ตอนที่แล้วตอนที่ 51 ยัดเข้าไปในลำคอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 53 ขาหมูป่า

ตอนที่ 52 เออิโระ


ตอนที่ 52 เออิโระ

ในขณะที่อิมพ์จ้องไปที่ร่างของของลอร์ดที่กำลังทรุดลง การแจ้งเตือนจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น

[สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับเจ้าแห่งความปรารถนา]

[คุณเลเวลขึ้น!]

[คุณเลเวลขึ้น!]

...

...

...

[คุณเลเวลขึ้น!]

[คุณมีแต้มเตตัสที่ยังไม่ได้ใช้ 28 คะแนน   ]

[คุณได้สังหารหนึ่งในอสูรทดลองของ [The Devil]]

[[The Devil] ไม่ถูกใจสิ่งนี้]

อิมพ์ค่อยๆหันกลับมาและมองไปที่กลุ่มอสูร ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังไม่ตาย แต่พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บและยังไม่ฟื้นตัวจากความเสียหายที่ได้รับพวกมันจึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้

ดังนั้นอิมพ์จึงแหวกพวกมันทุกตัวออกและดึงร่างของอาร์คออกมาก่อนจะคว้าแขนของเด็กหนุ่มเพื่อลากเขาออกไป   แน่นอนสิ่งแรกที่อิมพ์ทำคือใช้ผ้าสีขาวให้อาร์คปกปิดตัวเองจากนั้นเขาก็รีบถูเลือดบนร่างของเขาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะใส่เสื้อผ้ากลับเข้าไป เขาไม่ต้องการให้เลือดที่น่ารังเกียจของลอร์ดติดตัวเขาขณะที่เขาไปหาเด็กๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาถอดเสื้อก่อนจะเข้าไปลงมือ

หลังจากที่พวกเขาเตรียมทุกอย่างที่ต้องการเสร็จแล้วอิมพ์ก็ดึงมือของอาร์คไปก่อนที่จะเข้าไปยังตรอกข้างๆและมุ่งหน้าไปยังถนนสายใหญ่ที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็วในขณะที่ปราสาทด้านหลังเริ่มพังลงอย่างช้าๆ

เมื่อมาถึงจุดนี้หอคอยของลอร์ดแห่งความโลภก็ได้พังทลายลงสู่เมืองด้านล่างอย่างจังและจากสิ่งที่อิมพ์สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลหอคอยของลอร์ดแห่งความหยิ่งทนงและความอิจฉาก็เริ่มถล่มลงมาเช่นกัน เมืองของลอร์ดแห่งความตะกละดูเหมือนยังอยู่ดีเมื่อเทียบกับเมืองรึของคนอื่น แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่แตกต่างกันเกิดขึ้นอยู่ที่นั่น ส่วนปราสาทของลอร์ดแห่งความโกรธนั้นมีชิ้นส่วนบางที่ขาดหายไปแต่มันก็ยังไม่เป็นไร

และด้วยเหตุผลบางอย่างภาพของความโกลาหลรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ที่ดูไร้ความปรานีกลับเติมเต็มความสุขให้กับเขาและเด็กๆเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้อิมพ์สามารถพาอาร์คไปยังเมืองมนุษย์ที่อยู่ไกลออกไปต่อไปได้ง่ายขึ้น

อสูรส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขาดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองรอบๆ ตัวพวกมันนั้นยังคงทำทุกอย่างเหมือนกับที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ อิมพ์สวมสีหน้าดุร้ายใส่พวกมันและพาเด็กชายเดินต่อไปจนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูและก้าวผ่านเข้าไปในเมืองมาและไปด้วยกันกับเด็กผู้ชายก่อนที่พวกเขาจะทำในที่สุด ไปถึงประตูเมืองและก้าวผ่านพวกเขาไป

ดูเหมือนว่ามนุษย์จำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นี่จะออกมาบนถนนอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงดังที่เกิดขึ้นจากความโกลาหลรอบๆเมืองและพวกเขาก็จ้องไปที่อิมพ์ด้วยความแปลกใจในขณะที่เขาเดินอยู่บนถนนพร้อมกับเด็กที่กำลังร้องไห้

จากนั้นผู้คุมตัวอ้วนที่ดูขี้เกียจซึ่งปล่อยให้รถม้าพวกเขาผ่านเข้ามาในเมืองมาก่อนหน้าก็เข้ามาหยุดอิมพ์ไว้ ไม่ต้องพูดถึงชุดคลุมเปรอะอาหารที่เขาสวมอยู่ ตอนนี้สีหน้าของเขาดูเหนื่อล้าและหวาดกลัวขณะที่เขาคุกเข่าลงต่อหน้าอิมพ์

"กะ - เกิดอะไรขึ้น! ข้าคิดว่าตราบใดที่เราอยู่เคียงข้างกัน พวกเราทุกคนก็จะยังที่นี่อยู่ที่นี่  ! เจ้ารู้ไหมว่ามีกี่คนที่เราเสียสละเพื่อ เจ้า-" ผู้คุมอุทานออกมา แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบอิมพ์ก็ใช้กริชจ่อไปที่หน้าอกของเขา

"โอ้ เจ้าเป็นคนทำให้ลอร์ดปรากฏตัวขึ้นจริงๆสินะ  ?" อิมพ์ถามและชายหนุ่มร่างผอมที่มีอาการประหม่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากผู้คุมอ้วนก็วิ่งเข้ามาทันที

"จะ -เจ้าจะทำอะไรน่ะ?!" เขาร้องอุทานและอิมพ์ก็ค่อยๆดันกริชลึกเข้าไปในหัวใจของผู้คุมอ้วน

"นั่นเองก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากรู้เหมือนกัน เพราะข้าเกือบจะสูญเสียเด็กๆไปแล้ว อีกทั้งข้ายังสูญเสียนิ้วและเกือบตายอีกตั้งหลายรอบ ที่ข้าต้องเจออะไรแบบนี้ก็เพื่อแลกกับความสุขของพวกเจ้าเนี่ยนะ  ?" ในขณะที่อิมพ์ถาม เขาดึงกริชออกจากอกของผู้คุมอ้วนและผลักมันเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอีกครั้ง

[สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับเอริคเคิร์กส์]

ตอนนี้เองร่างกายของผู้คุมอ้วนก็ทรุดลงกับพื้นอยู่ข้างๆอิมพ์ ส่วนยามหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลก็จ้องมาที่เขาด้วยความกลัว

"อะไรกัน … ออกไปเถอะได้โปรด! อย่าทำร้ายเราเลย เจ้าฆ่าเขาก็น่าจะพอแล้วใช่ไหมหละ?" ชายหนุ่มถามขณะเข่าของเขาสั่นอย่างรุนแรง เขาพยายามรับมือกับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นอยู่

“ก็ได้” อิมพ์กล่าวด้วยรอยยิ้มและก้าวผ่านยามไปพร้อมกับอาร์ค จากนั้นยามก็ค่อยๆสงบลงขณะที่มองไปยังอิมพ์ที่กำลังสบสน ตอนนี้อสูรหนุ่มกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมี   'ดวงจันทร์' สีแดงเข้มอยู่ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันเกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว

ดังนั้นอิมพ์จึงรีบพาเด็กหนุ่มไปที่โรงเตี๊ยมในขณะที่ทุกคนในเมืองก้าวออกมาข้างนอกทันทีที่เห็นเขา เพียงไม่กี่นาทีต่อมาอิมพ์ก็ผลักประตูโรงเตี๊ยมให้เปิดออกและก้าวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พบกับเด็กๆที่รวมกันอยู่ระหว่างเตียงสองเตียง

"เรากลับมาแล้ว." เขาพูดและทันทีเด็ก ๆ ก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ร่างทั้งสองตรงทางเข้าประตูก่อนที่พวกเขาจะกระโดดขึ้นพร้อมกันและพุ่งเข้าหาพวกเขาก่อนที่หนึ่งในนั้นจะชี้ไปยังจุดหนึ่ง

"มะ ... มือ ... ของคุณมัน ... " แซมมี่พึมพำเบา ๆ ขณะที่เธอมองไปที่มันและอิมพ์ก็ค่อยๆหันไปมองมัน

นอกจากเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่ปิดไม่สนิทแล้วผิวหนังตรงนั้นของอิมพ์เองก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ในขณะที่มีผ้าศักดิ์สิทธิ์พันอยู่ มือของเขานั้นทั้งถูกเผาด้วยผ้าศักดิ์สิทธิ์และหินเวทย์มนต์และตอนที่เขาใช้หินเวทย์ทั้งสามพร้อมกัน

อิมพ์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากตลอดทั้งคืนนี้และถึงแม้ส่วนใหญ่จะฟื้นฟูบ้างแล้วแต่ตอนนี้พลังชีวิตของเขากลับหายไปอย่างถาวรจำนวน 200

“ไม่ต้องห่วง” อิมพ์พูดอย่างชัดเจนก่อนจะค่อยๆมองไปรอบ ๆ ห้อง "หยิบทุกอย่างที่พกไปได้ เราจะกลับไปที่รถม้ากัน" เขาพูดขึ้นและค่อยๆเดินไปที่หนังสือซึ่งกระจายอยู่ทั่วห้องก่อนจะหยิบขึ้นมาด้วยมือซ้าย

พวกเด็ก ๆก็ช่วยเขาและเลือกหยิบหนังสือเล่มอื่นๆขึ้นมาก่อนจะเดินตามอิมพ์ออกไปข้างนอกเพื่อมุ่งหน้าไปยังคอกม้า

ที่นั่นเขาใช้เวลาไม่นานในการตามหาเจ้าของคอกม้า ซึ่งพวกเขาก็ขอให้นำรถม้าออกมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอิมพ์เป็นอสูร แต่ส่วนใหญ่เขาก็ดูไม่ได้กลัวอะไรมากนักและยังคงทำงานปกติ หลังจากเด็กๆนั่งลงในรถม้าอิมพ์ก็ค่อยๆนั่งที่ด้านหน้าและพยายามจดจำสิ่งที่อาร์คเคยบอกก่อนนหน้านี้ อิมพ์พยายามบังคับรถม้าไปยังประตูที่ใกล้ที่สุดในขณะที่ดวงจันทร์สีแดงเลือดลอยพ้นขอบฟ้า เมืองอสูรหายไปในพริบตาพร้อมกับแสงแดดแรกของวันที่ส่องสว่างไปทั่วโลก

ประตูตรงหน้าอิมพ์ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นประตูเดิมที่เข้ามาเมื่อวานแล้ว แต่เขาก็ยังมีอย่างอื่นที่อยากทำที่นี่อยู่อีก เขาก้าวออกจากรถม้าและตรงไปยังอาคารซึ่งตั้งอยู่ข้างๆประตูที่พังลงมาเมื่อคืน   อย่างไรก็ตามศพของ เทนากะจินก็ได้หายไปแล้วในตอนนี้

และขณะที่อิมพ์ยืนอยูตรงนั้นก็มีคนอื่นเดินมาหาเขาอีกครั้ง และเป็นชายก่อนหน้านี้ซึ่งดูเหมือนเขาจะตกใจมากที่เห็นอิมพ์ยืนอยู่ที่นั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง

"เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกรึ! ไม่ใช่ว่าอสูรทุกตัวจะหายไปเมื่อเช้าแล้วรึไง!" เขาอุทานและอิมพ์ก็พยักหน้า

"อสูรพวกนั้นไม่รวมข้า" อิมพ์ชี้ให้ดูและค่อยๆก้าวไปหาชายก่อนที่จะแทงมีดดาบสามเล่มเข้าที่ขาของเขาโดยตรงและฟันผ่านมันเพื่อทำให้อีกฝายล้มลงกับพื้นก่อนจะทำเช่นเดียวกันกับขาอีกข้างเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่สามารถยืนได้

"ตอนนี้เจ้ากับมาบอกว่าข้ายังอยู่อีกงั้นรึ" เขาถามค่อยๆก้าวไปหาชายที่กำลังกรีดร้องก่อนจะจับผมลากเขาเข้าไปในร้านหนังสือ นี่เป็นเรื่องที่เหนื่อยล้าและเจ็บปวดมากสำหรับอิมพ์เพราะเขาต้องใช้ทั้งสองมือลากอีกฝ่ายและหนึ่งในนั้นก็บาดเจ็บสาหัสอยู่

อิมพ์ยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มและคุมดาบทั้งสามเล่มเพื่อตัดเข้าที่หน้าอกของเขาเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้วในตอนนี้และสิ่งนี้ก็ดำเนินไปอยู่สักพัก เขานั้นหวังว่าอย่างร้อยชายหนุ่มจะยังไม่ตายจากบาดแผลนี้

เขาทำสิ่งนี้ด้วยเหตุผลผลบางอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นอย่างมาก

หลังจากเปิดหน้าอกของชายนั้นออกแล้วอิมพ์ก็เพียงแค่ดันหนึ่งในหินเวทย์ไฟสุดท้ายของเขาเข้าไปในบาดแผลนั้นให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกว่าจะถึงหัวใจของชายคนนั้น

เช่นเดียวกัน อิมพ์ก็ทำร้ายตัวเองอีกครั้งด้วยการเผานิ้วของเขาที่จับหินอยู่ ในขณะที่มันเคลื่อนไหวอยู่ในร่างของชายคนนั้นเปลวไฟก็กระจายไปทั่วร่างของเขาและเริ่มแผดเผาเขาจนเป็นเถ้าถ่านจากนั้นก็เอาหนังสือที่อยู่รอบๆเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการกระจายไฟ

ด้วยความพอใจที่ชายคนนี้ยังไม่ตายในทันที่อิมพ์ก็ก้าวออกมาจากร้านหนังสือและนั่งอยู่หน้ารถม้าพร้อมกับขับออกไปจากเมืองในขณะที่เปลวไฟลุกโชนอยู่ด้านหลังเขา

อิมพ์ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะไปที่ไหนดีตอนนี้และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขายังคงมีความต้องการที่จะพานักบวชน้อยไปที่ใดที่หนึ่ง แต่ความรู้สึกนั้นเบาบางลงกว่าเดิมแล้วดังนั้นอิมพ์จึงไม่คิดอยากจะทำเช่นนั้นอีก บางทีพวกเขาควรมุ่งหน้าไปหาสถานที่บางแห่งและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นั่นฟังดูดีเลยไม่ใช่หรือ  ?

หลังจากผ่านมาประมาณหนึ่งชั่วโมงอิมพ์ก็นำรถม้ามาหยุดไว้ตรงจุดหนึ่งซึ่งเป็นสระน้ำเล็กๆอยู่ห่างจากเมือง จากนั้นก็เดินไปข้างหลังรถม้าเพื่อเปิดประตู

“พวกเจ้าออกมาได้แล้ว” อิมพ์บอกพวกเขาและพวกเด็กๆก็ทำตามอย่างประหม่าและอย่างช้าๆพวกเขาก็วางเท้าลงบนพื้นเย็นตรงหน้า

"ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้วใช่ไหม" รูดี้ถามอย่างประหม่าขณะที่เขาจับแขนของอิมพ์และอิมพ์ก็ค่อยๆพยักหน้าตอบรับ "ใช่" เขาตอบและเด็ก ๆ ก็ค่อยๆผ่อนคลายก่อนที่อิมพ์จะชี้ไปที่บ่อน้ำ

"ไปทำความสะอาดกันเถอะ"

ด้วยการพยักหน้า พวกเขาก็เดินตามอิมพ์ไปยังสระน้ำเล็กๆและอิมพ์ก็ค่อยๆวางมือลงในน้ำและในขณะที่อิมพ์คิดว่าเขาจะรู้สึกเจ็บแสบมันเขาก็ต้องแปลกใจเพราะ ... เขาไม่รู้สึกอะไรเลย เลือดไหลออกมาด้านนอกจากบาดแผลบนมือของเขา แต่อิมพ์ไม่รู้สึกอะไรเลย… ด้วยความสับสนเขาก็ลองกัดแขนของเขาดูว่ามันรู้สึกเจ็บหรือไม่และในไม่ช้าเขาก็ดึงหัวกลับมาเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บ

ด้วยการถอนหายใจเล็กน้อยอิมพ์ก็จ้องไปข้างหน้าในน้ำก่อนที่อาร์คจะนั่งลงข้างๆเขาและพูดขึ้น “คุณ ... ยังไม่มีชื่อใช่ไหม?” เขาถามและอิมพ์ก็ส่ายหัวช้าๆ

"ข้าไม่มี" อิมพ์ตอบก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าเด็กคนอื่น ๆ ทั้งแซมมี่ที่อุ้มลีออนอยู่และรูดี้ที่แบกนักบวชน้อยเองก็เดินมาอยู่ด้านหลังเขา

“ให้เราตั้งชื่อคุณได้ไหม?” จากนั้นแซมมี่ก็ถามและอิมพ์ก็พยักหน้า

"ได้สิ" อสูรหนุ่มพูดแล้วมองไปทางซ้ายขณะที่คลีเมนไทน์นั่งลงข้างๆเขา

"พวกเราคิดออกอยู่ชื่อหนึ่ง ... " เธอพูดออกและรูดี้ก็ค่อยๆพูดขึ้นอย่างประหม่าเช่นกัน

"คุณช่วยเราไว้ ... และคุณก็ยอมเจ็บปวดเพื่อพวกเรา ... นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกชื่อนี้ให้คุณ มันเป็นชื่อหนึ่งเดียวที่เหมาะกับคุณ... " เด็กหนุ่มพูดอย่างแผ่วเบาและอิมพ์ก็จ้องมองลงไปในน้ำขณะที่อาร์คพูดอีกครั้ง .

"ซึ่งก็คือชื่อของฮีโร่คนแรก ... " อาร์คพึมพำต่อทันที  " นั่นก็คือ เออิโระ  "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด