ตอนที่แล้วตอนที่ 11 จองฮายัน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 ความอับอาย (1)

ตอนที่ 12 ลีจีฮเย


" กรุณานั่งลงด้วยครับ"

“ฉัน ฉันคือ…”

ผมเห็นใบหน้าลังเลของเธอ

เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่สงบขณะที่เธอเช็ดน้ำตา ไหล่ที่สั่นเทิ้มเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ

ในตอนแรกเธอคงเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 21 ปีธรรมดา

เธอไม่เคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงไม่แปลกที่เธอจะเป็นเช่นนี้

ผมไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่อยู่ในมือ

“ฉันขอโทษค่ะ…ฉันขอโทษ”

“ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังขอโทษอะไร”

“แต่ฉันเป็นคนที่ ฮึก …ทุกคน”

“ฮายัน คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แน่นอนผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ตอนนี้คุณสามารถเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผมฟังได้ไหมครับ?”

“ฉัน ฮือ ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แค่…”

" ผมรู้ ทำใจให้สงบก่อนแล้วค่อยบอกผมมาก็ได้”

ขณะที่ผมยิ้ม เธอก็เริ่มพูดอย่างช้า ๆ

อันที่จริงผมมีความคิดคร่าว ๆ ว่าเรื่องราวดำเนินไปอย่างไรและมันค่อนข้างคาดเดาได้

ปัญหาคือผมไม่เข้าใจคำพูดของเธอเลย

มันยากสำหรับผมที่จะเข้าใจว่าเธอพูดอะไรผ่านการสะอื้นและน้ำตา

ด้วยระบบทำให้ผมรู้ว่าสติปัญญาของเธอไม่ได้ต่ำ แต่บางทีอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการคิด

“จู่ ๆ ซอกวูก็…”

“ครับ?”

“ข – เขาจับมือแล้วฉันก็กรีดร้อง”

" อา…"

แต่จริง ๆ มันไม่สำคัญว่าผมจะเข้าใจเธอได้หรือไม่

ผมแค่ต้องแสดงให้เห็นว่าผมอยู่ข้างเธอ

การรับฟังสำคัญกว่าคำถามทำไมเธอถึงร้องไห้และทำไมเธอถึงเสียใจ

พวกมันสำคัญกว่าการตัดสินว่าใครเป็นฝ่ายผิด

‘ผมอยู่เคียงข้างคุณ’

ผมไม่ได้พูดออกมาดัง ๆ แต่เธอคงคิดแบบนั้น

“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น…เอ - และทันใดนั้นคุณด็อกกูก็มา… แล้วจีฮเย…”

" ครับ ผมเข้าใจ"

“ล – และในตอนนั้นเองคุณกียองก็มา…”

" ครับ"

ปัญหาคือการคร่ำครวญของเธอครั้งนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน

ในที่สุดหลังจากนั้นไม่กี่นาที เรื่องราวอันน่าเบื่อหน่ายของเธอก็สิ้นสุด

“มันคงยากสำหรับคุณ”

“ม - ไม่ค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว”

ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะสงบขึ้นเล็กน้อย

ไหล่ของเธอที่สั่นเป็นครั้งคราวถูกวางกลับไปที่เดิมและใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

เธอสงบลงบ้าง

“ขอบคุณมากนะคะ คุณกียอง”

“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก มันเป็นเพียงสถานการณ์...”

“ม- ไม่ค่ะ ฉันหมายถึงที่คุณบอกว่า คุณเชื่อในตัวฉัน…”

“อา…”

“ค – คุณช่วยฉันมาตลอดตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก …แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อคุณได้เลย…”

“…ฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าทำไมคุณถึงดีกับฉันมากขนาดนี้”

มันยากที่จะถอดรหัสที่มาของคำถามนี้

ผมไม่แน่ใจว่าเธอสนใจหรือเธอหวาดระแวงผม

แต่ผมคิดว่ามันคงจะเป็นอย่างหลัง

เป็นไปได้มากว่ายูซอกวูเข้าหาเธอในลักษณะที่คล้ายกัน

ผมต้องการคำตอบที่สมเหตุผลแก่เธอ

“ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมคิดว่าถูกต้อง แต่ถ้าผมต้องให้เหตุผล…”

" คะ? "

“ผมมีน้องสาวที่บ้านน่ะครับ บางทีอาจเป็นเพราะฮายันทำให้ผมนึกถึงเธอ”

อันที่จริงผมไม่ได้คิดอย่างนั้น

บุคลิกของยูลฮาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับจองฮายัน และมันยากที่จะหาความคล้ายคลึงกันนอกเหนือจากอายุ

แต่ผมคิดว่านี่เป็นการตอบสนองที่เหมาะสม

" อา…"

“เธอน่าจะอายุใกล้เคียงกับคุณนะครับฮายัน”

“ฉ - ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ควร…”

“ฮายัน…”

“ฉ – ฉันมีพี่สาวสองคนเหมือนกันค่ะ แต่ฉันขาดการติดต่อกับพวกเธอไปนานแล้ว…”

การแสดงออกที่มืดมนปรากฏขึ้น ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นปัญหาถ้าผมพยายามอีกนิด

" พ่อแม่ของคุณล่ะครับ…"

“พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ”

“เรามีบางอย่างที่เหมือนกันสินะครับ”

“คุณก็เหมือนกันเหรอคะ?”

