Chapter 39: เมอรี่คริสมาสต์! -4 (ส่วนที่ 1)
**
เลือดและเนื้อสาดกระจายไปทั่วทุกแห่ง อุปกรณ์ทำนาต่างถูกใช้งานในการฟันใส่ศพเคลื่อนที่
ชาร์ลอตต์และกริลต่างเข้าร่วมการต่อสู้ใกล้กับกำแพงด้านนอกร่วมกับชาวบ้านคนอื่น
กลุ่มของทหารและนักโทษต่างติดพันการต่อสู้กันกับอันเดท ยังไงก็ตาม ไม่มีใครสักคนที่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว อารมณ์ของพวกเขาที่พลิกผันไปมานั้นถูกควบคุมด้วยบรรยากาศนี้ ซึ่งมันก็มากพอที่จะขับไล่ความหวาดกลัวออกไปจากหัวใจของพวกเขาแล้ว
หลังจากที่หยิบอุปกรณ์ทำนาร่วมกับชาวบ้านคนอื่น พวกเขาก็เริ่มที่จะฟันใส่พวกอันเดทที่ผ่านแนวป้องกันของทหารมาได้
“ไอ้เวร! ไอ้เวร! ไอ้เวร!!”
หลังจากที่ฟันเหล่าอันเดทจนตาย กริลเหวี่ยงอุปกรณ์ทำนาใส่ฝูงซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาหาเขา
“ฮ่าๆ! ฮ่าๆๆ!”
เขายังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ทหารตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะได้รับชัยชนะท่ามกลางการต่อสู้ กริลได้รับผลกระทบมาจากบรรยากาศแห่งนี้และได้ลืมเกี่ยวกับความน่ากลัวทั้งหมดของอันเดทไป
ในช่วงเวลาที่เธอขนส่งอุปกรณ์หลายต่อหลายอย่าง ชาร์ลอตต์ได้เหลือบตามองไปที่รถเกวียนซึ่งเต็มไปด้วยโล่โลหะและดาบ ก่อนที่เธอจะหยิบออกมาสักอย่างหนึ่ง กริลก็เรียกเธอ
“ชาร์ลอตต์! มันอันตรายนะ อยู่ด้านหลังฉันไว้! ฉันจะปกป้องเธอเอง!”
หลังจากที่เขารับเธอมาเป็นลูกสาวบุญธรรมแล้ว กริลก็ได้คอยดูแลปกป้องเธอไว้เป็นอย่างดี มันไม่เพียงแค่ความรู้สึกการรับผิดชอบที่เขามี แต่มันเป็นเพราะว่าเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนกับลูกสาวที่แท้จริง
ชาร์ลอตต์ยิ้มเจื่อนๆให้กับเขา
วิธีที่กริลสู้กับฝูงซอมบี้ดูมือใหม่อย่างมาก เธอภาวนาว่าเขาจะไม่ฝืนร่างกายจนทำให้ตัวเองมากเกินไป จนบาดเจ็บกับการ ‘ปกป้อง’ เธอแบบนั้น
“มันเป็นแวมไพร์...!”
“ปกป้องเจ้าชายไว้!”
ชาร์ลอตต์มีปฏิกิริยาทันทีที่เธอได้ยินคำว่า ‘เจ้าชาย’ สายตาของเธอรีบหันไปมองระยะไกลและเห็นยักษ์เข้ามาทางกำแพงที่พังลง ในขณะที่มันกำจัดทหารที่ต่อสู้กับมันไปตลอดทาง
ร่างกายอันบึกบึนของมันนั้นสูงกว่าสามเมตร มันปลดปล่อยพลังมารออกมาจากมือของมันและการใช้มันทำให้สัตว์ประหลาดสามารถพุ่งผ่านกองทหารไปได้
-แกซ่อนตัวอยู่ตรงนี้เองสินะ ไอ้นักบวชเวรนี่! ข้าจะทำให้แกชดใช้ถึงความอับอายที่ข้าได้รับ!
แวมไพร์คำรามออกมา ในขณะที่มองไปที่ใครบางคน สีหน้าของมันบิดเบี้ยวจากความโกรธแค้นของมัน ด้วยส่วนสูงของมันทำให้มันสามารถมองเห็นที่อยู่ของ ‘เจ้าชาย’ ได้
“ไอ้แวมไพร์...!!”
เสียงของชายคนหนึ่งดังออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
พาลาดินฮาร์แมนยืนอยู่ด้านหน้าแวมไพร์และสู้กับมัน ดาบที่ปกคลุมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาปะทะเข้ากับมือที่ปกคลุมไปด้วยพลังมารสีแดงเลือด
ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะเข้าหากัน จนเกิดแรงระเบิดดังก้อง
ฮาร์แมนลอยกระเด็นออกไปจากแรกกระแทกและชนเข้ากับกำแพงด้านนอก เขาโอดครวญมาอย่างเจ็บปวด แต่ดวงตาของเขาไม่เคยละไปจากแวมไพร์ เขากัดฟันและพยายามโจมตีต่อ
ดาบของเขาที่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ตัดผ่านเนื้อส่วนหนึ่งของแวมไพร์ เจ้าสัตว์ประหลาดมันโซเซไปมาอย่างไม่มั่นคง ก่อนที่จะจ้องไปยังฮาร์แมน
-ไอ้พวกเวร....! พวกแกทำอะไรอยู่กัน?! จัดการไอ้แมลงวันตัวนี้ได้แล้ว!
เสียงตะโกนของแวมไพร์มันทำให้เหล่าดูลลาฮานนับสิบตัวแหวกตัวผ่านกองทหารและปรากฏขึ้นใกล้กันกับราชาตัวต่อไปในอนาคตของพวกมัน
อัศวินไร้หัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากหอก ดาบและธนูโจมตีเข้าใส่และพัวพันกับฮาร์แมน เขารีบหันไปมองรอบข้างและตะโกนกลับมา “วิสเคานต์เจนาล!”
เจนาลที่กำลังต่อสู้อยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ได้ยินเสียงเรียกของพาลาดิน เขารีบหันกลับไปมองด้วยร่างกายอันเหนื่อยล้าของเขา
“ฝ่าบาทกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
มีเพียงแค่ตอนนี้ที่วิสเคานต์สัมผัสได้ถึงความเร่งรีบของสถานการ์และเขาก็มองสถานการณ์โดยรวมด้วยเช่นกัน แวมไพร์ได้เล็งใครบางคนไว้อย่างชัดเจน เนื่องจากมันทะลุผ่านกองทัพไป
“เหล่าอัศวิน ข้าฝากฝังพวกเจ้าให้ไปปกป้องเจ้าชายด้วย!”
เสียงตะโกนของเจ้าเมืองทำให้เหล่าอัศวินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างรีบสะบัดอันเดทที่ต่อสู้อยู่ออกไปและรีบพุ่งเข้าใส่แวมไพร์ ยังไงก็ตาม...
-เจ้าแมลงชั้นต่ำกล้าดียังไง...!
เคานต์แวมไพร์หายใจเข้าลึกๆ คอและแก้มของมันป่องขึ้นเหมือนกับกบ
พลังมารสีแดงมองเห็นผ่านหนังที่หนาของมันก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะพ่นลมออกมา ลมหายใจแห่งความตายได้ปกคลุมอัศวิน ทหาร และนักโทษที่อยู่ด้านล่างของพวกมัน
-ฟุโอววววว…!
ร่างกายของพวกเขาต่างเน่าเปื่อยทันที แต่ยังไงก็ตาม คนตายก็ลุกขึ้นกลับมาเป็นอันเดทและโหยหวนออกมาเสียงดัง
เคานต์แวมไพร์มองภาพรวมทั้งหมดก่อนที่จะหัวเราะดังก้อง ในขณะที่จับไปที่ท้องของตัวเอง
มีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้นที่เหลืออยู่กับสิ่งที่ขวางทางมัน ไม่กลายเป็นก้อนเนื้อบดก็จะกลายเป็นอันเดทที่จะรับใช้มันต่อไป
เพียงแค่แวมไพร์กำลังมีความสุขกับการได้สิ่งมีชีวิตมาเพิ่มเติม กระสุนที่บรรจุด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งเข้าใส่มัน บาเรียที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังมารแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
รอยยิ้มของแวมไพร์หายไปในทันที มันนึกถึงบาดแผลที่น่าหวาดกลัวของมันที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน มันรีบหันกลับไปมองยังทิศที่กระสุนถูกยิงออกมา
-....ไอ้เวร!
นักบวชคนหนึ่งแบกปืนคาบศิลากำลังวิ่งหนีเข้าไปด้านในของปราสาท เหมือนกับการปกป้องเขา กลุ่มอัศวินได้ตั้งรูปแบบล้อมรอบแวมไพร์ไว้
พวกเขาต่างแบกโล่โลหะขนาดใหญ่อยู่บนพื้นและยกหอกของพวกเขาขึ้น
“นี่คือจุดที่แกมาได้ไกลที่สุดแล้วละ เจ้าแวมไพร์!”
-ไอ้พวกคนโง่เขลา!
เคานต์แวมไพร์รีบขยับตัวอย่างรวดเร็ว
มันไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกแมลงวี่แมลงวันเหล่านี้เลย ยังไงก็ตาม เจ้านักบวชนั่นเป็นอีกเรื่องนึง เจ้ามนุษย์นั้นมีความสามารถในการยิงกระสุนพลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถที่จะทำลายบาเรียป้องกันที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังมารไว้ได้
การปล่อยเจ้านั่นไว้เป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป!
แวมไพร์ก้าวเดินไปด้านหน้า มันกระทืบใส่อัศวินที่ขวางทางมันอยู่และมันก็เริ่มวิ่งเข้าหาเจ้าชาย
ชาร์ลอตต์ที่ดูสถานการณ์นี้อยู่จากระยะไกลกัดฟันแน่น
เจ้าชายกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอยกโล่และดาบขึ้นมาอย่างไม่ลังเลใจ
“ชาร์ลอตต์??”
เมื่อกริลเห็นเธอวิ่งเข้าไปในซอย เขารีบกวาดตามองระหว่างเธอและด้านนอกกำแพง ก่อนที่เขาจะวิ่งไล่ตามเธอไปพร้อมกับกำอุปกรณ์ทำนาไว้แน่น
**
(มุมมองอัลเลน)
“ฝ่าบาท ท่านจำเป็นต้องหนีไป!”
อัศวินตะโกนออกมา เมื่อพวกเขายืนอยู่เบื้องหน้าแวมไพร์
สัตว์ประหลาดตัวบึกบึนยังคงไล่ตามฉันมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
แม่งเอ้ย โคตรน่ากลัวเลย!
ฉันยกปืนคาบศิลาไว้บนไหล่และรีบวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของปราสาท แต่ฉันยังคงไม่ลืมหันกลับไปมองด้านหลังของฉันต่ออยู่ดี
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งและอัศวินก็ลอยขึ้นกลางอากาศ พวกมันต่างถูกบดขยี้ลงภายใต้ฝ่าเท้าของแวมไพร์และศีรษะของพวกเขาต่างถูกกระชากออก หลังจากที่ถูกกุมไว้ด้วยมือยักษ์ นั่น
อัศวินที่ตายแล้วที่ยังมีหัวอยู่ต่างลุกขึ้นยืนกลับมาเป็นแวมไพร์และพวกมันต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวที่หลุดออกมาจากหนังผียังไงยังงั้น
“ชะตาของฉันจะกลายเป็นแบบนั้นสินะ ถ้าฉันถูกจับได้…”
การวิ่งด้วยร่างกายที่ใหญ่โตแบบนั้นมันไม่มากเกินไปงั้นเหรอ? ถ้าฉันโฟกัสกับการเคลื่อนที่ผ่านช่องแคบ ฉันก็สามารถที่จะหลบหนีเจ้าบ้านั่นได้
ไม่เพียงแค่นั้น การจัดการอันเดทนับหมื่นตัวน่าจะกลายเป็นงานที่ง่ายกว่ามากในการล่อให้เจ้าแวมไพร์นั้นออกมาจากกำแพงที่พังลง ตราบเท่าที่ฉันล่อผู้บังคับบัญชาของพวกมันออกไปได้ ฝั่งของพวกเราคงจะได้รับชัยชนะ
หลังจากที่เข้าไปด้านในซอยแคบนั่น ฉันก็หันกลับไปมองด้านหลังของฉัน
“...ไอ้เวรเอ้ย!”
เคานต์แวมไพร์ยังคงไล่ตามฉันมาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทำลายบ้านแต่ละหลังไป ร่างกายที่บึกบึนของมันเหมือนกับกระทิงที่ขวิดทุกอย่างที่ขวางทาง เพื่อที่จะเข้ามาใกล้เขาให้ได้มากที่สุด
ฉันคิดว่าเจ้าเวรนี่คงจะไม่เร็วเท่าไหร่ แต่มันกลับร่นระยะทางของฉันได้ด้วยการก้าวเท้าที่ยาวของมัน
เลือดนั้นเลอะไปทุกส่วนบนร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมัน มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูน่าหวาดกลัวอย่างมาก
“ท่านเทพีไกอา ได้โปรดมอบความแข็งแกร่งในการเจาะทะลุ…”
ฉันยกปืนคาบศิลาขึ้นมาใกล้ปากของฉันก่อนที่จะพ่นลมหายใจเข้าไปข้างในมัน ในขณะที่กำลังภาวนาไปด้วย แต่ทันใดนั้นเองแผ่นหลังของเขารู้สึกเย็นยะเยียบอย่างมาก ฉันหันกลับไปและเห็นเพดานของบ้านกำลังลอยมาทางฉัน
“เห้ย แม่ง...”
ฉันกระโดดเข้าไปที่แยกด้านข้างของฉัน
จุดที่ฉันยืนอยู่ก่อนหน้านี้ได้ถูกทำลายไปโดยเพดานที่ร่วงลง ทางเข้าของทางแยกนั้นถูกปิดไว้โดยเศษซากปรักหักพัง