่งการให้ทุกคนจัดการไนเรลซะ
กองกำลังทหารทั้งหมดก็ลงมือเช่นกัน โดยไม่สนคำเตือนของไนเรล
ตูม!!! เสียงปืนใหญ่พลังงานทุกกระบอกยิงใส่ไนเรลทันที บอนเองที่รู้สึกหงุดหงิดกับการที่ต้องฟังฟรินทันและไนเรลพูดกันอยู่แล้วก็ไม่ออมมือใช้ยิงกระสุนน้ำที่มีพลังมากกว่าปืนใหญ่พลังงานซะอีกระเบิดตรงจุดที่ไนเรลยืนอยู่จนไม่เหลือซากเป็นหลุมลึก
แต่ต่อให้ยิงจนเป็นหลุมลึกมากกว่านี้ก็ไม่มีทางทำอะไรไนเรลได้อย่างแน่นอน เพราะไนเรลถอยห่างออกมาเกือบ 1 กิโลเมตรแล้ว
แต่แล้วในตอนนั้นหนึ่งในชายลึกลับมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินอีกคนก็ลงมือ ร่างกายที่เหมือนจะเต็มไปด้วยพละกำลังวิ่งเข้าหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงจะเร็วก็ยังคงช้าอยู่ดีสำหรับไนเรล แต่ดูเหมือนชายลึกลับจะรู้อยู่แล้ว จึงยกมือสองข้างขึ้นขนาดกับตัวพร้อมตบเข้าหากัน
และในฉับพลันนั้นเองพื้นดินรอบ ๆ ไนเรลก็สั่นไหวแยกตัวออกมาเป็นผืนดินสองแผ่นกระแทกเข้าหากันตามมือของชายลึกลับคนนั้น
ไนเรลที่เห็นก็หรี่ตามอง แต่ไม่ได้ตกใจอะไรเขากำหมัดแน่นอัดด้วยพลังทั้งหมดต่อยไปที่พื้นดินด้านซ้ายมือจนแตกกระจายและถอยห่างออกมาก่อนที่ดินอีกแผ่นจะกระแทกจุดที่เขายืนก่อนหน้านี้
“อารอน”