" ครับ"

เธอดูดีใจอย่างประหลาด

“เราเหมือนกันนิดหน่อย”

" ใช่ค่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น”

มันเป็นเรื่องดีสำหรับเราที่มีบางอย่างเชื่อมต่อกัน

มุมปากของผมบิดยิ้มเมื่อผมเห็นเธอประสานมืออย่างเงียบ ๆ

ผมพิจารณาแล้วว่ามันจะดีกว่า หากมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นหรือถอยออกจากที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่แน่ใจในคำตอบที่ถูกต้อง

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ออกจากความคิดก่อนหน้า

“ถ้ามันจะไม่เป็นปัญหามากเกินไป”

" คะ? "

“มันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวของผมล้วน ๆ แต่ผมอยากให้คุณสบายใจกว่านี้หน่อย …”

" อ๊ะ? อ่ะ? ค่ะ?”

“เราสามารถเริ่มด้วยการพูดอย่างเป็นกันเองมากขึ้น”

"ค่ะ? เอาล่ะ…เป็นกันเอง…”

“แค่พูดแบบสบาย ๆ น่ะ”

" ค่ะ? ฉันหมายถึง …พี่คะ”

ดูเหมือนเธอจะเขินอาย

ผมสามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าจองฮายันไม่มีทักษะในการเข้าสังคม

ขณะที่ผมเผชิญหน้ากับเธออย่างเงียบ ๆ และสังเกตเธอด้วยดวงตาแห่งจิตใจ ค่าสถานะโดยรวมของเธอก็เข้ามาในสายตาของผม

[ตรวจสอบหน้าต่างสถานะและระดับความสามารถของผู้เล่น จองฮายัน]

[ชื่อ: จองฮายัน]

[ฉายา: ไม่มี คุณควรพยายามให้มากขึ้นอีกหน่อย]

[อายุ: 21]

[อุปนิสัย: ผู้สนับสนุนที่บริสุทธิ์]

[คลาส: ไม่มี]

[ค่าสถานะ]

[ความอดทน: 11 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับหายากหรือต่ำกว่า]

[ความคล่องตัว: 11 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับหายากหรือต่ำกว่า]

[พละกำลัง: 14 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับฮีโรอิคหรือต่ำกว่า]

[ความฉลาด: 22 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับฮีโรอิคหรือสูงกว่า]

[ความอดทน: 14 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับหายากหรือต่ำกว่า]

[โชค: 23 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับฮีโรอิคหรือสูงกว่า]

[มานา: 10 / ศักยภาพในการเติบโต: ระดับตำนานหรือสูงกว่า]

[ภาพรวม: บุคคลนี้มีศักยภาพทางเวทมนตร์เหนือกว่าระดับตำนาน แม้ว่าความสามารถทางกายภาพโดยรวมจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ยังสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในฐานะ [วิซาร์ด] หรือ [พรีสท์] ได้ในอนาคต ขณะนี้เธอไม่สามารถสัมผัสถึงมานาได้ แม้ว่าคุณทั้งคู่จะกลายเป็นวิซาร์ด แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกคุณจะกลายเป็นวิซาร์ดในระดับที่แตกต่างจากผู้เล่นลีกียองโดยสิ้นเชิง ดังนั้นขอให้ผู้เล่นลีกียองอย่าคาดหวังมากเกินไป]

ความแข็งแกร่งและพละกำลังของเธอเพิ่มขึ้น 1 และ 2 เมื่อเทียบกับที่ผมเคยเห็น ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานหนักในการปกป้องกำแพง

มันน่าสนใจเช่นกันที่มานาของเธออยู่ที่ 10 แต้ม

ซึ่งแตกต่างจากผมที่ได้รับมานาหลังจากกลายเป็นวิซาร์ดเท่านั้น เธอมีมันตั้งแต่ตอนที่เธอถูกเรียกตัวมาที่นี่

เธออาจจะยังไม่รู้สึกถึงมัน แต่มันอาจเป็นไปได้ ถ้าผมสามารถทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเธอ

มันเกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องมานาและเวทมนตร์

“ขอโทษนะคะพี่กียอง …ฉันขอพูดกับคุณได้ไหม?”

นั่นไม่ใช่เสียงของจองฮายัน

เจ้าของเสียงที่มาจากด้านหลังผมคือลีจีฮเย

การแสดงออกบนใบหน้าของจองฮายันเปลี่ยนเป็นวิตกกังวล

อันที่จริงผมคาดการณ์ไว้แล้วว่าลีจีฮเยจะเข้ามาหาผม

แต่มันเร็วกว่าที่ผมคาดไว้เพียงเล็กน้อย

‘แน่นอน…’

ผู้หญิงคนนี้ฉลาด

‘คุณจะเปลี่ยนมาอยู่ข้างผมไหม?’

ฝ่ายที่ได้เปรียบกว่า เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บนพื้นผิวมันอาจดูเหมือนเป็นการตัดสินว่าใครผิดระหว่างยูซอกวูและจองฮายัน อย่างไรก็ตามมันเป็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างลีจีฮเยและผมด้วย

มีแนวโน้มว่าลีจีฮเยก็จะรู้เช่นกัน

ไม่มีใครเรียงพวกเราเป็นลำดับชั้น แต่เธอก็ตระหนักได้ว่าผมยืนอยู่เหนือเธอ

อุปนิสัย: 'ความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว'

มีพฤติกรรมสองแบบที่เกิดขึ้นเมื่อคนอย่างผู้หญิงคนนี้หรือคนอย่างผมได้พบกับพลังใหม่

ปฏิเสธมัน

หรือจะเข้าร่วมก็ได้

เธอทำเร็วกว่าที่ผมคาดไว้

เธอไม่ได้สูญเสียหากเธอเข้าข้างเรา แต่นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่จะทำในทันที

ผมอ้าปากพูดอย่างเงียบ ๆ กับจองฮายัน

“ขอเวลาสักครู่นะ ผมคิดว่าจีฮเยและผมต้องคุยกัน”

" อา …ค่ะพี่ ฉันเข้าใจแล้ว”

ดูเหมือนว่าเธอจะประหม่าเล็กน้อย เมื่อเธอให้ความสำคัญกับคำพูดสุดท้ายของเธอ

ในที่สุดจองฮายันก็ยืนขึ้นและลีจีฮเยก็เข้ามาแทนที่ ผมจับได้ว่าเธอหันกลับมามองเราครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจการสนทนาของเรา

" มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ? "

“ฉัน… ฉันแค่อยากจะขอโทษ ฉันขอโทษสำหรับความวุ่นวายค่ะ”

" ทุกอย่างปกติดีครับ ในความเป็นจริงคุณไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ไม่ค่ะพี่กียอง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นฉันจึงประมาทเกินไปและไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ภายนอก ฉันไม่ได้คิดถึงคุณและคนอื่น ๆ ที่ต้องทำงานอันตรายนอกกำแพง มันดีกว่าที่จะแก้ไขสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ”

" ไม่เป็นไรครับ ผมก็คงทำหมือนกันถ้าผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณ ในทางตรงกันข้าม ผมคิดว่าผมควรจะเป็นคนขอโทษด้วย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเลย พี่เพิ่งทำสิ่งที่ควรทำ”

ถึงแม้ว่าเธอจะยังเด็กอยู่ แต่ผมก็ไม่เคยถูกเรียกว่าพี่โดยผู้หญิงที่อายุมากกว่า

" นั่น…."

" คะ? "

“เกี่ยวกับซอกวู”

“ฉันไม่มีแผนว่าจะทำอะไรเกี่ยวกับคุณซอกวูในตอนนี้ค่ะ ...การรักษาของเขาต้องมาก่อนและมีสิ่งอื่นที่ฉันต้องทำให้เสร็จในระหว่างนี้”

" อา นั่นทำให้ผมโล่งอกเล็กน้อย ผมขอโทษด้วยที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้ผมก็รู้สึกสับสนและไม่อาจตัดสินได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าคุณอนุญาต ให้ผมช่วยแก้ไขสิ่งนี้มั้ยครับ?”

ผมอดกังวลไม่ได้

ผมยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับยูซอกวูยังไง

ที่นี่ไม่มีทั้งกฎหมายและตำรวจ ดังนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่าจะลงโทษเขาหรือไม่

“ส่วนฮายัน …”

“ตอนนี้เมื่อฉันคิดย้อนกลับไป ฉันคิดว่าตัวเองก็วิจารณ์ฮายันมากเกินไป ถ้าพี่ให้ฉันจัดการเรื่องนี้…”

“ผมเข้าใจว่าคุณเป็นคนจัดการสถานที่แห่งนี้ให้ปลอดภัย …ผมต้องขอโทษด้วยที่ก้าวเข้าไป”

" อ๊ะ! ไม่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึงเลยค่ะ”

" ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าคุณพยายามจะพูดอะไร ผมหวังว่าคุณจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้”

ประเด็นก็คือผมยังจำอำนาจของเธอได้

ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเข้าใจความหมายจากคำพูดของผม

‘ผมไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดคุณ’

ดังนั้นอย่าทำสร้างความวุ่นวายให้กับผม

เมื่อผมพูดจบ ผมก็เห็นว่ามือของเธอเอื้อมมาข้างหน้าอย่างดุเดือด

ลีจีฮเยเป็นคนสวย ผมพยายามทำให้การเต้นของหัวใจคงที่ แต่มันก็ยากที่จะนิ่งเมื่อเธออยู่ใกล้ร่างกายผมมาก

แต่ผมรู้สึกสงสัยมากกว่าว่าทำไมเธอถึงเข้าหาผมในลักษณะนี้

“ฉันรู้ว่ามันยากที่พี่จะออกจากที่พัก…แต่ขอบคุณค่ะที่พี่ดูแลพวกเรา”

“มันไม่ได้แย่อะไรเลยครับ”

“หากมีอะไรที่ฉันสามารถช่วยพี่ได้ บอกให้ฉันฟังได้นะคะ ทุกอย่างเลย”

เมื่อพูดแบบนั้น เธอก็ลูบต้นขาของผม

ถึงตอนนี้ผมสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร

“อะไรก็ได้เหรอครับ?”

" ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม”

ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย เมื่อเห็นเธอเข้าหาผมอย่างอุกอาจเกินกว่าที่ผมคาดไว้

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนโง่ ผมไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนปัญญาอ่อน

ดวงตาของเธอแสดงความปรารถนาอย่างแปลกประหลาด

‘อำนาจ? ความทะเยอทะยาน?’

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

“ฉันชอบผู้ชายที่ทะเยอทะยานค่ะ”

สำหรับผมการมีอำนาจหรือความทะเยอทะยานเป็นวิธีการป้องกันตัวเอง แน่นอนว่าแรงจูงใจของผมไม่ได้สำคัญกับลีจีฮเย

ทั้งหมดที่เธอใส่ใจคือผลลัพธ์

คำถามคือการใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผมหรือไม่?

สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือเธอสามารถควบคุมคนโง่ได้

อาจมีประโยชน์อื่น ๆ สำหรับเธอ แต่ตอนนี้ก็เช่นกัน

เธอต้องเข้าหาผมเพราะเธอตระหนักดีถึงความจริงข้อนั้น

กลุ่มนี้อาจไม่ได้ใช้งานมากนักในตอนแรก แต่มันไม่มีอันตรายใด ๆ ถ้าเราได้มัน

จริง ๆ แล้วอาจมีบางอย่างที่เป็นประโยชน์ที่ผมจะได้รับจากเธอ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับจองฮายัน….

'ผมควรทำอย่างไรดี….'

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้ตกหลุมรักผมจริง ๆ

ถ้าผมไม่สามารถตระหนักได้มากขนาดนี้ ผมคงคิดว่าเธอเป็นแค่คนที่ไร้ความคิด

‘มันไม่ใช่อย่างนั้น’

เธอเล็งทำการสัญญา? ความสัมพันธ์อันเรียบง่าย?

มีหลายสิ่งที่ลีจีฮเยจะได้รับ

การรวมพลังของกลุ่มหลังจากที่มันอาจถูกสั่นคลอน รวมถึงการสร้างความผูกพันกับผู้มีอำนาจรองจากผู้แข็งแกร่งที่สุด

นอกจากนี้ผมอาจมีประโยชน์ ในการทำให้ทุกคนเชื่อว่าเราไม่ได้ใช้คำพูดที่ไม่ดี

การใกล้ชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด

การทำให้ผู้คนกลายเป็นศัตรูอาจเป็นวิธีคิดที่โง่เขลา

“แล้วผมล่ะครับ ผมจะได้อะไรจากสิ่งนี้?”

“อืม แล้วฮายันเป็นไงคะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ มุมปากของผมก็บิดขึ้นเป็นรอยยิ้มและกดร่างเพื่อแนบชิดกับเธอ

ผมเห็นว่าใบหน้าของลีจีฮเยมีส่วนผสมที่แปลกประหลาดระหว่างความตื่นเต้นและความคาดหวัง

'ยอดเยี่ยม'

มันเป็นความคิดที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ริมฝีปากของเราเสียดสีกัน ซึ่งมันอาจจะดูโรแมนติกในตอนแรก

แต่ความคิดของเราต่างกัน

‘มาใช้กันและกันเถอะ’

ผมยิ้มขณะที่พูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะคล้ายกันนะครับ”

“ค่ะ ฉันก็คิดเช่นกัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด