ตอนที่ 11 จองฮายัน (2)
“พี่ชาย ถ้าไม่อยากให้มือของคุณขาด คุณควรปล่อยเธอไปนะ”
" ฮะ? "
พลั่ก!
“อ๊ากกกกกกกก!”
" อ่ะ! "
ในช่วงเวลาที่หายวับไปนั้น เธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ทันทีที่เงาขนาดใหญ่พาดผ่าน เธอก็หลับตาลง
แต่เสียงกรีดร้องนั้นก็เพียงพอแล้ว
เมื่อลืมตาขึ้น เธอเห็นปาร์คด็อกกูที่กำลังมองลงมาอย่างเงียบ ๆ กับยูซอกวูที่ล้มลงและกรีดร้อง
“ค - คุณด็อกกู?”
“อ๊ากกกก…”
“ฉันไม่รู้เลยว่าเราจะมีเศษขยะที่นี่ด้วย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีส่วนไหนหัก คุณอย่ามากรีดร้องเป็นเด็กแบบนั้นสิ”
หมัดขนาดใหญ่ผ่านกลางอากาศอีกครั้ง เสียงตกกระทบดังขึ้นบนศีรษะของยูซอกวูอย่างแม่นยำ
เขานอนแผ่ลงไปกองกับพื้นราวกับว่าอาวุธหนักพุ่งเข้าใส่เขา
“อึก! อั่ก…อ๊าก…”
“เลิกเสแสร้งซะที ฉันไม่ได้ตีคุณแรงขนาดนั้นซะหน่อย …บางคนอาจคิดว่าคุณเป็นเด็กแรกเกิดด้วยซ้ำกับสิ่งที่คุณทำ”
เท้าพุ่งออกไปและร่างของยูซอกวูก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ
เขาถูกเตะ
เมื่อเห็นเขากระแทกกำแพง จองฮายันก็กลัวว่าสถานการณ์จะบานปลาย
“ต - ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ เขาอาจจะตายได้”
" อา…"
สายตาที่เขามองไปยังยูซอกวูนั้นดูน่ากลัว
อย่างไรก็ตามหากเธอไม่หยุดเขาตอนนี้ ยูซอกวูอาจจะตายได้จริง ๆ
การได้เห็นยูซอกวูตัวสั่นบนพื้นทำให้เธอกังวล
“อย่ากังวลไปเลย ทั้งหมดที่ฉันทำคือผลักและเตะเขาเล็กน้อย อืม พี่ชายคนนี้แค่ขี้แยไปหน่อยน่ะ…”
นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เธอกังวล
เธอสามารถเห็นบางคนวิ่งมาหลัง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของยูซอกวู
" หยุดนะคะ! "
“…”
" คุณกำลังทำอะไรอยู่? คุณซอกวูเป็นอะไรมากไหมคะ?”
“ผมสบายดี…”
สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือลีจีฮเยในขณะที่เธอนำฝูงชนมาหาพวกเขา ความสับสนที่น่าสงสารส่องประกายในดวงตาของเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่คะ? ความรุนแรงถูกห้ามใช้ภายในที่พัก”
“คนคนนี้ลวมลามฮายันก่อน ฉันก็แค่สอนบทเรียนให้เขา”
“นั่นเป็นความจริงเหรอคะ?”
“ฉันเห็นมันด้วยตาของตัวเอง”
" มัน …ไม่ใช่"
"อะไรนะ? "
“น – แน่นอน มันอาจจะดูเข้าใจผิดเพราะผมจับมือของฮายัน …ต - แต่เขาเข้าใจผิด…”
“แกยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ!”
“เอาล่ะ พอก่อนเถอะค่ะพี่ด็อกกู อย่างที่ฉันบอกไปว่าที่นี่ห้ามใช้ความรุนแรง แม้ว่าซอกวูจะทำอะไรผิด แต่การทำร้ายร่างกายไปโดยไม่ได้สอบถามอาจสร้างความแตกแยกในหมู่สมาชิก ...วิธีการนี้ไม่ถูกต้องนะคะ ก่อนอื่นคุณต้องรับฟังก่อนสิ”
“…”
“ซอกวู คุณจับมือของฮายันและลวนลามเธอจริงไหมคะ?”
“ม - ม - ม - ไม่ ไม่อย่างแน่นอน ผมไม่เคยตั้งใจที่จะทำสิ่งนั้น”
“แล้วสิ่งที่พี่ด็อกกูเห็นล่ะคะ…”
“ผ - ผมคิดว่ามีความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงที่ผมแสดงความรู้สึกที่มีต่อฮายัน แต่ผมเข้าใจผิดว่าฮายันก็ยอมรับมันเช่นกัน …”
" จริงเหรอคะ? "
“ค - ครับ…มันเป็นความจริง”
“โปรดยืนยันสิ่งที่คุณพูดอีกครั้งค่ะ”
“ผมบอกฮายันว่าผมอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้นและจองฮายันก็ตอบสนอง …แต่ผมคิดว่าตัวเองคงเข้าใจผิด”
“คุณฮายัน โปรดชี้แจงด้วยค่ะ สิ่งที่ซอกวูพูดเป็นความจริงมั้ยคะ?”
สายตาหลายคู่จ้องมาที่เธอ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะคุ้นเคย
เพราะสายตาของพวกเขาห่างไกลจากความเป็นมิตร
เธอตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
ขณะที่แขนและขาของเธอเริ่มสั่นจากความตึงเครียด ลีจีฮเยจ้องมองราวกับจะกระตุ้นให้เธอรีบพูด
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอกลับมีปัญหาในการพูด
“น - นั่นเป็นเรื่องจริงค่ะ ต - แต่หลังจากนั้น ซอก - ซอก - ซอกวู …เขาบังคับและดึงแขนฉัน…เขาบอกว่าถ้าฉันอยากมีช่วงเวลาที่มีความสุขที่นี่… ข - เขาพูดแบบนั้น…ฉันเลยตกใจ…”
“กรุณาพูดให้ชัดเจนด้วยค่ะคุณฮายัน ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร?”
“ง - งั้น…”
“เป็นเรื่องจริงที่ซอกวูบอกว่าเขาอยากจะใกล้ชิดกับคุณฮายันมากขึ้นและคุณก็เห็นด้วยใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ … ต - แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร…ฉันไม่รู้…”
“ฉันถามแค่ว่า นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมั้ยคะ?”
“ม - มันเป็นเรื่องจริง ต - แต่…”
“ขอโทษนะคะคุณฮายัน”
" คะ? "
“คุณฮายันเองไม่ใช่เหรอคะที่ทำตัวให้ซอกวูเข้าใจผิดและปล่อยให้สถานการณ์นี้พัฒนาไป ลองนึกดูสิคะ คุณไป ๆ มา ๆ กับคุณซอกวูตั้งแต่มาที่นี่ ฉันเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ?”
“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่…มันเป็นคุณ…ซอก - ซอกวู - ที่เข้าหาฉันก่อนเสมอ…”
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพฤติกรรมของคุณเป็นปัญหาค่ะ”
“ไม่…ฮึก นั่นคือ…”
“คุณคิดว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่คะ เมื่อคุณสร้างความเข้าใจผิดแบบนี้ เช่นเดียวกับพี่ด็อกกูค่ะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์…”
เมื่อเธอหันหน้าไปมองปาร์คด็อกกูเล็กน้อย เธอก็สังเกตเห็นความสับสนบนใบหน้าของเขา
เขาคงคิดว่า ‘บางทีเขาอาจจะทำผิดพลาด’
“เขาพูดความจริงเหรอ ฮายัน?”
“ฉัน - ฉันเห็นด้วยว่าเราใกล้ชิดกัน… ต - แต่…”
เธอสับสนมากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มจากตรงไหน
เธอไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือจะแก้ไขได้อย่างไร
ใบหน้าของเธอแดงก่ำและดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
“คุณคิดว่าการร้องไห้จะช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ไหมคะ?”
“ฉัน – ฉันขอโทษค่ะ ฉัน…ฉัน…”
“มันไม่สำคัญว่าคุณจะเสียใจหรือไม่ บอกตามตรงว่าอารมณ์ในศูนย์พักพิงไม่ได้ดีขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้…พี่ด็อกกูคะ …แน่นอนว่าฉันต้องขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แต่อย่าทำผลีผลามจนกว่าคุณจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสิคะ ครั้งนี้ฉันคิดว่าพี่ประมาทไปหน่อย…”
" ครับ…"
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความชัดเจนว่าเหยื่อและผู้กระทำผิดคือใคร…”
“ขอโทษครับ”
“ผมเป็นคนที่คุณควรขอโทษหรือเปล่า?”
“ขอโทษโดยตรงกับคุณซอกวูเถอะค่ะ”
“ฉัน…ขอโทษ…”
" เกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ? "
***
" เกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ? "
ผมรู้คำตอบแล้ว
มันเป็นสถานการณ์ที่ผมสามารถอ่านได้อย่างสบายใจ
ผมคาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่มันไม่ใช่แบบนี้
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะรุกที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาในระดับนี้
ปาร์คด็อกกูแสดงสีหน้าลำบากใจ ในขณะเที่จองฮายันก็ร้องไห้เหมือนเด็ก
แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีคำว่า ‘ยุติธรรม’
ภาพรวมแล้วผู้โจมตีและเหยื่อมีความชัดเจน
มันไม่ใช่ธุระของผมเลยถ้าจองฮายันพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากยูซอกวู แต่การที่จองฮายันอยู่ในจุดที่คับขันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
จากการปรากฏตัวของผม ลีจีฮเยก็เป็นคนแรกที่พูด
“ดีใจที่ได้เจอพี่นะคะ พี่กียอง ปัจจุบัน…!”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอครับ?”
“อะไรนะคะ?”
“จีฮเย คุณบ้าไปแล้วเหรอครับ?”
“พ - พี่พูดอะไรออกมา…”
“คุณคิดว่านี่คือสนามเด็กเล่นเหรอ? คุณคิดว่าจะไม่มีใครได้ยินเมื่อคุณสร้างความสับสนวุ่นวายขนาดนี้? เพียงเพราะเราออกจากที่พักพิงเป็นประจำ มันไม่ได้หมายความว่าเราจะดูแลเรื่องภายในไม่ได้นะครับ”
ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวว่าทำผิดพลาด
“อา…สถานการณ์ตอนนี้คือ…”
“ผมเห็นมันจากระยะไกล ดังนั้นผมรู้คร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างที่คุณจีฮเยพูด ในสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่มีการระบุตัวผู้ร้ายและเหยื่ออย่างชัดเจน ผมอาจจะกลัวถ้าถูกกลุ่มเช่นนี้ต้อนจนจนมุม แต่คุณยังจำได้มั้ยว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเราคืออะไร?”
“แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นฝ่ายผิด…”
“แล้วคุณบอกได้ไหมล่ะครับว่าซอกวูเป็นผู้บริสุทธิ์”
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอทำไม่ได้
เมื่อเธอพูดเหล่านั้นออกจากริมฝีปาก มันจะไม่ใช่ยูซอกวูที่ผิด แต่จะเป็นเธอที่ต้องรับผิดชอบ
ดังนั้นเธอจึงเริ่มท่าทีลังเลและแสดงท่าทางวิตกกังวล
“และจากปฏิกิริยาของฮายัน ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่สิ…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮายันไม่ใช่คนแบบนั้นครับ ผมสามารถรับประกันได้”
‘การรับประกัน’ ของผมอยู่ในอันดับต้น ๆ จากอันดับด้านบนโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ผมแค่พูดเรื่องไร้สาระ
มันเป็นคำพูดที่น่าอายจนผมอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
จองฮายันอาจสับสน แต่เธอจะรู้สึกขอบคุณสำหรับคำชี้แจงและการปกป้องของผม
แต่คนอื่นอาจไม่ทราบ
แต่ผมจะได้รู้จักเธอดีจนสามารถรับรองเธอได้ยังไงล่ะ?
นอกเหนือจาก ‘ผู้สนับสนุนอันบริสุทธิ์’ ของเธอแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะรับรองเธอ
ตามความเป็นจริงและมีหลายประเด็นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
ในตอนแรกเป็นเรื่องผิดที่จะตั้งคำถามกับเหยื่อจากมุมมองของพวกเขา
ไม่มีทางที่ผู้หญิงอย่างลีจีฮเยจะไม่รู้เรื่องนี้ การที่เธอยืนกรานที่จะเข้าข้างยูซอกวูนั้นน่าจะเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ การกีดกันบุคคลภายนอกและรวมพลังที่มีอยู่ของเธอเข้าด้วยกัน
หรืออาจจะเป็นเป้าหมายเพื่อคาดคั้นกับจองฮายันตั้งแต่เริ่ม
ผมไม่รังเกียจที่จะหักล้างตรรกะของเธอ โดยผลักดันภาระของผมไปข้างหน้า ในกรณีนี้มันก็ได้ผลเหมือนกัน
ไม่สิ มันไม่ใช่ "เหมือนกัน"
เพราะ…
‘ผมเป็นผู้ควบคุม’
ผมเป็นคนที่มีอำนาจที่นี่
สิ่งที่ผมหมายถึงก็คืออำนาจของผมหนักกว่าใคร ๆ ที่อยู่ที่นี่
“ฮายันไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ครับ”
“อ่า…นั่น…”
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างจองฮายันที่จ้องมองมาที่ผม ในขณะที่เช็ดน้ำตาและคนที่จ้องมองจองฮายันด้วยความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
บางทีในใจของพวกเขานี่อาจเป็นสถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล การมีใครบางคนที่ปรากฏตัวและโจมตีพวกเขา
แต่แน่นอน ผมไม่ได้เกลียดมัน
ผมมองไปทางจองฮายัน
ผู้หญิงที่มีอำนาจอันทรงพลัง
เธอต้องกลายเป็นวัตถุแห่งความเกลียดชัง บุคคลที่ใคร ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่พอใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างลีจีฮเย
“สำหรับทุกคนยังคงยืนอยู่รอบ ๆ …คุณยูซอกวูจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว แต่หลังจากนั้นผมจะขอให้เขาอธิบายสถานการณ์ที่แน่นอนอีกครั้ง สำหรับตอนนี้เราควรย้ายซอกวูไปก่อน”
“ค่ะ”
“จีฮเยช่วยทำความสะอาดสถานที่นี่ด้วยครับ พวกคุณจะได้กิจกรรมต่อไป อีกไม่นานฮยอนซึงซองจะกลับมาและมอนสเตอร์อาจปรากฏตัวได้ ดังนั้นในด็อกกูไปตรวจตราพื้นที่โดยรอบด้วย”
“ด - ได้ครับพี่”
“เช่นกัน… สำหรับฮายัน ฉันอยากจะคุยกับเธอด้วย”
" ค่ะ"
บางคนกำลังกระซิบ ลีจีฮเยกำลังกัดริมฝีปากของเธอและยูซอกวูดูเหมือนจะค่อนข้างหงุดหงิด
ผมรูได้ชัดเจนว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่
ผมสามารถอธิบายคำพูดของพวกเขาได้ แต่ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผมอย่างเปิดเผย
‘อะไรกัน…นังผู้หญิงคนนั้น’
‘นังบ้านี่’
มี ‘เหยื่อ’ ที่ดีกว่าผมมาก
" มากับผมด้วยครับ"
“อ่า…ค่ะ”
แทนที่จะเป็นคนมีอำนาจ การกล่าวโทษคนที่อ่อนแอนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก