Chapter 26: ท่านรู้ไหมว่าสาวงามนั้นเป็นสิ่งอันตราย
เฉินเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำกับสิ่งที่เขาเห็นด้านหน้าเขา เขากลับส่งอู๋เว่ยกระเด็นออกเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยการเตะของเขาแทน
คนจากตระกูลจางได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกอย่างชัดเจน พวกเขายังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเขาพึ่งจะตั้งสติได้ก็ตอนที่อู๋เว่ยกระเด็นเข้ามาล้มลงต่อหน้าพวกเขา
“ท่านลุง! ข้าถูกฝืนใจโดยพวกเขา! ท่านต้องเชื่อข้านะ!”
อู๋เว่ยล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง แต่สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเขามันทำให้เขาคลานไปเกาะขาของจางเต๋อ
จางเต๋อขู่ออกมา แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
อู๋เว่ยไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเกาะขาของจางจีแทน
“จางจี เจ้าจำได้ไหมถึงช่วงเวลาที่พวกเราเล่นกันตอนยังเด็ก? ได้โปรดยกโทษให้ข้าในครั้งนี้ด้วย! เมื่อการคัดตัวครั้งหน้ามาถึง ข้าจะไปเข้าร่วมกับกองทัพและกลายเป็นคนดี!”
ถึงแม้ว่าจางจีจะไม่ใช่คนฉลาดอะไร เขาก็ยังเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด เมื่อเขาฟังคำพูดของอู๋เว่ยเสร็จ ดวงตาของเขาไม่ได้มีความสงสารอยู่เลย ด้านในนั้นมีแต่เพียงความน่ารังเกียจเท่านั้น
ชั่วครู่ต่อมา เฉินเฉินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับคนที่เขาลากมาด้วย มันคือหัวหน้าคนรับใช้ของตระกูลเจาซึ่งถูกจับมาก่อนหน้านี้
“ตาแก่เจา คนของเจ้าได้บังคับให้อู๋เว่ยทรยศตระกูลจางหรือเปล่า?” เฉินเฉินถามอย่างสบายๆ ก่อนที่จะหาที่ไปนั่ง
หัวหน้าคนรับใช้เจาหวาดกลัวกับภาพที่เกิดขึ้น เขาส่ายหัวและตอบกลับ “ไม่ครับ ไม่มีทางแน่นอน หัวหน้าของพวกเราไม่เชื่อเจ้าเด็กนี่ตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ มันเป็นเจ้าเด็กนี่เองแหละที่ได้เปิดเผยตำแหน่งของนายน้อยจางก่อน พวกเราจึงได้ส่งคนออกไปตรวจสอบดูและพวกเราก็พบกับนายน้อยจางจริงๆ มีเพียงแค่หลังจากนั้นที่หัวหน้าของพวกเราถึงได้เชื่อเขา”
เมื่อได้ยินมัน อู๋เว่ยตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหัวหน้าคนรับใช้เจาที่เป็นคนจัดการดูแลเกี่ยวกับเขาจะถูกจับและถูกลากเข้ามาด้านในบ้านจาง
“เจ้า....เจ้าสร้างเรื่องต่ำทรามให้กับข้า! สิ่งที่เจ้าพูดมามันเป็นเรื่องโกหก!”
หัวหน้าคนรับใช้เจาไม่ได้สนใจกับคำปฏิเสธของอู๋เว่ย เขาพูดต่อ “เช้าวันนี้ เขาได้แจ้งพวกเราว่านายน้อยเจาได้มุ่งตรงไปยังหมู่บ้านรอบข้างเพื่อขอความช่วยเหลือ....เขาได้ขอร้องพวกเราให้หยุดเขาไว้และสังหารนายน้อยจางทิ้ง เขายังขอยาชาจากพวกเราอีกด้วย”
จางจีไม่สามารถที่จะทนฟังต่อได้ เขาปิดตาและมันมีแต่ความเสียใจปรากฏอยู่บนใบหน้า
ใครก็ตามก็สามารถที่จะจินตนาการได้ถึงความรู้สึกที่ถูกทรยศโดยญาติสนิทได้เลย
“เจ้าต้องการให้ข้าจัดการให้เจ้าไหม?” เฉินเฉินถาม
“ไม่จำเป็นครับ!” จางจียืนยันหนักแน่น
ในขณะที่จับเขาไว้ เฉินเฉินได้จัดการยาชาที่เขาดื่มไปทั้งหมดโดยพลังปราณจนเขากลับมาฟื้นตัวเต็มกำลังได้
จางจีมองไปที่อู๋เว่ยและชักดาบออกมา
“จางจี ไว้ชีวิตข้าด้วย!”
