ตอนที่ 44 หิว
ตอนที่ 44 หิว
[คุณเลเวลอัพ!]
[คุณมีค่าสเตตัสที่ยังไม่ได้ใช้ 1 แต้ม]
อย่างช้าๆอิมพ์ก็หันไปหาการแจ้งเตือนและฟันพวกมันด้วยกริชของเขาในขณะเดียวกันก็สะบัดเลือดของชายชราที่ติดอยู่ไปด้วย จากนั้นอิมพ์ก็เริ่มมองผ่านหนังสืออีกครั้ง ตอนนี้เขาสามารถอ่านมันได้โดยไม่ถูกรบกวนแล้ว
น่าแปลกที่หนังสือเล่มนี้บอกเขาเกี่ยวกับลักษณะของลอร์ดแต่ละคน เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกเขียนด้วยมือแม้ว่าบางส่วนยากที่จะเข้าใจได้ แต่อย่างน้อยที่สุดอิมพ์ก็ได้เจอสิ่งที่สำคัญจากมัน
และตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าใครอันตรายที่สุดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าตัวแรกที่มีแนวโน้มจะทำร้ายเด็กๆได้มากที่สุดจะเป็น เจ้าแห่งความตะกละ
ตามที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ลอร์ดแห่งความตะกละนั้นไม่เคยหยุดกินและไม่ลังเลที่จะกินสิ่งมีชีวิตเพื่อเติมเต็มท้องของมัน ตนอื่น ๆดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายเท่าตนนี้นัก อยากน้อยตอนนี้อิมพ์ก็คิดว่าเขาควรไปที่นั่นเป็นที่แรก
เท่าที่เขาจำได้ คนที่ถูกส่งไปหาลอร์ดแห่งความตะกละคือคลีเมนไทน์ แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาวที่อ่อนแอและอาจอ่อนแอที่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำหากไม่นับลีออนกับเด็กนักบวช
ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะดูไปตามหาเธอก่อน เขาคิกว่าเด็กนักบวชและลีออนนั้นคงยังไม่มีใครทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักบวชนั้นอาจจะสบายดีด้วยซ้ำเพราะอสูรทุกตัวต่างก็ต้องหลีกเลี่ยงเธอหรือไม่แน่พวกเขาก็ต้องหาวิธีจัดการกับพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เธอส่งออกมาตลอดเวลาซะก่อน
ตามที่เขียนไว้ ลอร์ดแห่งความตะกละเป็นคนที่อิมพ์สามารถหลบหนีได้ง่ายที่สุดเพราะลอร์ดตัวนี้มีร่างกายที่ใหญ่โตมากจนเขาไม่สามารถแม้แต่จะขยับได้ นั่นหมายความว่ามันทำได้เพียงนั่งเฉยๆอยู่กลางห้องโถงของปราสาทตลอดเวลาเท่านั้น
ดังนั้นตอนนี้อิมพ์จึงต้องไปที่นั่น เขารีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋าของเขาในขณะที่รีบวิ่งออกไปยังประตูอีกครั้งโดยก้าวข้ามร่างไร้วิญญานของชายชราไป หลังจากนั้นก็เดินผ่านศพของเทนากะจินไปที่ค่อยๆละลายกลายเป็นโคลนแล้ว นั่นอาจเป็นเพราะพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างของมันก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอสูรตนใดดูเหมือนจะใส่ใจมันเลย ดังนั้นอิมพ์จึงรีบเดินไปยังประตูที่อยู๋ใกล้ที่สุด ไม่นานอิมพ์ก็มองเห็นอสูรไม่กี่ตัวที่ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหน เมื่ออิมพ์อิจารณาถึงการกระทำของพวกมันที่กำลังยัดอาหารเข้าปากอยู่ตลอดเวลาเขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกมันจะไปที่ไหน
ดังนั้นอิมพ์จึงเดินไปหาพวกมันอย่างรวดเร็ว "ข้าจะไปหาเจ้าแห่งความตะกละได้ที่ไหน " อิมพ์ถามอย่างชัดเจนก่อนที่อสูรตนหนึ่งจะมองลงมาที่เขาอย่างรำคาญ "ห๊ะ เจ้ากุ้งแห้งเจ้าถามว่าไงนะ" หนึ่งในนั้นพูดและอิมพ์ก็จ้องมาที่เขารอคำตอบ
“ก็ที่นั่นไง” อสูรก็บอกเขาแต่อิมพ์นั้นได้ยินเสียงของมันไม่ชัดเจนนักเนื่องจากมันฟังดูอู้อี้เพราะกำลังเคี้ยวเค้กที่อยู่เต็มปากอยู่
แต่อย่างน้อยที่สุดอสูรอ้วนก็ชี้ไปยังปราสามแห่งหนึ่งและมันก็อยู่ตรงกันข้ามกับเจ้าแห่งความโกรธ ดังนั้นอิมพ์จึงพยักหน้าและรีบหันไปทันที
เขาขยับขาอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้และเคลื่อนผ่านประตูไปพร้อมกับพูดออกมาโดยที่ผู้เฝ้าประตูยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำ "ความโกรธ" เขารีบวิ่งไปอีกด้านหนึ่งและเข้าไปในเมืองอสูรทันที อิมพ์พยายามเคลื่อนผ่านฝูงอสูรที่แตกต่างกันข้างหน้าไป
เขาจับจ้องไปที่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งปรกาฏอยู่ไกลออกไป มันอยู่ด้านหลังภูเขายักษ์ตรงหน้าและดูเหมือนว่าการเดินไปตามเส้นทางจะใช้เวลาสั้นสุด
สองสามครั้ง อิมพ์ได้หลงเข้าไปในหมู่บ้านร้างในเมืองที่เหมือนเขาวงกตแห่งนี้ แต่หลังจากลองอีกครั้งอิมพ์ก็สามารถมาถึงที่หมายได้จากนั้นเขาก็ยืนอยู่หน้าบันของปราสาท
ที่นี่มีแต่อสูรที่พยายามกินอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และร้านค้าทุกหนแห่งก็ดูเหมือนจะขายแต่เพียงอาหารอย่างเดียวแต่ทุกอย่างนั้นกลับดูสรปรกและน่าขยะแขยงเป็นอย่างมากแต่อิมพ์ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรนัก
แต่เมื่ออิมพ์พยายามเดินขึ้นบันไดเขาก็ถูกหยุดโดยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นองครักษ์ซึ่งกำลังกัดกินขาของอสูรอีกตัวอยู่
“ข้อแลกเปลี่ยนของเจ้าคืออะไร?” องครักษ์ถามขึ้นและอิมพ์ก็มองไปที่เขาอย่างสับสน "ถ้าไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ก็ไม่รับฟัง" เขาพูดและดึงขาออกจากหน้าไปชั่วขณะเพื่อกั้นบันไดไว้ก่อนที่อิมพ์จะมองไปยังองครักษ์
“ข้าคือแลกเปลีย่น” อิมพ์อธิบายดังนั้นผู้พิทักษ์จึงมองดูอิมพ์และยักไหล่ขึ้นลง “งั้นไปได้เลย” องครักษ์พูดออกมาอย่างชัดเจนพร้อมกับหลีกทางให้กับอิมพ์อีกครั้ง จากนั้นอสูรหนุ่มก็ขึ้นบันไดตรงหน้าไปด้วยความสับสนเล็กน้อย นี่มันไม่ง่ายไปหน่อยรึ ?
