ตอนที่ 15 พลังใหม่
[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 10
[คลาส] ดยุค , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <<สั่งการ>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<การเชื่อมต่อจิตวิญญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
◇◆◇
สายลมพัดอย่างอ่อนโยนราวกับผมถูกโอบกอด
ภาพที่สะท้อนจากทะเลสาบ ไม่มีอะไรนอกจากก็อบลินผิวสีน้ำตาล ความสูงเท่าของผมตอนนี้เท่ากับมนุษย์ผู้ใหญ่ มีรอยสักรูปงูสีแดงไปตามแขน เขาที่งอกยาวและขนสีดำราวกับแผงคอม้าปกคลุมจากต้นคอถึงสะโพก …ความรู้สึกของการกลับไปมีมือ 5 นิ้ว นี่มัน….ก็อบลินจริง ๆ เหรอ?
รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมา …เมื่อผมคิดเช่นนั้น
รูปลักษณ์ของผมสะท้อนมาจากจิตวิญญาณ …แล้วไงล่ะ?
ตอนนี้ผมเริ่มที่จะสวมเสื้อผ้าตามที่ลิลลี่บอก ผมเคยจะเปลือยเกือบตลอดเวลา แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมก็รู้สึกว่ามันน่าอับอาย
อาจเป็นเพราะว่าผมเริ่มที่จะคุ้นเคยกับมนุษย์อีกครั้ง
◆◇◇
หลังจากจัดการผู้นำออร์คที่บุกมาได้ ผมก็พากิกูวออกไปล่า
ที่นั่นผมค้นพบเป้าหมายในการทดสอบร่างกาย
มีออร์คที่ตกอยู่ในกับดักจนไม่สามารถเคลื่อนไหว จากการทดสอบ …ผมสามารถบดขยี้และฉีกออร์คเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
เกี่ยวกับนักดาบสาวที่อยู่นอกหมู่บ้าน …โชคดีที่เธอยังมีชีวิตรอด
ไม่ใช่ว่ามันใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ออร์คให้ความสำคัญกับอาหารมากกว่าผู้หญิง
เมื่อพาลิลลี่ที่หมดสติเข้าไปในห้องขัง ผมก็สั่งให้ก็อบลินที่เหลืออยู่เฝ้าเธอไว้
พวกก็อบลินดูจะเชื่อฟังมากขึ้นหลังจากการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่จำนวนกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากกลุ่มกว่า 40 ตัว ตอนนี้เหลือก็อบลินที่สามารถต่อสู้ได้เพียง 30 ตัวเท่านั้น
ยังดีที่หลายตัวถูกรักษาโดยเรเชีย เด็ก ๆ และตัวเมียบางส่วนจึงมีชีวิตรอด
หนึ่งในก็อบลินตัวเมียถูกฆ่า เพราะว่าเธอกำลังท้องจึงไม่สามารถวิ่งหนีได้อย่างเต็มที่
เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้อีก ผมต้องฝึกพวกเขามากขึ้น
มนุษย์ที่ถูกขังอยู่ยังปลอดภัย แม้จะดูน่าตลก แต่พวกก็อบลินให้ความสำคัญกับการปกป้องสมบัติมากกว่าผู้หญิง
มอนสเตอร์ก็คือมอนสเตอร์ …พวกเขาคงคิดว่าผมจะดีใจกับสิ่งที่เขาทำ
มนุษย์ที่เป็นเชลยมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะนักดาบสาว ถึงแม้ว่าเธอจะตะโกนใส่ผมอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้เธอดูสงบลงบ้างแล้ว
ความจริงคนที่น่ารำคาญที่สุดคือเรเชีย
คงเป็นเพราะเธอเพิ่งเคยเห็นผมเลื่อนคลาส ทุกครั้งที่เจอหน้า เธอก็ระดมคำถามต่าง ๆ ไม่จบสิ้น
ยิ่งคุยกับเธอมากเท่าไร ผมก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากเสน่ห์ของเธอได้
ผมเคยถามว่าทำไมเธอไม่กลัวผม แต่เธอมองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าผมใส่ใจเธอมากกว่าคนอื่น ๆ
หลังจากที่ทุกอย่างจบลง ผมให้มนุษย์คนอื่น ๆ ทำงานตามที่เขาถนัด
ตอนนี้พลังของผมยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะบุกรุกดินแดนของมนุษย์
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มความแข็งแกร่งต่อไป
◇◆◇
หลังจากนั้น ผมก็ตรวจสอบทักษะใหม่ของผม
[ทักษะ] <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>>
——จำนวนของผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มขึ้น
——เสน่ห์ต่อเผ่าพันธุ์เดียวกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“เสน่ห์ต่อเผ่าพันธุ์เดียวกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก” แสดงว่าเสน่ห์ต่อก็อบลินเพิ่มเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น
นี่เป็นทักษะที่ไร้ประโยชน์อีกอัน
ผมไม่ได้ชอบก็อบลินตัวเมีย แต่ถ้าเกิดอะไรผิดพลาด มันจะกลายเป็นหายนะแทน
[ทักษะ] <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->>
คงเป็นเพราะนิ้วมือที่เพิ่มมา มันทำให้ผมเคลื่อนไหวได้ละเอียดยิ่งขึ้น
[ทักษะ] <<การจัดการเวทมนตร์>>
——ตอนนี้สามารถใช้เวทมนตร์ตามแอตทริบิวต์ของคุณได้
การใช้เวทมนตร์คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของต่างโลก
◇◇◆
ผมไม่อยากถามเรเชีย ผมจึงเดินไปหาก็อบลินอาวุโสเผื่อเขาอาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์ แต่ก็ตามที่คิดไว้ …ก็อบลินก็คือก็อบลิน
——บ้าเอ๊ย!
ช่วยไม่ได้ ดังนั้นผมจึงไปหาเธอ
“สอนข้าเกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นดังเข้าไปในหูของเรเชีย เธอมองมาที่ผมราวกับว่าเธอคุยกับคนโง่ แน่นอนว่าเธอไม่ได้แสดงสีหน้าเหล่านั้นออกมา แต่ผมสามารถอ่านการแสดงออกที่เล็กน้อยนั่นได้
“คุณต้องรู้ก่อนนะคะว่าเวทมนตร์คือส่วนหนึ่งของโลก มันเป็นพลังจากการคุ้มครองของพระเจ้าและเวทมนตร์เป็นสิ่งตอบแทนสำหรับคำสัญญาของท่าน”
เรเชียพูดอะไรบางอย่าง…
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ แต่ผมต้องการแค่ให้เธอสอนมัน
“เอาสั้น ๆ ข้าจะใช้มันได้ยังไง?”
ผมพูดขัดจังหวะเรเชีย
“ใช้คำร่ายเพื่อสร้างมัน เวทมนตร์จะถูกสร้างขึ้นตามจินตนาการและความคิดของคุณค่ะ”
คงจะดีถ้าเธอพูดอย่างนั้นตั้งแต่แรก แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่าต้องเปล่งเสียงอย่างไร?
จินตนาการ…
เมื่อคิดอย่างนั้น ผมอยากจะลองใช้เวทมนตร์อย่างพวกไฟร์บอลหรือบาเรีย
ผมสงสัยว่าเวทย์ของผมจะมีลักษณะเป็นยังไง
ทันใดนั้นก็มีความมืดปกคลุมรอบตัว มันเป็นชุดเกราะสีดำจาง ๆ
“โอ้ว?”
น่าแปลกที่ผมสามารถทำมันได้จริงๆ
“อ…เอ๊ะ-!?”
ตรงกันข้ามกับผม เรเชียที่ปกติทำใบหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา เธอลืมท่าทางดังกล่าวและแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
“ทำไม…คุณถึงใช้มันได้!?”
เรเชียกลายเป็นงุนงงอีกครั้งและเข้ามาถามผมไม่หยุดอีกครั้ง เยี่ยม มันเป็นเพราะเธอเป็นคนสอนไง นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูด แต่ผมตัดสินใจจะเก็บมันไว้
“ข้าจะยกเลิกมันได้ยังไง?”
ผมพูดโดยไม่สนใจเรเชียที่น่ารำคาญ
“เปล่งคำร่ายเพื่อยกเลิก….!”
“หืม”
ผมทำตามที่เธอบอก
“ปล่อย”
เมื่อเห็นแบบนั้น ความมืดก็ค่อย ๆ สลายไป
ผมควรจะลองทำหลาย ๆ อย่างเพื่อศึกษาเพิ่มเติม ขณะที่คิดอย่างนั้นเรเชียก็พูดขึ้น
“นี่คือสิ่งที่เกินข้อตกลงไม่ใช่รึไงคะ?”
นั่นเธอกำลังพูดเรื่องอะไร?
“คุณขอให้ฉันสอนการใช้เวทมนตร์ แต่ในสัญญาฉันแค่ต้องรักษาพวกคุณเท่านั้น”
“งั้นเจ้าต้องการอะไร?”
“ฉ - ฉันต้องการอาบน้ำค่ะ”
ผมอาจจะแสดงออกด้วยท่าทางโง่ๆ จนเรเชียต้องพูดอีกครั้งด้วยความโกรธ
“ฉันบอกว่าาาา ฉันต้องการอาบน้ำ!”
ผมจึงเรียกกิก้าเพื่อบอกให้เขาพาเธอออกไป
◆◇◇◆◆◇◇◆
[เลเวล] 10 → 11