ตอนที่ 4 - พ่นพิษ (2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้ว.
เอมิเลียรู้สึกว่าใจเธอนั้นแทบจะทะลุอกออกมา. เธอกำหมัดไว้อย่างแน่นและจ้องเขม็งไปที่ประตูทางขวาของห้อง. ถ้าเดบราใส่ร้ายเธอล่ะก็ เธอจะรีบพุ่งออกจากห้องนี่ไปทันที.
บางทีเธอน่าจะออกไปซะตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่เอมิเลียก็คิดว่าเธอยังไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เธอหวังให้โชคเข้าข้างเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย. ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ค่อนข้างสบายอยู่และเธอก็ยังไม่อยากเอาแต่วิ่งหนีไปวันๆ.
เอมิเลียได้ยินเสียงของหัวใจเธอเต้นและเสียงหัวเราะเบาๆของเดบราที่ค่อยๆดังขึ้นทุกๆวินาที. ในที่สุดเดบราก็เปิดปาก เอมิเลียก็ค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่งช้าๆ เตรียมพร้อมที่จะออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุดหลัง-
“ริต้า”
ห้ะ.
เด็กผู้หญิงผมบลอนด์ที่นั่งอยู่แถวหน้าหันหัวมาจ้องที่เดบรา “อะไร?”
เดบราจ้องไปทางหญิงผมบลอนด์คนนั้นแล้วกอดอก. เดบราไม่พูดมาก เธอรีบเข้าเรื่องทันที. “เธอปลอมแปลงตัวตนเข้ามาใช่มั้ย? เธอไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่เป็นเด็กนอกสมรส. ชั้นพูดถูกมั้ย?”
ทุกๆคนจ้องไปที่ริต้า, เธอดูตั้งตัวไม่ติดเลย. เธอกลืนน้ำลายขณะพยายามทำหน้าให้นิ่งเข้าไว้ “เธอกล้าดียังไงมากล่าวหาชั้นแบบนั้น? ใส่ร้ายกันชัดๆ! เธอมีหลักฐานรึป่าว?” ริต้าตะคอก.
เดบรายิ้ม “ถ้าเรื่องนั้น, มีสิ” เธอหันหลังไปหยิบเอกสารที่บนโต๊ะมาแล้วชูให้ทุกๆคนเห็น.
ตอนนี้เอมิเลียกำลังลุกจากเก้าอี้ได้ครึ่งตัว อาจารย์ก็มากดเธอลงไว้ “ห้ามโดดเรียน”
เอมิเลียกัดปากแล้วพยักหน้า.
นี่เธอคิดมากไปงั้นหรอ?
เอมิเลียประหลาดใจ. แม้เธอจะโล่งอกที่ไม่ต้องวิ่งหนีอีกแล้ว แต่เธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เพราะทุกอย่างที่ทำมานั้นไม่เกี่ยวกับตัวเธอเลยแม้แต่น้อย.
เธอคิดมากไป. เดบราไม่ได้จะทำอะไรเธอเลย.
ขณะทื่เธอมัวคิดอยู่นั้น เซ้นต์สองคนที่มีคนนับหน้าถือตามากที่สุดกำลังปะทะกันอยู่ ขณะที่คนอื่นๆกำลังจ้องอยู่เงียบๆ.
เอกสารที่เดบราชูให้เห็นนั้นเป็นสูติบัตรของริต้า ซึ่งมีแค่ชื่อมารดาของเธอในนั้น. ชื่อของบิดาเธอนั้นไม่อาจทราบได้
เดบรากล่าวต่อ “นอกจากเธอจะเป็นลูกนอกสมรสแล้ว แม่เธอยังเป็นโสเภณีอีกด้วย”
สีหน้าของริต้าซีดลง, ปากของเธอเหวอหน่อยๆ.
พอเดบราพูดเสร็จ เหล่าเซ้นต์ในห้องเรียนก็พากันจ้องเขม็งใส่ริต้า, บ้างก็ชี้นิ้วขณะทำหน้าไม่อยากเชื่อ. พวกเขาด่าริต้าว่าเป็นความอับอายและความอัปยศของเหล่าเซ้นต์. คำพูดที่เจ็บปวดและท่าทางรังเกียจทำให้ริต้าละอายจนหัวใจเธอแทบจะระเบิดออกมา.
จากมุมมองของคนในยุคนี้นั้น ลูกนอกสมรสเป็นความอับอายของสังคม เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง.
พระเจ้าแห่งแสงสว่างนั้นปกครองทั่วทั้งทวีปนี้และเกือบ100กว่าประเทศ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากจะมาเป็นเซ้นต์จะต้องทำตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด.
ด้วยภูมิหลังที่น่าอัปยศเยี่ยงนี้ ริต้าควรจะถูกถอดถอนจากการเลือกตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ เธอไม่ควรจะเป็นเซ้นต์เลย.
คำพูดรังเกียจเดียจฉันถาโถมเข้าใส่ริต้า เหมือนดั่งตัวตลกในคณะที่มีแต่คนชี้และหัวเราะเยาะใส่.
ด้วยความหวาดกลัว เสียงของริต้าเริ่มสั่นขณะที่เธอพยายามจะแก้ตัว “เธอปลอมแปลงเอกสารมาแน่ๆ”
เดบรายิ้มอย่างน่ากลัว รอยยิ้มของเธอแทบจะถึงหู “ถ้าอย่างงั้นก็ลองไปให้ท่านโป๊บตรวจสอบให้มั้ยล่ะ? มาดูกันว่าเอกสารนี้ปลอมแปลงจรึงรึป่าว”
ริต้าดูหวาดกลัวสุดขีด. มือเธอสั่นไปหมด เหงื่อก็ไหลท่วมหลังเธอ.
เพื่อนของเดบร้าพูดขึ้นมา “แบบนี้เธอยังจะกล้ามาแข่งเป็นหัวหน้ากับเดบร้าอีกงั้นหรอ? เธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่รึป่าวเนี่ย?”
“เธอมันลูกโสเภณี. เธอไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้น” มีเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา.
“น่าขยะแขยงมาก ชั้นไม่อยากเชื่อเลยชั้นคุยกับเธอ” เพื่อนนั่งข้างๆริต้าพูด.
เหล่าเซ้นต์ในห้องพากันกระซิบเสียงดังมาก ริต้าได้ยินทุกอย่าง.
“ว่าไง” เดบรากล่าวแล้วอ่านเอกสารอีกครั้ง ตาเธอกวาดทีละบรรทัดพร้อมกับยิ้มเย้ย “เธอจะไปด้วยตัวเอง? หรือจะให้ชั้นไปด้วยล่ะ?”
ริต้าหลับตาลง เธอรู้สึกว่าอ้วกขึ้นมาถึงคอแล้ว.
ตู้ม!
ประตูโบสถ์เปิดออกอย่างแรง. ประตูที่ทำจากทองคำและหยกขาวนั้นกระแทกกับกำแพง, เสียงกระทบนั่นดังสนั่นไปถึงหูของทุกๆคน. เหล่าเซ้นต์พากันหันมาแล้วเห็นคนร่างสูงคนหนึ่งกำลังเข้าห้องมา.
โป๊บเดินเข้าห้องมาพร้อมกับคทาในมือข้างหนึ่ง, จมูกของเขาตั้งสูงอยู่บนใบหน้าและสายตาที่จ้องเขม็งดูน่าเกรงขาม.
“พวกเธอไม่ต้องบอกชั้นหรอก. ชั้นได้ยินทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว”