ตอนที่ 51 ยัดเข้าไปในลำคอ
ตอนที่ 51 ยัดเข้าไปในลำคอ
อิมพ์จ้องมองไปที่ลอร์ดแห่งความโลภขณะที่ร่างกายของมันเริ่มมีฟองและไอน้ำลอยขึ้นมาจากปากและรูจมูกในขณะเดียวกันร่างของมันก็เริ่มแข็งขึ้น
และในขณะที่สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นอิมพ์ก็รีบลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนกองข้างๆลอร์ดคนนั้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะพบสิ่งของที่มีประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างรวดเร็วและเมื่อได้ยินว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดในที่นี่คือนักบวชทารกถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็ตามแต่จะสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลมากนัก
เขาต้องการที่จะทดสอบกลอุบายเล็ก ๆนี้ดูว่ามันสามารถทำร้ายลอร์ดได้บ้างไหมเพื่อให้มันตัวแข็งและสร้างโอกาสให้เขาหลบหนีอีกครั้ง แต่ถ้าว่าตอนนี้เขากลับมีความคิดที่มากกว่านั้น เขามีโอกาสที่จะฆ่าอสูรตนนี้
แต่ก่อนอื่นตอนนี้อิมพ์กำลังวิ่งไปรอบๆห้องและหยิบอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์กับเขามากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่มีหนังสือเล่มต่างๆเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเหรียญและเครื่องประดับเล็กๆบางส่วนที่เขาพบอีกด้วย แน่นอนว่าลอร์ดแห่งความโลภไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากแต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
มันทำได้เพียงนั่งอยู่ตรงนั้นและค่อยๆแห้งเหี่ยวขึ้นตลอดเวลา อิมพ์อยากลองและช่วยเขาให้เขาพ้นทุกจากสิ่งนั้นเขาจึงใช้ดามสามเล่มที่เชื่อมต่อเข้ากับกรีดซึ่งยังหลงเหลือพลังงานศักดิ์สิทธิ์อยู่ผลักใบมีดเข้าไปที่หน้าผากของอสูรอย่างช้าๆและดันมันเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
ในไม่ช้าอิมพ์ก็พบพบว่าผิวของมันที่อยู่ใต้หน้าผากนั้นแข็งแกร่งและมั่นคงมากแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังค่อยๆแทงเข้าไปเรื่อยๆอย่างช้าๆเรากลับว่าผิวหนังตรงนั้นกำลังค่อยๆถูกแหวกออก
และในไม่ช้าก็มีการแจ้งเตือนบางอย่างปรากฏขึ้นต่อหน้าอิมพ์
[สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับเจ้าแห่งความโลภ]
[คุณเลเวลขึ้น!]
[คุณเลเวลขึ้น!]
...
...
...
[คุณเลเวลขึ้น!]
[คุณมีแต้มสเตตัสที่ไม่ได้ใช้ 49 คะแนน]
[คุณได้สังหารหนึ่งในอสูรทดลองของ [The Devil]]
[[The Devil] ไม่ถูกใจสิ่งนี้]
ทันใดนั้นอิมพ์ก็รู้สึกเวียนหัวเมื่อเขาได้รับประสบการณ์มากมายที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนและความรู้สึกไม่สบายใจพร้อมกับการแจ้งเตือนสองครั้งสุดท้ายก็ปรากฏขึ้นเมื่อมันพูดถึง ' The Devil'
อิมพ์ไม่รู้ว่านี่คือใครหรือนี่คืออะไร แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามสำหรับอิมพ์ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องไปแล้ว ตอนนี้อสูรที่อยู่ข้างหลังของเขาได้ตายไปแล้วดังนั้นเขาจึงสามารถไปจากที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆหลังจากเก็บสิ่งของเข้ากระเป๋าจนเต็ม ตอนนี้กระเป๋าค่อนข้างหนักแต่มันก็ไม่หนักเท่ากับถือของโดยตรงจริงๆซึ่งนี่น่าจะเป็นเพราะกระเป๋าวิเศษใบนี้
เห็นว่ามันถูกอัดแน่นจนเต็มแล้วอิ่มก็มัดปากถุงของมันด้วยเชือกด้านบนและพาดไว้ที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังประตู
แน่นอนว่าเขายังคว้าผ้าขาวที่ยังอยู่ในชามซึ่งมันเป็นของที่มีประโยชน์ที่สุด ตอนนี้อิมพ์รู้สึกแย่เป็นอย่างมากซึ่งเขาเองก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ พวกมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแต่ทำไมเขาถึงฆ่าฆ่าลอร์ดแห่งความโลภได้ง่ายขนาดนี้? เหตุใดจึงสามารถหลอกลวงลอร์ดแห่งความหยิ่งทนงให้ต่อสู้กับลอร์ดแห่งความโกรธได้ง่ายดายนะและเหตุใดลอร์ดแห่งความอิจฉาจึงเชื่อได้อย่างง่ายดายว่ารูดี้จะไปที่ใด
ตอนนี้อิมพ์ไม่แน่ใจว่าเขาฉลาดเกินกว่าที่เขาคิดไว้หรือไม่หรือว่าลอร์ดพวกนี้โง่กว่าที่เขาคิดเกินไปหรือมันอาจจะทั้งคู่ แต่ไม่ว่าจะยังไงสถานการณ์ตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดีซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกันว่าทำไม
แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุผลที่จะบ่นเรื่องนี้เพราะนี่ช่วยให้อิมพ์ออกมาได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเมื่ออิมพ์ก้าวขึ้นไปบนบันไดเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น หอคอยเริ่มพังลงอย่างช้าๆในใจกลางห้องขนาดใหญ่ราวกับว่ามันไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากลอร์ดของที่นี่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
ทันใดนั้นอิมพ์ก็เริ่มวิ่งเพราะสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเขาจะเจอกับสิ่งไม่ดีถ้าเขาไม่รีบไปจากที่นี่ตอนนี้แล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดหลังจากที่เขาก้าวเดินลงมาได้ 2-3 ขั้นทุกสิ่งที่เขาสัมผัสก็พังทลายลงทันที
เขาสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเกือบตลอดเวลาแม้ว่าเขาจะล้มลงในบางครั้ง ซึ่งมันทำให้เขาเสียพลังชีวิตไปเล็กน้อยเท่านั้นแต่มันก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตใดๆ จากนั้นเมื่อปีมาถึงด้านล่างของบันไดรอยฟกช้ำมากมายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขาพร้อมกับแผลสดเล็กๆบนมือและนิ้วของเขาก็ถูกเปิดออกอีกครั้งในขณะที่เสื้อคลุมของเขาฉีกขาดออกทั้งหมด
แต่เขาก็ยังสามารถเดินต่อไปได้โดยที่ไม่เป็นอะไร ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนว่าพื้นที่รอบ ๆ ตัวเขาที่นี่ก็พังทลายลงเช่นกัน ถนนเหล่านี้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของลอร์ดแห่งความโลภตอนนี้พังทลายลงอย่างช้าๆเพียงเพราะอิมพ์ฆ่ามัน แต่เขาก็สบายใจกับเรื่องจริงๆ เขาไม่สนใจว่ามันจะตายอย่างน่าสยดสยองยังไงเพราะความผิดพลาดของมันก็คือขโมยเด็กๆไปจากเค้าดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายตาย
แต่ความคิดนี่ก็ทำให้เขานึกถึงสิ่งหนึ่ง เมื่อลอร์ดแห่งความโกรธตำหนิผู้เฝ้าประตูที่นำอิมพ์ไปหามัน มันก็ได้กล่าวถึง 'อสูรเงา' มากกว่าหนึ่ง. ด้วยความรู้สึกไม่ดีในท้องของเขาอิมพ์ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเขาก็ได้เพิ่มแต้มสเตตัสบางส่วนไปที่ค่าความคล่องแคล่วเพื่อทำให้ร่างกายของเขาเร็วขึ้นเพราะเขาจำเป็นต้องกลับไปหาเด็กๆอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ส่วนแต้มที่เหลือเขาก็แยกไปลงระหว่างความฉลาด สติปัญญาและการรับรู้
จากนั้นอิมพ์ก็จ้องมองไปยังปราสาทสุดท้ายของลอร์ดแห่งความปรารถนาและเมื่อเขาเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นเหมือนของเราคนนี้เขาก็รู้สึกได้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป อสูรที่ปรากฏอยู่บนถนนนั้นกำลังพันร่างของพวกมันเข้าด้วยกันอย่างแน่นน้ำบ่อยครั้งอีกทั้งอสูรที่ทำเช่นนั้นยังมีอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
อิมพ์ไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้แต่เขาก็จำได้ว่าอสูรเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับอสูรที่ชื่อว่า 'ซัคคิวบัส' ซึ่งเขาได้เจอและฆ่ามันไปก่อนหน้านี้
แต่นั่นไม่ได้สำคัญกับอิมพ์ ถึงแม้จะมีอสูรที่แตกต่างกัน 2-3 ตัวพยายามหยุดอิมพ์ด้วยการจับร่างกายของเข้าไปยังจุดที่ไม่สมควรแต่เขาก็ยังก้าวเดินต่อไปยังไม่สนใจ
จากนั้นเมื่ออิมพ์สามารถมองเห็นบันไดที่นำไปสู่ด้านบนสุดของปราสาทซึ่งจากหอคอยเขาได้ยินเสียงบางอย่างที่แตกต่างกันดังขึ้นมาตลอดเวลา
มันเป็นเสียงครวญครางที่น่าพึงพอใจและเสียงหัวเราะคิกคักของอสูรและในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังร้องไห้
และเสียงนั้นก็เป็นเสียงที่เขาจำได้อย่างแม่นยำ มันคือเสียงของอาร์คและถ้ามันสามารถทำให้เขาร้องไห้ได้ก็แปลว่ามีบางอย่างที่น่าสยดสยองกำลังเกิดขึ้นกับเขาอยู่ แน่นอนว่าในทันใดนั้นอิมพ์ก็หันร่างของเขาและรีบขึ้นไปตามบันไดก่อนจะเห็นชายร่างใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาซึ่งมันกำลังจับเด็กหนุ่มไว้ที่ไหล่ในขณะที่อสูรจำนวนมากกำลังรวมกันอยู่รอบๆภูเขา
คนที่พาดอยู่บนไหล่คืออาร์คและศีรษะของเขาก็อยู่ในสถานที่ที่อิมพ์ไม่คิดว่าจะมีใครอยากให้หัวของพวกเขาอยู่ ซึ่งมันอยู่ตรงหน้าอกของอสูรที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่กำลังอุ้มเขาอยู่ นี่ทำให้เขาดูเรากับว่ากำลังถูกกลืนเข้าไปในมวลกล้ามเนื้อสีแดงเข้ม
จากนั้นเพียงครู่เดียวอิมพ์และอาร์คก็สบตากัน ทันทีอสูรหนุ่มก็ไม่สามารถทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปได้อีก การกระทำของอสูรเรานี้ประหลาดเกินกว่าที่เขาจะทนไหว
อิมพ์ถอดเสื้อคลุมที่ขาดรุ่งริ่ง กางเกงและรองเท้าของเขาออกอย่างช้าๆจากนั้นก็วางกระเป๋าของเขาไปด้านข้างพร้อมกับเครื่องแต่งกาย ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผ้าพันแขนและผ้าที่พันอยู่รอบตัวซึ่งปกปิดส่วนล่างไว้
ดังนั้นอิมพ์จึงค่อย ๆ เข้าหากลุ่มอสูรและซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็มองไปยังอาร์คที่โผล่ออกมาจากผิวหนังของอสูรเล็กน้อย ... และเขาก็ยื่นฝ่ามือของเขาไปข้างหน้า ไปยังร่างของอสูรที่เขาคิดว่าเป็นลอร์ด
"หือเจ้าเองก็สนใจข้างั้นเหรอ?" ลอร์ดถามด้วยรอยยิ้มและค่อยๆโน้มตัวไปข้างหน้า "เจ้ารู้อะไรไหมข้านั้นได้ของเล่นชิ้นเยี่ยมมาเพราะงั้นข้าจึงยังอารมณ์ดีอยู่ " ด้วยเสียงที่แหลมเล็กน้อยลอร์ดก็วางแก้มของมันไปยังฝ่ามือที่คลุมด้วยผ้าของอิมพ์ก่อนที่อสูรหนุ่มจะจ้องมองไปที่มันและเขาก็เปิดใช้งานหินเวทมนตร์ทั้ง 3 ก้อนที่แตกต่างกันซึ่งซ่อนอยู่ใต้ผ้าทันที
หินเวทมนตร์ไฟ, หินเวทมนต์ลม และ และหินเวทมนต์พลังงานศักดิ์สิทธิ์ อิมพ์ไม่แน่ใจว่ามันจะใช้งานได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าพลังงานศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่เข้ากับสิ่งอื่นได้ง่ายโดยตัดสินจากผ้าที่พันรอบมือของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่า 'ทำไมเขาไม่ลองใช้มันกับเวทมนต์อื่นดูล่ะ?'
และทันทีที่เขาเปิดใช้งาน ธาตุทั้ง 3 ที่แตกต่างกันก็ระเบิดออกมาและพุ่งใส่หน้าลอร์ด นี่ทำให้หน้าของมันฉีกขาดออกพร้อมกับกรามและส่วนที่เหลือบนใบหน้าของมันถูกลบเลือนหายไปจนหมด
แน่นอนว่าอสูรตัวอื่นที่อยู่ข้างหลังมันไม่ไกลก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันและในไม่ช้าอิมพ์ก็ถูกล้อมรอบด้วยการแจ้งเตือนมากมายที่บอกเขาเกี่ยวกับความเสียหายซึ่งเกิดกับพวกมันหรือแจ้งเตือนว่าเขาได้ข้ามสิ่งใดไปทั้ง'ซัคคิวบี้เล็ก' และ 'อินคิวบี้เล็ก' ,
ผ้ารอบ ๆ มือของอิมพ์ก็ถูกฉีกออกทันทีเช่นกันและเศษชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมาขนาดที่อิ่มรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่มือของเขา
แต่ความเจ็บปวดที่อยู่เกิดขึ้นในมือของเขานั้นก็ไม่ได้สำคัญต่อเขาแต่อย่างใด อิมพ์คว้าผ้าบางส่วนที่หล่นลงมาและรวมหินเวทย์ไฟ ลมและพลังงานศักดิ์สิทธิ์ขอไว้ในผ้าด้วยกันก่อนจะยัดเข้าไปในบาดแผลของลอร์ดในขณะที่ลอร์ดยังกตอยู่ในความตกใจ
แน่นอนว่าลอร์ดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากพลังงานศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะทำสำเร็จ แต่ไม่ว่ามันจะจบลงง่ายเพียงใดอิมพ์ก็ไม่สามารถอดกลั้นความสุขที่รู้สึกได้เมื่อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลอร์ดที่กำลังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว