ตอนที่ 26 ภรรยาของฉันเก่งเรื่องบนเตียงที่สุด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหยาซื่อขับรถมาถึงประตูแห่งหนึ่ง
“เฮ้! ได้เวลาลงรถแล้ว”
ฉีโย่วขยับศีรษะที่ง่วงนอนของเธอ ยืดตัวขึ้นอย่างสบายใจ
“มาเร็ว”
เหยาซื่อส่ายหน้าเปิดประตูเพื่อดึงฉีโย่วออกมาจากรถ
“จับแขนฉันไว้”
“ไม่-”
ฉีโย่วยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยมีเหยาซื่อล็อคตัวไว้
“คุณอยากให้หน่ายนายรู้หรือไง นี่เป็นวันแรกที่เราแต่งงานกันนะ”
เหยาซื่อก้มลงกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ
ลมหายใจของเขาทำให้หัวใจของเธอสูบฉีด
“คุณชายกลับมาแล้วขอรับ”
พ่อบ้านเห็นรถของเหยาซื่อขับเข้ามา จึงวิ่งออกไปต้อนรับอย่างร่าเริง
“สวัสดีครับคุณชาย คุณผู้หญิง”
หลังจากทักทายพวกเขาอย่างสุภาพแล้วพ่อบ้านรับกระเป๋าของฉีโย่วมาถือไว้ให้
“ท่านหญิงรอพวกคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นขอรับ”
เหยาซื่อจับข้อมือของฉีโย่วไว้แน่น ทำให้เธอสงบลง สายตามองออกไปอย่างว่างเปล่า
“เอาล่ะ เริ่มกันเลย”
พวกเขาควงแขนกันเดินเข้าไปในบ้านอย่างสนิทสนม เห็นเจียงเฟิงอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ของเธอ
“เยี่ยมเลย ในที่สุดก็มาสักที”
เจียงเฟิงอี้ยืนขึ้น ทักทายพวกเขาด้วยความยินดี ทำให้ฉีโย่วตกใจ
“หน่ายนาย นั่งลงเถอะค่ะ”
เจียงเฟิงอี้ยิ้มให้ฉีโย่ว โดยไม่สนใจเหยาซื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เหยาซื่อนั่งถัดจากฉีโย่วด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ ถอนหายใจที่เขาดูไม่มีตัวตนเลยในบ้านหลังนี้
“มานี่มา โย่วโย่ว ฉันอยากจะแนะนำให้เธอรู้จักกับเพื่อนสนิทของฉัน เรียกเธอว่าย่าหลี่ก็ได้”
ตอนนี้ฉีโย่วเงยหน้าขึ้น เห็นผู้หญิงสองคน คนหนึ่งอายุมากกว่า และอีกคนดูอ่อนวัยกว่า นั่งอยู่อีกฝั่งของโซฟา เธอสังเกตเห็นเจียงเฟิงอี้เมื่อเข้ามาในบ้านเพียงเท่านั้น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณย่าหลี่”
ฉีโย่วทักทายย่าหลี่อย่างอ่อนหวานด้วยการพยักหน้าเหมือนหญิงสาที่ถ่อมตัว
หลี่ซิ่วเจิ้งสังเกตฉีโย่วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความพึงพอใจและอดไม่ได้ที่จะยกย่องเธอ
“อืม เฟิงอี้ เธอรู้ไหมว่าหลานสะใภ้ของเธอสวยมาก”
“แน่นอน. เธอควรจะได้เห็นหลานสะใภ้ของฉัน” เจียงเฟิงอี้ก้มหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“ขอโทษนะคะ แล้วเธอคือใคร?”
ถัดจากหลี่ซิ่วเจิ้น มีเด็กสาวที่อ่อนโยน ใบหน้าสะสวยและดูเฉลียวฉลาดเหมือนหญิงสาวในตระกูลขุนนางนั่งอยู่ เธอก้มหน้าไม่พูดอะไรสักคำ
“โอ้นั่นหลานสาวของย่าหลี่เขาน่ะ เธอเติบโตมาพร้อมกับอาซื่อ”
กระทั่งหลี่ซิ่วเจิ้นสะกิดถังถิงที่เหม่อลอยให้เงยหน้าขึ้น
“สวัสดีจ๊ะ ฉีโย่ว ยินดีที่ได้รู้จักนะ สวัสดีค่ะพี่อาซื่อ”
“ใช่ ๆ ตอนเด็ก ๆ ถังถิงชอบเล่นกับอาซื่อมากเลยล่ะ”
“ว้าว! คู่รักวัยเด็ก!”
ฉีโย่วแกล้งแย่เหยาซื่อเบา ๆ ช่างเป็นเจ้าสาวที่น่าสมเพชเสียจริง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอคู่แข่งด้านความรักตั้งแต่วันแรกของการแต่งงาน
เหยาซื่อเลิกคิ้วมองไปที่เจียงเฟิงอี้ด้วยความสับสน
‘ทำไม ฉันถึงไม่รู้ว่าตัวเองโตมาพร้อมกับถังถิง?’
ยกเว้นผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ชอบตบหากับเพื่อนต่างเพศมาตั้งแต่เด็ก ‘หน่ายนายกำลังทำอะไรอยู่’
“ไร้สาระ. เธอเป็นน้องสาวฉัน”
เหยาซื่อจ้องไปที่ดวงตาที่กำลังเยาะเย้ยของฉีโย่วโดยไม่แสดงออก ‘ปฏิกิริยาของหญิงสาวดูแปลก เหมือนไม่เป็นตัวเอง’
“คุณไม่ต้องพูดหน่อยเลย! ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเธอมองมาที่คุณ”
ฉีโย่วมองไปที่ถังถิงในฐานะผู้หญิงฉีโย่วจะอ่านสิ่งที่เธอคิดไม่ออกได้เลยหรืออย่างไร?
เมื่อดูทั้งคู่กระซิบกระซาบกันต่อหน้าเธออย่างช่วยไม่ได้ ถังถิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
ตั้งแต่เธอได้พบกับเหยาซื่อ เมื่อครั้งที่เธอติดตามคุณย่าของเธอมาที่บ้านตระกูลเหยาทุกเทศกาล ในสายตาของเธอเหยาซื่อดูโดดเด่นและยอดเยี่ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มันยากสำหรับเธอที่จะควบคุมความรักที่มีต่อเขา
ถังถิงเสียใจมานานแล้วที่เหยาซื่อมีแฟน แต่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไปแล้ว ดังนั้นถังถิงจึงเรียกความกล้าที่จะไล่ตามเขาอีกครั้ง
หากพ่อแม่ไม่ได้สอนให้เธอรักนวลสงวนตัว คนที่นั่งอยู่กับเหยาซื่อ ณ ตอนนี้ต้องเป็นเธอเป็นแน่!
เพียงแวบเดียว ฉีโย่วก็มองเห็นถังถิง แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหน่ายนายจึงขอให้เธอเผชิญหน้ากับแขกเช่นนี้
“เอาล่ะ วันนี้เป็นวันแรกสำหรับอาซื่อและโย่วโย่ว ในฐานะคู่แต่งงาน มาทานข้าวเย็นด้วยกันเถอะ ฉันขอให้คนครัวเตรียมอาหารอร่อย ๆ ไว้มากมายเลยล่ะ”
เจียงเฟิงอี้จับแขนของฉีโย่ว คอยปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา
ที่โต๊ะ เจียงเฟิงอี้และหลี่ซิ่วเจิ้งคุยกันอย่างสนุกสนานในขณะที่คนหนุ่มสามทั้งสามก้มหน้าทานอาหารอย่างเงียบ ๆ
มันทำให้ฉีโย่วรู้สึกอับอายมากที่เหยาซื่อและถังถิงตัดเขาออก เสมือนว่าเธอเป็นคนนอกที่ไม่สามารถเข้ากับพวกเขาได้
“พี่อาซื่อ นี่ค่ะ”
ถังถิงยกแก้วขึ้น หน้าสีแดงระเรื่อมองลึกไปที่ใบหน้าของเหยาซื่อ เธอไม่ได้เก็บซ่อนความรักที่มีต่อเขาไว้เลย
ฉีโย่วโค้งริมฝีปากของเธอด้วยความรังเกียจ “อี๋ ช่างเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์เสียจริง”
เสียงของเธอไม่ดัง แต่ชัดเจนพอที่เหยาซื่อจะได้ยิน
เหยาซื่อมองไปที่ถังถิงที่กำลังเขินอายและปฏิเสธข้อเสนอขอเธอ
“ขอโทษด้วยครับ ภรรยาผม ไม่ชอบให้ผมดื่ม”
มือใหญ่ของเขาถูไปมาที่ต้นขาของฉีโย่ว เขาจงใจโน้มตัวเข้าหาเธอ ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาสนิทสนมกันมากในสายตาของผู้อื่น
เจียงเฟิงอี้มองดูปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างพึงพอใจ ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเธอเต็มไปด้วยความสุข
ถังถิงวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างโกรธ ๆ เสียงดังทำให้ทุกคนตกใจ ยกเว้นรอยยิ้มเขินอายของหลี่ซิ่วเจิ้งเท่านั้น ทำให้บรรยากาศแปลกออกไป
หลังอาหารค่ำหลี่ซิ่วเจิ้ง เป็นคนที่ฉลาดเฉียวรีบขอตัวกลับไปพร้อมกับถิงถัง
“โอ้ ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี้ย พวกเธอควรเข้านอนเร็ว ๆ”
เจียงเฟิงอี้แอบมองเหยาซือ “ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เป็นคุณย่าใหญ่”
เหยาซื่อหันไปหาฉีโย่วที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟา
เขาไม่เคยคิดที่จะมีลูกกับฉีโย่ว แต่เขาจะยอมรับสิ่งที่ถูกกำหนดให้เกิดขึ้น
“ไว้ใจได้เลยครับ” เหยาซื่อเลิกคิ้วและดึงฉีโย่วกลับไปที่ห้องของเขา
โคมไฟระย้าสีส้มเหนือศีรษะช่วยให้แสงสว่างสบายตา ห้องทั้งห้องถูกทาด้วยสีชมพูอ่อนอบอุ่น แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านตระกูลเหยา แต่ฉีโย่วก็มั่นใจว่าเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นของใหม่ทั้งหมด
“อ่า สบายจัง”
ฉีโย่วอ้าแขน ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างสบาย ๆ กลิ้งไปมา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา เหยาซื่อปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างช้า ๆ จากนั้นดึงฉีโย่วขึ้นมา
“คุณจะทำอะไร?”
เหยาซื่อจับซีโย่วไว้ในอ้อมแขนของเขา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอละลายไปกับแผงอกกว้างของเขา อากาศน่าดึงดูดบรรยากาศที่คลุมเครือ
“บอกผมสิ?”
เหยาซื่อโค้งขึ้นคร่อมตัวฉีโย่ว กดเธอไว้กับเตียงแน่น กลิ่นกายของชายหนุ่มพิเศษทำให้เธอขยับไมได้
ฉีโย่วหันไปกลอกตาอย่างเชื่องช้าโดยไม่แยแสกับความเจ้าชู้ของเหยาซื่อ
“เป็นอะไรไป? คุณหึงเหรอ?”
เมื่อมองลึกลงไปบนใบหน้าของฉีโย่ว เหยาซื่อมีความสุขอย่างอบอุ่นในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงความสบายใจของเธอ
“น่าสนใจนี่! ฉันไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าสามีของตัวเองเป็นโฮสต์ ทำไมฉันต้องหึงผู้หญิงอื่นด้วย” ฉีโย่วยักไหล่โดยไม่รู้ว่าใบหน้าของเหยาซื่อเคร่งขรึมขึ้น
‘ยายสัตว์ประหลาดที่น่ารักตัวนี้ช่างโง่เสียเหลือเกิน นานแล้วนะ เธอยังคิดว่าฉันเป็นโฮสต์อยู่อีกเหรอ’
เหยาซื่อเอื้อมมือยาวและทระนงพลังของเขา เพื่อหันศีรษะของฉีโย่วกลับมา แล้วจ้องมองเธอไปตรง ๆ