ด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย อิมพ์ก็เริ่มวิ่งขึ้นบันไดไปและในขณะที่เขาวิ่งอยู่เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงร้องไห้นี้ทำให้เขาจำได้อย่างรวดเร็วเพราะมันเป็นเสียงเดียวกับที่เขาได้ยินครั้งแรกตอนที่คลีเมนไทน์เห็นเขาได้สติขึ้นมาตอนวิวัฒนาการ
อิมพ์เร่งฝีเท้าและพยายามวิ่งขึ้นบันได จากนั้นก็หันมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่รอบๆเขาทันทีก่อนที่เขาจะเห็นกำแพงสีแดงตรงนั้น มันมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมากจนปกคลุมไปทั่วห้องอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผิวหนังของอสูรซึ่งอิมพ์ได้รู้มาจากในหนังสือ
จากนั้นอิมพ์ก็มองไปรอบ ๆ พยายามหาที่มาของเสียงร้องไห้ก่อนที่เขาจะพบกับคลีเมนไทน์ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆอสูรตัวใหญ่ตัวนั้น มือของเธอกำลังดันผิวหนังของมันอย่างแรงในขณะที่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังตกอยู่ในอาการเจ็บปวด
ทันใดนั้นอิมพ์ก็พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล เขาเตรียมกริชให้พร้อมทันทีในขณะที่วิ่งผ่านอสูรในห้องไป ซึ่งอสูรส่วนใหญ่ที่นี่ดูเหมือนกับกำลังใช้สมาธิกับการกินอะไรบางอย่างอยู่ แม้แต่ลอร์ดแห่งความตะกละก็ยังทำเช่นนั้น ดังนั้นอิมพ์จึงได้โอกาสคว้าไปที่คลีเมนไทน์และดึงเธอออกมาจากลอร์ดทันที
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาทำเช่นนั้น ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น อย่างแรคลีเมนไทน์หมดสติไปในทันทีในขณะที่ร่างของลอร์ดแห่งความตระกละเริ่มมีปฏิกิริยา รอยแตกปรากฏบนผิวหนังของมันตามด้วยเสียงกรีดร้องที่เกิดจากความเจ็บปวด
“ใครมันกล้า .. ?” ลอร์ดถามออกมาจนทำให้ชิ้นเลือดและเนื้อที่อยู่ในปากกระเด็นออกมา อิมพ์ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปยังทางออก แต่เส้นทางก็ถูกตัดขาดอย่างรวดเร็วโดยอสูรตนอื่นที่อยู่ในห้องซึ่งตอนนี้พวกมันทั้งหมดกำลังสนใจมาที่เขาแล้วในตอนนี้
“อย่า ... ปล่อยพวกมัน ... ไป!” ลอร์ดร้องอุทานและทันใดนั้นอสูรตัวอื่นๆในห้องก็พุ่งเข้ามาหาเขา แต่พวกมันนั้นมีน้ำหนักมากเกินไปจึงเชื่องช้าเป็นอย่างมากสำหรับอิมพ์ นั้นจึงทำให้อิมพ์วิ่งผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว แต่น่าเศร้าที่ดูเหมือนว่าประตูจะถูกปิดโดยอสูรตัวหนึ่งดังนั้นตอนนี้อิมพ์จึงไม่สามารถหนีออกไปแล้ว
เขาปล่อยร่างของคลีเมนไทน์ลงอย่างรวดเร็วอย่างหยาบเล็กน้อย แต่นั่นก็เพระาอิมพ์ไม่มีแม้กระทั่งเวลาระวังตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเสื้อคลุมสีขาวที่ได้มาจากร้านหนังสือออกมาแล้วพันร่างของคลีเมนไทน์ไว้ทันที แม้แต่นิ้วของอิมพ์ก็ยังรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสเข้ากับมัน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าจะไม่มีอสูรตัวไหนกล้าแตะต้องคลีเมนไทน์ในตอนนี้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้อิมพ์ต้องคิด เขาจำเป็นต้องคิดแล้วจริงๆว่าจะทำสิ่งที่ต้องการหรือจะทำทุกอย่างเพื่อพาตัวเองหนีออกไปจากสถานการ์นี้ดี
ดังนั้นในขณะที่วิ่งผ่านห้อง เขาก็พยายามหลบอสูรตัวอ้วนรอบๆตัวเขาโดยพยายามไม่ให้มีเลือดเนื้อไหลลงพื้นแม้แต่น้อย จากนั้นอิมพ์ก็หยิบทุกอย่างที่มีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าของเขาและพันไว้รอบๆมือ
เขายัดหินเวทย์สีขาว - ทองเข้าไประหว่างชั้นของผ้าในมือของเขาและพันสร้อยคอที่อยู่ในนั้นไว้รอบมือของเขา จากนั้นอิมพ์ก็คว้ากริชของเขาไว้ในมือนั้นให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้และพุ่งเข้าหาลอร์ดแห่งความตะกละโดยมุ่งเน้นไปที่รอยแตกบนท้องของมัน
ทันทีที่อิมพ์เข้าใกล้มากพอในระยะการแทง เขาก็ดันกริชไปข้างหน้าในขณะที่พยายามส่งมานาออกมาจากมือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเปิดใช้งานไพ่และหินวิเศษทั้งหมดที่เขามีในทีเดียว
[-221 พลังชีวิต]
โดยไม่สนใจการแจ้งเตือน อิมพ์ก็พยายามกดกริชของเขาไปข้างหน้าและจดจ่ออยู่กับจุดที่กริชของเขาแทงเข้าไปในร่างของลอร์ดแห่งความตะกละเท่านั้น สายของดาบสามเล่มก็พันอยู่รอบๆกริชและใบมีดของพวกมันก็รวมกลายเป็นหนึ่งในขณะที่กริชในมือของอิมพ์กำลังมีเปลวไฟลุกโชนขึ้น
ดูเหมือนว่าจะมีรอยแตกปรากฏมากขึ้นบริเวณที่ปลายกริชหลังจากที่อิมพ์แทงอสูรตรงหน้าเขา และนั่นก็ทำให้รอยแตกบนท้องของอสูรตนนี้เริ่มเกิดฟองและเสียงดังฉ่าขึ้นพร้อมกับมีไอน้ำลอยออกมา รอยแตกบนท้องของมันขยายออกกว้างขึ้นกว่าเดิมและในที่สุดมันก็แตกออกเป็นเล้นเล็กๆโดยมีความกว้างเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตรที่ด้านหน้าของท้องอสูร
จากนั้นราวกับว่าหนังของมันมันทำจากแก้วสีแดงขุ่น มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับมีเลือดและกรดในกระเพาะหลั่งไกลออกมาใส่อิมพ์ ซึ่งเขาเองก็พยายามหลีกเลี่ยงมันอย่างรวดเร็วโดยการก้าวไปด้านข้าง
[เปลือกของลอร์ดแห่งความตระกละ -1342 ความเสียหาย]
อิมพ์เพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนในทันทีและวิ่งผ่านของเหลวที่ไหลท่วมพื้นซึ่งมันกำลังค่อยๆขุดผ่านพื้นด้านล่างอยู่ อิมพ์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนักและเขาก็ผ่านพ้นมันไปได้โดยไม่แตะต้องของเหลวที่ละลายสิ่งต่างๆได้ ในขณะที่กำลังทำเช่นนั้นเขาก็ต้องประหลาดเมื่อเห็นอสูรในห้องกลายเป็นสับสน พวกมันแต่ละตัวต่างพยายามวิ่งออกไปจากห้องนี้ทันทีจนกระทั่งประตูถูกเปิดออก และในขณะที่พวกมันทำเช่นนั้นอิมพ์หนุ่มผู้รอบรู้ก็ได้เดินไปหาเด็กสาวที่อยู่ข้างห้อง
เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อิมพ์ก็หยิบคลีเมนไทน์ขึ้นมาและวิ่งไปที่ประตูจากโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะดูการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้น
จากนั้นอิมพ์ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาทำลาย 'เปลือก' ของลอร์ดแห่งความตะกละเท่านั้น แต่เขาไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับลอร์ดแห่งความตะกละ
อย่างช้าๆอิมพ์หนุ่มหันกลับไปมองร่างของอสูรตัวใหญ่ที่มีรอยแตกบนท้องขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ จากนั้นภายในช่องว่างตรงท้องที่ถูกเปิดออก ก็มีเงาสีดำมืดปรากฏอยู่ ไม่นานร่างนั้นก็ก้าวออกมาข้างหน้า
มันไม่ได้มีร่างที่ใหญ่โตเหมือนเดิมอีกแล้วและมันมีขนาดไม่ต่างไปกับลอร์ดแห่งความโกรธแม้แต่น้อย จากนั้นกลิ่นอายของลอร์ดแห่งความตะกละที่แท้จริงก็ค่อยๆไหลทะลักออกมาในขณะที่มอ้าปากขึ้น
“อ๊า ... ทำไมข้าถึงได้หิวขนาดนี้...”