…
เฉินเฉินได้ถอนตัวเองออกจากปัญหาในครอบครัวของตระกูลจางและได้พาหัวหน้าคนรับใช้เจาออกมาด้านนอก เมื่อเขาเดินออกไปเขาก็สั่ง “บอกเหตุผลมาสิว่าทำไมข้าจะต้องไม่ฆ่าเจ้าทิ้งไป”
“ท่านเซียน! ข้ารู้ถึงสถานที่เก็บสมบัติของเจาเบียว! ข้าสามารถพาท่านไปที่นั่นได้ครับ!” หัวหน้าคนรับใช้เจาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เขาได้เตรียมคำพูดเอาชีวิตรอดไว้ในขณะที่ถูกจับกุมโดยพวกจาง ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“นอกจากเงินและสมบัติแล้ว มันยังมีของล้ำค่าของเจาเบียวอยู่อีก เขาได้ปล้นมันมาจากตระกูลที่ร่ำรวยตอนที่พวกเขาลักพาตัว! สำหรับการลักพาตัวในครั้งนั้น เพื่อสมบัติล้ำค่านี้ พวกเราเสียคนไปถึงร้อยคน!
“หลังจากนั้นเจาเบียวก็ได้มาซ่อนตัวในมณฑลเสฉวนและได้แสดงของที่เขาเก็บมาให้กับเจ้าเมือง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงหนีมันมาได้”
เมื่อฟังเรื่องราวนี้ เฉินเฉินก็ดูมีท่าทีสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
ถ้าเขาจะไปหาสมบัติแล้ว เขาจะพาคนที่มาพร้อมกับโชคอย่างจางจีไปด้วย พร้อมกับการไปกับเขาแล้ว เรื่องที่น่าประหลาดใจจะเกิดขึ้นไปทั่ว แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่แรกก็ตาม
...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ปัญหาภายในของตระกูลจางก็จบลง อู๋เว่ยถูกฟันตายโดยดาบและยามทั้งหมดต่างถูกเรียกกลับมา
หลังจากเกิดเรื่องที่เกิดขึ้น ยามของพวกเขาต่างจงรักภักดีกันมากกว่าเดิม
จางเต๋อรู้สึกขอบคุณอย่างมากกับเฉินเฉิน ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของจางจีที่ให้จางเสี่ยวหยาแต่งงานกับเฉินเฉิน แต่ในตอนนี้เขาเริ่มคิดจริงจังแล้ว
คนที่พวกเขาพูดถึงอยู่นั้นคือเซียนเลยนะ!
ถ้าลูกสาวของเขาแต่งงานไปแล้วได้รับผลประโยชน์จากพลังปราณแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวของเขา เขาก็อายเล็กน้อยและพูดออกมา “เอ่อ ลูกสาวของข้า เสี่ยวหยาได้ถึงวัยที่เหมาะสมที่จะแต่งงานแล้ว...”
ก่อนที่จะพูดจบ เสียงตะโกนก็ดังขึ้นจากห้องนั่งเล่น
“ไม่มีทาง!”
มันเป็นคำพูดเดียวกับก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้มันเป็นจางจีที่เป็นคนพูด เขามีใบหน้าที่จริงจังและดูตึงเครียดอย่างมาก
จางเต๋อไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เขาเป็นคนที่บอกเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานกับน้องสาวของเขา แต่มันกลับเป็นเขาเองที่บอกว่าไม่นี่นะ เขาต้องการอะไรกันแน่? ล้อเล่นงั้นเหรอ?
พร้อมกับสายตาของจางเต๋อที่จ้องเขม็งไปที่จางจี เขายืนขึ้นและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมและขอบคุณต่อเฉินเฉิน
“ในตอนแรก ข้าต้องการให้เขาแต่งงานกับน้องสาวข้าจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว”
“มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่จะพูดถึงความยอดเยี่ยมของพี่เฉิน และไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของพี่เฉินเลย ในอนาคต ข้ามั่นใจว่าเขาจะอาศัยอยู่ในโลกนี้อย่างยาวนาน ในทางกลับกัน น้องสาวของข้าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป มนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่มีอายุขัยสั้นแบบนั้นจะอยู่ข้างกายพี่เฉินไปตลอดไปได้ยังไงกัน?
“ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ข้าครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน ข้าคิดว่ามันคงจะแย่สำหรับพี่เฉินถ้าพวกเราให้น้องสาวของข้าแต่งงานกับเขา”
“ข้าคงไม่ประหลาดใจอะไรถ้าคนแบบพี่เฉินแต่งงานกับเซียนที่มาจากสรวงสวรรค์เลย!”
ตาของเฉินเฉินอดจะกระตุกไม่ได้กับคำเยินยอของจางจี ถ้ามันเป็นคนอื่นที่เยินยอเขาแล้ว เขาคงไม่ได้คิดจริงจัง คงคิดแค่ว่าพวกเขาคงพูดยกยอไปแค่นั้น แต่จางจีนั้นพูดออกมาส่วนลึกของจิตใจ มันทำให้เขารู้สึกแปลก
เมื่อมองไปที่จางเสี่ยวหยาที่ดูผิดหวังและเศร้าสร้อยแล้ว เฉินเฉินก็นึกถึงเอ้อหยาที่เป็นเพื่อนร่วมบ้านของเขาแล้ว เฉินเฉินคิดว่ามันคงจะไม่แย่อะไร ถ้าเขาแต่งงานกับจางเสี่ยวหยา
อย่างน้อยพ่อแม่เขาคงจะดีใจ
“ในความเป็นจริง...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จางจีก็พูดขัดขึ้น
“พี่เฉิน ท่านไม่ต้องสนใจความรู้สึกของน้องสาวข้าหรอก มันคงจะดีกว่าที่จะทำให้เธอตระหนักได้ถึงความจริงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”
“ชาย ท่านนี่มันนิสัยเสียจริง!” จางเสี่ยวหยาที่นั่งเงียบอยู่ตลอดอดที่จะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้ เธอกระทืบพื้นอย่างโกรธเคืองก่อนจะวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอน
“ลูกจี ลูกพูดแบบนี้กับน้องสาวตัวเองได้ยังไง?” แม่ของจางจีบ่นออกมา ดวงตาของเธอนั้นมีหยาดน้ำตาเหมือนกัน
เมื่อเฉินเฉินมองเสี่ยวหยาที่วิ่งหนีไป เขารู้สึกผิดเช่นกัน เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงเบาๆ “น้องชาย มันไม่เป็นไรหรอก ข้ายินดีรับมันไว้...มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย!”
เมื่อได้ยินมัน จางจีถอนหายใจเบาๆออกมา พร้อมกับสีหน้าที่ผิดหวัง “พี่เฉิน ท่านไม่ได้ตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของตัวท่านเลย การแต่งงานทุกครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน มันไม่ได้เป็นแค่การพูดปากเปล่า ทุกอย่างมันต่างมีเหตุมีผลของมัน”
เฉินเฉินพูดไม่ออก
เจ้าจางจีนี่ถูกเขาหลอกจนกลายเป็นแฟนคลับตัวจริงของเขาแล้ว
ยังไงก็ตาม จางจีไม่ได้สังเกตเห็นถึงลักษณะนิสัยของเขาที่เปลี่ยนไป เขามองไปที่ห้องนอนที่น้องสาวเขาวิ่งหนีไปก่อนที่จะพูดขึ้น “พี่เฉิน ท่านเคยได้ยินไหมว่าสาวงามนั้นเป็นสิ่งอันตราย”
เฉินเฉินพยักหน้า แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับเขา หรือว่าจางจีกลัวว่าน้องสาวของตัวเองจะทำให้เขาได้รับอันตรายกัน?
มันไม่ได้จริงจังใช่ไหม?
จางจีกลับหันไปตบไหล่เขาอย่างไม่คาดคิด พร้อมกับสีหน้าที่จริงจัง เขาพูดขึ้น “พี่เฉิน ด้วยพรสวรรค์ของพี่แล้ว เมื่อพี่ก้าวเข้าไปสู่โลกของการฝึกตน สาวงามที่ยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วนจะรอพี่ไว้ พวกเธอทุกคนจะตกสู่ในกำมือของเธอ”
“มันอาจจะมีปีศาจร้ายที่มีเจตนาชั่วอยู่ท่ามกลางพวกเธอ”
“แล้วพวกเธอจะยอมให้หญิงสาวธรรมดาทั่วไปอย่างน้องสาวของข้ายึดครองท่านไว้ยังไงกัน? ท่านเฉิน?”
“เมื่อพวกเธอมีแผนชั่วร้ายแล้ว ชีวิตของน้องสาวข้าจะตกสู่อันตราย! ดังนั้น พี่เฉิน ได้โปรดท่านทำความเข้าใจด้วย!”
เฉินเฉินนวดหูตัวเอง เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิด
สิ่งที่จางจีพูดว่าสาวงามมันเป็นเรื่องอันตราย มันเป็นการพูดเกินจริงใช่ไหม?
ยังไงก็ตาม จางจีไม่ได้มองไปที่เขา แต่มองไปที่ฟากฟ้าแทน เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้ามีความรู้สึกว่ามันจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ในโลกฝึกตนแห่งนี้...”
เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินแทบสำลักออกมา