Chapter 40: เมอรี่คริสมาสต์! -4 (ส่วนที่ 2)
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง สายตาของฉันมองไปยังมือของมันที่กำลังจับไปที่บ้านหลังหนึ่ง รอยยิ้มที่น่าขยะแขยงของมันประดับอยู่บนแก้มของมัน
-ไอ้หนูเวร!
…เอ็งก็เป็นปีศาจตัวเหม็นเหมือนกันนั่นแหละ
ฉันรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเริ่มวิ่งอีกครั้งหนึ่ง
มันเหมือนว่าศัตรูค่อนข้างเซนซิทีฟต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ มันยังเหวี่ยงเพดานมาทางฉันทันทีที่ฉันพยายามที่จะภาวนา เพื่อที่จะรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการคาดเดานี้น่าจะเป็นเรื่องจริง
การสร้างกระสุนโดยการรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งนาทีและถ้าฉันต้องภาวนาอีกด้วย มันจำเป็นต้องใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีอีก
การพยายามโจมตีมันด้วยวิธีเช่นนี้มันคงจะมีผลลัพธ์ที่ทำให้ฉันคงถูกฆ่าไปแล้วละ
ฉันไม่มีทางเลือกมากสักเท่าไหร่ เมื่อมันถึงขั้นนี้แล้ว ฉันอาจจะต้องวิ่งหนีไปทั่วและถ่วงเวลาไว้จนกว่าจะมีคนมาช่วยฉัน...
ทันใดนั้นเอง เงายักษ์ก็ทาบลงมายังตัวฉัน
-ข้าจะเปลี่ยนแกให้กลายเป็นเถ้าฝุ่น!
แวมไพร์ลอยขึ้นกลางอากาศ มันอ้าแขนกว้างออกและหายใจเข้าลึกๆ
มัน...บินได้?
เดี๋ยวนะ ฉันพึ่งจะ…เห็นอะไรไปกัน? มันหายใจเข้า?
สีหน้าของฉันซีดขาวทันที ฉันไม่มีวิธีที่จะป้องกันมันได้เลย
-กลายเป็นอันเดทไปซะ!
ลมหายใจสีแดงที่คล้ายคลึงกับเปลวเพลิงได้พุ่งตรงออกมา ลมหายใจของมันปะทะเข้ากับซอยด้านหลังของฉัน มันทำให้ฉันไม่เหลือทางหนีอีกต่อไป
ทันใดนั้นเองมีใครบางคนพุ่งออกมาจากด้านหลังของฉัน
คนนั้นได้ผลักฉันลงโดยการกดไหล่ของฉันลง ก่อนที่จะก้าวมาที่เบื้องหน้าของฉัน ในขณะที่แบกโล่เหล็กใหญ่ยักษ์ ซึ่งมีขนาดไม่สมกับร่างกายที่ผอมเพรียวของเธอเลย
“...ชาร์ลอตต์?!”
สายตาของเธอนั้นดูน่ากลัวเหมือนกับงูพิษ
เธอวางเท้าลงบนพื้นอย่างมั่นคงมากเท่าที่เธอจะทำได้ การกระทำของเธอมันทำให้พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเธอจมลึกลงไป หลังจากที่เธอปักดาบลงบนพื้น มือทั้งสองข้างของเธอต่างกุมไปที่จับของโล่เพื่อที่จะจับให้ได้อย่างแน่นที่สุด แขนที่ผอมเพรียวของเธอนั้นมีเส้นเลือดหนาที่ปูดนูนขึ้น
“อ้ากกกก!”
กริลปรากฏตัวขึ้นจากซอยเดียวกัน ก่อนที่ฉันจะได้สังเกตเห็นเขา เขาก็รีบไปพยุงจับโล่พร้อมกันกับชาร์ลอตต์ เมื่อฉันเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ ฉันก็รีบไปสนับสนุนพวกเขาจากด้านหลังด้วยเช่นกัน
น้ำหนักของแรงกระแทกที่ส่งมาทำให้พวกเราต่างถอยกระเด็นออกไป ตั้งแต่ปลายนิ้วของพวกเรา ร่างกายของพวกเราต่างเริ่มเน่าเปื่อยขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
“อึ้ก อึ้ก…!”
ชาร์ลอตต์และกริลต่างปิดปากด้วยความเจ็บปวด
พวกเราไม่สามารถที่จะป้องกันการโจมตีอย่างนี้ได้ ฉันรู้สึกได้ว่าโล่นี้เริ่มที่จะหลอมละลายลงไปแล้วด้วยเช่นกัน
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว...!
ฉันเอื้อมมือไปจับโล่ “ใช้แรงทั้งหมดของพวกเจ้าและดันมันกลับไป!”
[พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกใช้งาน]
[อุปกรณ์ได้รับการเสริมพลังชั่วคราว]
สัญลักษณ์ที่เหมือนเส้นเลือดปรากฏขึ้นบนโล่ เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มที่จะไหลเวียนเข้าไปในพวกมัน
แค่เสริมพลัง? ไม่ไหว แค่นี้ไม่มากพอที่จะตัดมันได้ลง!
“โอ เทพีไกอา…!”
ชาร์ลอตต์ กริลและมือของฉันต่างเริ่มเน่าเปื่อย
“ได้โปรดส่งมอบพลังของท่านเพื่อปกป้องลูกแกะที่น่าสงสารเหล่านี้ด้วย…”
พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาและมันหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของพวกเราทั้งหมด เนื้อของพวกเรานั้นสลับไปมาระหว่างเน่าเปื่อยและฟื้นตัว
“ได้โปรดมอบความรักและความเมตตาและนำพาพวกเราไปสู่แสงสว่างด้วย”
พลังศักดิ์สิทธิ์ได้รวมตัวกันด้วยคำพูดเหล่านี้
ในอีกด้านหนึ่ง มันเหมือนกับว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของฉันต่างถูกใช้งานไปอย่างต่อเนื่อง
“ด้วยพลังของท่าน ได้โปรดมอบโล่ที่แข็งแกร่งมากพอที่จะต้านทานเหล่าอันเดทนี้ได้ด้วยเถิด”
โล่ยักษ์เริ่มที่จะมีรอยแตกขนาดใหญ่
“ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่าน อัลเลน ออโฟเซ่ ขออธิษฐานต่อท่าน!”
โล่นี้ได้แตกสลายไป แต่ในเวลาเดียวกัน โล่อีกเล่มหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้นโดยพลังศักดิ์สิทธิ์
พละกำลังทั้งสองฝั่ง – ทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังมาร – ปะทะเข้าใส่กันและกัน
แวมไพร์ที่มันยังคงปลดปล่อยลมหายใจแห่งความตายออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมันเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตาของมันโตขึ้นมากเรื่อยๆ
-ไม่นะ มันไม่ควรที่จะ…!!
เสียงระเบิดดังขึ้น
ตึกทุกตึกที่อยู่ใกล้เคียงต่างถูกผลักกระเด็นกลับ ก่อนที่จะระเบิดออกไปเป็นล้านๆชิ้น
ปากของแวมไพร์ที่ไว้ใช้พ่นลมหายใจแห่งความตายถูกฉีกกระชากโดยแรงระเบิดนั่น บาเรียพลังมารของมันแตกสลายลง และร่างกายใหญ่โตของมันกระแทกลงกับพื้นเบื้องล่าง
ซอยที่แคบลงได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างแทน
“...”
โล่ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องทั้งสามคนไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไป มันแตกสลายลง ในขณะที่สลายกลายเป็นละอองธุลีแสง
ฉันไม่เหลือพลังงานไว้พยุงขาอีกต่อไป ก่อนที่ฉันจะล้มลงไป ชาร์ลอตต์เปิดตาขึ้นอย่างเร่งรีบและพยุงตัวฉันไว้
“โอเคไหมคะ?”
แน่นอนว่าไม่ละ...
ในตอนนี้ฉันไม่เหลือพลังงานมากพอที่จะยืนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ไม่เพียงแค่นั้น มันเหมือนกับว่ากระดูกทั้งหมดของฉันมันถูกเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นด้วยเช่นกัน
ฉันเหลือบตามองไปยังด้านข้างของฉันและพบว่ากริลได้สลบลงบนพื้นไปแล้ว โอ้ ช่างน่าอิจฉาอะไรเช่นนี้ ฉันก็หวังว่าฉันจะสลบไปเหมือนกันนะ แต่ว่า...
-อ๊า....อ๊ากกกกก!!
...แต่เจ้าแวมไพร์นั่นยังคงมีชีวิตอยู่
ชิ้นส่วนต่างๆในร่างกายของมันโป่งพองเหมือนกับไฟที่กำลังเดือดระอุ มันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เผาไหม้อยู่ เจ้าแวมไพร์มันดิ้นไปมาบนพื้นอย่างสุดกำลัง
“น้ำศักดิ์สิทธิ์...”
ฉันเกือบจะเรียกขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์จากช่องเก็บไอเทมไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่ยังเรียกออกมาได้ ยังไงก็ตาม ฉันไม่มีพลังเหลือพอที่จะถือมันและทำมันตกลงบนพื้น ชาร์ลอตต์จึงได้หยิบขวดน้ำขึ้นมาจากพื้นและแตะมันลงไปบนริมฝีปากของฉัน
ฉันจึงได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงไปได้
ร่างกายของฉันได้ฟื้นตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง มันทำให้ฉันขยับตัวได้อีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตาม พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันยังมีอยู่นั้นได้หมดลงไปแล้ว
แม้ว่าฉันจะอธิษฐานอะไรไป ฉันก็ไม่สามารถที่จะใช้สกิลอะไรออกมาได้อีก ฉันมีความคิดที่จะวิ่งหนีออกไปจากที่แห่งนี้ก่อนที่เจ้าแวมไพร์จะฟื้นตัว
พูดตามตรงแล้ว ฉันต้องการให้ทหารปรากฏตัวขึ้นและช่วยเหลือพวกเรา ฉันหมายความว่า ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสังหารเจ้าแวมไพร์นั่น
“พวกเราถอยกันก่อนเถอะ ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราจะตกอยู่ในอันตรา…”
ฉันก้าวถอยหลังออกไป ในขณะที่พูดออกมา เท้าของฉันสัมผัสกับอะไรบางอย่าง
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่ถาโถมเข้ามาในหัวของฉัน ฉันจ้องไปที่ ‘หัวกะโหลก’ ที่กลิ้งอยู่บนพื้นด้านข้างฉัน มันเป็นหัวกะโหลกของแพะภูเขา มันเป็นสัตว์ที่เป็นตัวแทนของปีศาจ มันใหญ่มากพอที่จะสวมเป็นหมวกได้เลย
มันยังเป็นไอเทมที่เจ้าแวมไพร์นั่นสวมเป็นสร้อยคอด้วยเช่นกัน
แต่ทำไมมันถึงอยู่ที่นี่กันละ...? ไม่ใช่ว่ามันมาอยู่ที่นี่เพราะแรงระเบิดงั้นเหรอ?
ฉันรู้สึกแปลกประหลาดจากมัน แม้แต่ฉันยังบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่หัวกะโหลกธรรมดาทั่วไป
“มันเป็น...ไอเทมเวทมนตร์อะไรหรือเปล่า?”
ฉันได้ใช้ [เนตรจิต] กับพวกมัน ไอเทมธรรมดาทั่วไปจะไม่ส่งผลอะไรจากสกิลนี้ แต่ถ้ามันไอเทมเวทมนตร์กันละ?
[หัวกะโหลกราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อน
ความสามารถ : ขี้นอยู่กับความสามารถผู้ใช้ พลังมารจะถูกเสริมพลังขึ้นอย่างน้อย 20% จนถึง 200% นอกจากนี้แล้วยังมีความสามารถในการฟื้นพลัง 10% ความสามารถทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพลังมารจะได้เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 10%]
ฉันตกใจกับสิ่งที่ฉันเห็น
เจ้าสิ่งนี้มันเสริมพลังมารตั้งแต่ 20% ถึง 200% เลยงั้นเหรอ?! รวมทั้งการฟื้นตัวอีก 10% อีก? ไม่แค่นั้น สกิลทั้งหมดยังได้รับการพัฒนาขึ้นอีก 10% ด้วย?
นี่มันไอเทมระดับตำนานอะไรแบบนี้
เดี๋ยวนะ? พลังมาร? แปลว่าฉันใช้มันไม่ได้?
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันไม่รู้สึกถึงการปฏิเสธจากไอเทมชิ้นนี้ แม้ว่ามันจะใช้งานได้โดยพลังมารเพียงอย่างเดียวก็ตาม
ฉันผลักชาร์ลอตต์ออกไปอย่างระมัดระวัง ฉันหยิบหัวกะโหลกขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันเหลืออยู่นั้นน้อยยิ่งกว่าหางหนูเสียอีก แม้ว่าฉันจะใช้พลังทั้งหมดไป ฉันก็ยังใช้สกิลสักสกิลไม่ได้เลย
ฉันกลับใช้งาน [ออร่าศักดิ์สิทธิ์] และเสริมพลังหัวกะโหลกเอม่อนแทน
[อุปกรณ์ได้รับการเสริมพลังชั่วคราว]
[หัวกะโหลกเนโครแมนเซอร์เอม่อนได้รับการเสริมพลังชั่วคราว
ความสามารถ : : ขี้นอยู่กับความสามารถผู้ใช้ พลังมารจะถูกเสริมพลังขึ้นอย่างน้อย 40% จนถึง 400% นอกจากนี้แล้วยังมีความสามารถในการฟื้นพลัง 20% ความสามารถทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพลังมารจะได้เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 15% สามารถที่จะอัญเชิญ วิญญาณคนตายสวมเกราะได้อีกด้วย]
ฉันอุทานออกมา
ฉันเริ่มที่จะลูบไปที่หัวกะโหลกของราชาเนโครแมนเซอร์ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะ [ออร่าศักดิ์สิทธิ์] ฉันถึงรู้สึกว่าฉันรู้วิธีใช้ไอเทมนี้ด้วยเช่นกัน
มันเหมือนกับต้องใช้ ‘โค้ดใช้งาน’ สำหรับเจ้าสิ่งนี้
ร่างกายของฉันขยับเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ เมื่อฉันยกหัวกะโหลกแพะภูเขาไว้บนหัวของฉันเอง ฉันก้มตัวเล็กน้อย
“ข้าคือกองทัพ” ฉันพูดไปพร้อมกับสายตาที่ยังคงจดจ้องไปที่เคานต์แวมไพร์ ซึ่งมันกำลังลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคง “…และข้าคือผู้สืบทอดของไกอา”