ตอนที่ 49 หลบหนีอย่างด่วน
ตอนที่ 49 หลบหนีอย่างด่วน
"แต่ได้โปรด ... กลับมาเร็ว ๆนะ ... "แซมมี่พูดอย่างเงียบ ๆ ขณะที่อิมพ์กำลังจะออกจากห้อง อิมพ์ที่ได้ยินก็หันกลับมาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบรับ เขาไม่อยากปล่อยให้ทั้งสามอยู่ที่นี่ตามลำพังอยู่แล้ว แต่ที่นี่ปลอดภัยกว่าการอยู่ท่ามกลางอสูรและลอร์ดทั้งหมด
ตอนนี้อิมพ์ก็รีบผ่านโถงทางเดินไปยังบันได ในที่สุดตอนนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไปและโฟกัสไปที่เป้าหมายได้โดยตรง เขารู้ว่าเขาสามารถเผาแผลของเขาได้โดยนึกถึงวิธีเดียวกับที่ย่างเนื้อตอนทำอาหารและเขาก็ดีใจที่ผลมันออกมาดี แต่อิมพ์ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย
พลังชีวิตของเขาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งเล็กน้อยแม้ว่าอิมพ์จะมีปัญหาที่ยังไม่ได้พักผ่อนแต่เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่รูดี้คือคนต่อไปที่เขาจะช่วยและจากนั้นก็เป็นนักบวชน้อยที่อสูรไม่สามารถทำอะไรได้ จากนั้นเขาก็จะพาทั้งสองมุ่งหน้าไปยังเมืองโดยตรง รูดี้นั้นไม่มีวันได้รับบาดเจ็บและถ้ารูดี้ซ่อนตัวจากอสูรไว้ในขณะที่อิมพ์กำลังตามหาเขาอยู่ อิมพ์ก็มั่นใจได้ว่าเขาจะพารูดี้กลับไปที่โรมเตี๊ยมได้อย่างปลอดภัย
จากนั้นอิมพ์ก็จะไปรับอาร์คกลับมาทันที จากนั้นพวกเขาก็จะไปที่เมืองและรอให้สถานที่แห่งนี้กลับไปเป็นปกติและออกไปจากเมืองแห่งนี้ทันที
จากระยะไกลอิมพ์ก็สามารถมองเห็นสถานที่ที่เขาต้องมุ่งหน้าไปต่อได้แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอยู่กับตาม ที่นั่นมีอสูรรวมตัวกันอยู่ที่สิ่งก่อสร้างคล้ายกับหอคอยซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับสถานที่อื่นเลยจนถึงตอนนี้
เนื่องจากเขาค่อนข้างเตี้ยเมื่อเทียบกับอสูรตนอื่นเหล่านั้นเขาจึงสามารถลอดผ่านช่องว่างที่อยู่ระหว่างพวกมันไปได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะมองไปยังพื้นที่ปราสาทด้านหน้า อิมพ์ค่อนข้างประหลาดใจเพราะพื้นได้พังทลายไปหมดแล้วเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆที่อยู่ในสภาพดี
แต่ก่อนที่อิมพ์จะรู้ตัวเขาก็สามารถมองเห็นสาเหตุที่ทำให้พื้นดินแตกได้ มีบางอย่างหล่นลงมาจากบริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องโถงใหญ่และ 'สิ่งนั้น' ก็คือร่างกายของรูดี้
แน่นอนอิมพ์ต้องการพุ่งไปข้างหน้าและพาเขาออกไปจากที่นั่น แต่เขาไม่สามารถทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าอิมพ์ก็สามารถผ่อนคลายได้ นั่นเป็นเพราะรูดี้สามารถลุกขึ้นได้ยืนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่ามีเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นที่ฉีกขาด แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ดูเหมือนจะไม่มีเลือดออกหรืออะไรแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเขากลัวอย่างมากและกำลังร้องไห้เรากลับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีอันตรายใด ๆเกิดขึ้นโดยตรงกับชีวิตของเขา
ในขณะที่อิมพ์กำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาก็ได้ยินอสูรที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาพึมพำระหว่างกัน “น่าทึ่งจริงๆ ...เจ้านายไม่บาดเจ็บเลยหรือไง.. ?” หนึ่งในพวกมันถามและอสูรที่เหลือดูเหมือนจะพูดในสิ่งที่คล้ายกันก่อนที่พวกเขาจะเริ่มกระซิบสิ่งหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่ามันเป็นบทสวด
“น่าอิจฉาจริงๆ”
เสียงที่น่าขนลุกและน่าสะพรึงที่ทำให้อิมพ์ตัวสั่นจู่ๆก็ดังขึ้นทันที ทำให้เขามั่นใจเลยว่ารูดี้จะต้องหวาดกลัวมากกว่าเขาเป็นแน่ และราวกับว่าเขากำลังคาดหวังอะไรบางอย่างรูดี้ค่อยๆจ้องมองขึ้นไปข้างบนและชูแขนขึ้นคุมเหนือหัวราวกับต้องการปกป้องตัวเอง แต่เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาก็มองกลับขึ้นไปและก็เห็นใบหน้าของคนคนนึงกำลังจ้องลงมาที่เขา
และใบหน้านั้นก็เป็นของผู้ที่อิมพ์สันนิษฐานว่าเป็นลอร์ด ซึ่งมันกำลังปล่อยร่างกายของตัวเองห้อยลงมาจากเชือกที่มองไม่เห็นในขณะที่หมุนและบิดร่างของมันเพื่อยืนตรง ในขณะที่สีหน้าของมันนิ่งสงบมันก็ยืนอยู่กับที่และจ้องมองไปยังรูดี้พี่หมอบอยู่ และนี่ก็ทำให้รูดี้ตกใจทันที
ลอร์ดแห่งความอิจฉาค่อยๆจับไปที่ลำคอของรูดี้และยกเขาขึ้นมาก่อนฟาดลงไปกับพื้นอีกครั้ง"ทำไม ...ทำไม ... เจ้า ... ถึงไม่ตาย?! ถ้าพยายามฆ่าเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ว่ามันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ! ข้าอิจฉาริษยาคนที่มีร่างกายแบบเจ้าจริงๆ ฉะนั้นจงบอกความลับของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ! " ลอร์ดอุทานด้วยเสียงที่บ้าคลั่งในขณะที่รูดี้กำลังดิ้นรนเพื่อหนีจากการจับไว้ของลอร์ด
ในขณะที่ขบฟันเข้าด้วยกันอย่างรำคาญอิมพ์ก็พยายามคิดหาวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้โดยไม่ถูกฆ่า ในทันที อิมพ์ก็ดันตัวเองกลับหลังฝูงชนและมองไปรอบ ๆ พยายามหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันในขณะที่เสียงระเบิดยังคงดังก้องมาจากระยะไกลซึ่งผ่านเมืองอสูรซึ่งนั่นมันมาจากปราสาทของลอร์ดแห่งความโกรธและลอร์ดแห่งความหยิ่งทะนง
แต่อย่างไรก็ตามอิมพ์นั้นไม่เห็นต้นกำเนิดของเสียงระเบิดที่อยู่ไกลออกไปเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะสิ่งที่เขาได้ยินมีเพียงแค่เพียงเท่านั้น
และในขณะที่อิมพ์กำลังมองกลับไปที่ตรงหน้า เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกมันหันศีรษะและมองไปยางกันระเบิดที่อยู่ไกลออกไปเช่นกัน จากนั้นเขาก็ได้ยินอสูรกระซิบกันอีกครั้งเกี่ยวกับความริษยาของพวกมันที่มีต่อพลังที่สร้างการระเบิดเหล่านั้นขึ้น
ด้วยสามสิ่งที่อิมพ์สังเกตเห็นเสียงสะท้อนความสนใจที่เบี่ยงเบนและความหึงหวงมอนสเตอร์ตัวน้อยเกิดความคิดที่ว่าเขาหวังว่าจะทำออก
เขาหยิบInvestment เงาออกมาจากกระเป๋าอย่างช้าๆและดันมันเข้ากับหน้าอกของเขาในขณะที่ก้าวข้ามไปยังพื้นที่ที่สังเกตเห็นได้ยากจากนั้นก็ทำแบบเดียวกับที่เขาเคยทำมาก่อนเพื่อเปลี่ยนร่างของเขาให้เป็นเหมือนเงา
[ร่างกายของคุณกำลังถูกปกคลุมด้วยเงามืด คุณจะเร็วขึ้น ถูกสังเกตได้ยากขึ้นและทำทุกอย่างได้เงียบขึ้น]
ทันทีที่เห็นการแจ้งเตือนนั้นอิมพ์ก็พยายามที่จะย้อนกลับจุดที่สามที่กล่าวถึงในการแจ้งเตือ จากนั้นเขาก็ก้าวผ่านฝูงชนและสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดก่อนจะใช้กลอุบายบางอย่างโดยหวังว่ามันจะได้ผล เขาสูดลมหายใจเข้าไปในปอดจนเต็มจากนั้นก็ตะโกนออกมาประโยคหนึ่งอย่างดัง
"ข้ารู้ความลับของเด็กคนนั้น !"
ทันใดนั้นอิ่มก็รีบวิ่งไปยังจุดที่สังเกตได้ยากทันทีเพื่อทำให้ไม่สามารถหาต้นตอของเสียงที่ดังอย่างเหลือเชื่อที่เขาตะโกนออกมาได้ และอย่างน่าเหลือเชื่อเสียงนี้ก็ราวกลับดังขึ้นมาจากทั่วทิศทางรอบๆฝูงชนกับลอร์ดแห่งความอิจฉา
ทันใดนั้นดูเหมือนแผนของอิมพ์จะได้ผลและพวกปีอสูรก็มองไปรอบๆเพื่อดูว่าใครเป็นคนพูดออกมาและไม่นานลอร์ดก็เริ่มหาด้วยเช่นกัน
"ใครกันที่เป็นคนพูด?! ใครกันที่รู้ความลับ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ?!" ลอร์ดอุทานอย่างโกรธเกรี้ยวและก้าวไปยังฝูงพร้อมกับเสียงดัง
แต่แน่นอนว่าเนื่องจากไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ลอร์ดจึงโกรธและแสดงออกอย่างหงุดหงิด จากนั้นก่อนที่เขาจะรู้ตัวอิมพ์ก็มองเห็นแขนขาและร่างกายถูกฉีกขาดกระจายผ่านถนนไป
โดยไม่ลังเล อิมพ์ก็รีบวิ่งไปรอบ ๆ ตรอกจนกระทั่งเขามาถึงสถานที่ที่รูดี้นอนอยู่ทันทีหลังจากตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีอสูรตนใดสนใจเด็กชายที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้น
จากนั้นโดยเร็วที่สุดอิมพ์ก็รีบวิ่งเข้าหารูดี้และจับมือของเขาไว้จากนั้นก็ดึงเขาไปยังทิศทางซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทของแห่งลอร์ดแห่งความโลภ จากนั้นอิมพ์ก็หันกลับมาและตะโกนอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นกำลังจะวิ่งหนีไปหาลอร์ดแห่งความโกรธแล้ว” เขาตะโกนออกมาในขณะที่ดึงรูดี้เข้าไปในตรอกซึ่งพวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินและกล่องในขณะที่อสูรหนุ่มกำลังมองไปยังหลอดแห่งความอิจฉาซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทของลอร์ดแห่งความโกรธอยู่นุ่ จากนั้นอสูรหนุ่มก็ค่อยๆผ่อนคลายลงและนั่งลงกับพื้นในขณะเดียวกันรูดี้ก็นั่งลงข้างๆเขายังเหนื่อยละไหนรู้สึกหวาดกลัวกับร่างที่ไม่คุ้นเคยของเขา
เมื่อเห็นว่ามันอาจทำให้สับสนได้อิมพ์ก็หยุดส่งมานาของเขาเข้าไปในหินเวทมนต์เงาและร่างเงาของเขาก็หายไปอย่างช้าง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่ารูดี้จะต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะรับรู้ว่านี่คืออิมพ์ แต่อิมพ์ไม่ได้สนใจสิ่งนั้นเลย เขาแค่ดีใจที่อย่างน้อยรูดี้ก็รู้ว่าเป็นเขาในที่สุด และเมื่อเขาทำเช่นนั้นเด็กชายก็เริ่มร้องไห้ทันทีขณะที่อิมพ์พยายามดึงเสื้อคลุมในกระเป๋าของเขาออกมาคุมรอบๆตัวเด็กชายจากนั้นพวกเขาก็เคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว
"ยืนขึ้น." อิมพ์บอกรูดี้อย่างเงียบ ๆ และเด็กชายก็พยักหน้า "พวกเราต้องไปรับตัวนักบวชน้อยกันก่อนแล้วจากนั้นข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปที่โรงเตี๊ยม ตอนนี้แซมมี่ คลีเมนไทน์และลีออนได้รออยู่ที่นั่นแล้ว " อิมพ์อธิบายอย่างรวดเร็วในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ หัวมุมถนนเพื่อดูว่ามีอสูรอยู่ที่นั่นหรือไม่ จากนั้นเขาก็ใช้มือของเขาจึงรีบไปด้วยความรวดเร็วซึ่งนี่ทำให้เด็กชายมองไปที่เขาด้วยความสับสน
"อะไรนะกัน - เรากลับไปที่โรงแรมตอนนี้เลยไม่ได้หรอ .. ?" รูดี้ถาม แต่อิมพ์ก็ส่ายหัว "ไม่ ข้าจะต้องให้เจ้าพาตัวนักบวชน้อยกลับไปที่โรงเตี๊ยมด้วย จากนั้นข้าค่อยไปรับตัวอาร์คเพียงคนเดียว" อิมพ์อธิบายดังนั้นรูดี้ก็หยุดเดินและอิมพ์ก็ถูกดึงกลับทันที
"ได้โปรดอย่าให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อเลยนะ ... "รูดี้พูดอย่างเงียบ ๆ และอิมพ์ก็ส่ายหัวอีกครั้ง" อสูรแห่งความโลภนั้นแตกต่างจากอสูรแห่งความอิจฉา พวกมันสนใจแต่ตัวเองและต้องการปกป้องสิ่งที่พวกมันมีเท่านั้นโดยไม่สนใจอย่างอื่นอีก รอถ้าอยู่ในตรอกแล้วข้าจะพานักบวชน้อยมาหาเจ้า จากนั้นเจ้าก็ต้องพาเธอไปที่ประตูเมืองและมุ่งหน้ากลับไปยังโรงเตี๊ยม ส่วนข้าจะเดินทางไปยังปราสาทสุดท้ายเพียงลำพัง เอาล่ะไปกันได้แล้ว "อิมพ์แนะนำและในขณะที่จับแขนของเขาแน่นรูดี้ก็มองลงไปที่พื้นและอิมพ์ก็ก้าวเข้าไปใกล้เพื่อดันหัวของเขาขึ้นเพื่อที่จะได้มองสบตาเขา
" ถ้าต้องการให้เจ้าช่วยเรื่องนี้ ขอร้องล่ะ. "ด้วยเสียงที่ชัดเจน อิมพ์ก็บอกสิ่งนี้กับเด็กชายที่ค่อยๆกัดริมฝีปากของเขาและพยักหน้าอย่างเงียบ ๆเพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้ใน จากนั้นอิมพ์ก็จูงมือของรูดี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไป
มันอาจจะยากสักหน่อยที่จะพานักบวชออกจากปราสาทเพราะเธออาจถูกขังหรือถูกทำอะไรบางอย่างอยู่ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็แน่ใจว่าเธอจะไม่ตายหรือบาดเจ็บแน่นอน ตามหนังสือแล้วลอร์ดแห่งความโลภนั้นจะดูแลสมบัติทั้งหมดของมันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเหมือนกับนักบวชน้อย