ตอนที่ 25 ฉันอยากให้คุณตายซะที่นี่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉีโย่วยังคงรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข หลังจากเคลิบเคลิ้มมาตลอดทั้งคืน เธอไม่มีเวลาทานอาหารเช้า และตอนนี้กำลังหิวโหยเป็นอย่างมาก
คนบางคนสังเกตเห็นฉีโย่วในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน
“สวัสดีฉีโย่ว คุณจะไปไหน”
ฉีโย่วและหบี่ซือเฉิงอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานและทำงานในบริษัทเดียวกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนร่วมงานไม่มากก็น้อย
ฉีโย่วตัวแข็งไปชั่วขณะและในไม่ช้าสีหน้าเย็นชาของเธอกลับคืนมา
“ฉันขอให้พวกคุณรักกันตลอดไปและมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” ฉีโย่วลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโรงอาหาร
“ช่างเป็นวันที่โชคไม่ดีเอาเสียเลย”
ฉีโย่วเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นานที่ได้เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าแต่อ่อนเยาว์และสวยงามปรากฏในกระจก ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้น
เมื่อเช้านี้ออกมาด้วยความรีบร้อน ฉีโย่วหยิบกระเป๋าของเธอออกมา เติมเครื่องสำอางบนใบหน้า สาวมั่นต้องสวยตลอดเวลา!
“โย่วโย่ว”
ทันใดนั้นจีหมานชิงได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ และเข้ามาข้าง ๆ เธอ
“เธอจะมางานแต่งงานของฉันในเดือนหน้าด้วยใช่ไหม?”
จีหมานาชิงยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
ฉีโย่วมองไปที่จีหมานชิงด้วยความรังเกียจ หวังว่าจะหนีไปจากเธอให้ได้เร็วที่สุด
“ใช่สิ. แฟนเก่าจะแต่งงานทั้งที จะไม่มีได้ยังไง ใช่ไหม?”
ฉีโย่วหยิบสิปสติกขึ้นมา ทาลงบนริมฝีปากของเธออย่างชำนาญ
สมบูรณ์แบบ!
“ฉีโย่ว เกินไปแล้วนะ!” จีหมานชิงรู้สึกหงุดหงิดกับความเย่อหยิ่งของฉีโย่ว
“ฉันเคารพเธอเหมือนพี่น้องของตัวเอง อย่าทำตัวไร้ยางอายไปหน่อยเลย”
“พัฟ!” ฉีโย่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ใครกันแน่ที่หน้าด้าน? ฉันไม่มีพี่น้องที่ไร้ยางอายเหมือนเธอ แย่งแฟนของคนอื่นและมีความสุขกับเขา โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย”
ฉีโย่วปั้นหน้าได้อย่างสวยงามโดยไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของจีหมานชิงเลย
“ฉันรู้ว่าเธอยังโกรธฉันอยู่ แต่หลี่ซือเฉิงกับฉัน เรารักกันจริง ๆ ทำไมเธอถึงไม่ปล่อยพวกเราไป”
จู่ ๆ จีหมานชิงก็เปลี่ยนลุคอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร ฉีโย่วก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเธอในตอนนี้
“ไม่ ฉันเหรอที่ไม่ปล่อย พวกผีเน่าโรงผุ”
ฉีโย่วเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจที่จีหมานชิง จู่ ๆ เปลี่ยนสีหน้าแย่ลง
“ฉีโย่ว เธอ..อา!”
ขระที่เธอสวมรองเท้าส้นสูงถึงแปดเซนติเมตร จีหมานชิงเสียการทรงตัวและล้มลง
ปัง.
ฉีโย่วรู้สึกเหมือนมีลางร้ายผุดขึ้นในความคิดของเธอ
“เฮ้ เธอโอเคไหม?”
แม้ว่าจะเกลียดจีหมานชิงสักเพียงใด ทว่าฉีโย่วอดไม่ได้ที่จะช่วยดึงเธอขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเธอ
“โย่วโย่ว เธอผลักฉันทำไม”
จีหมานชิงอ้าปากค้าง ผมเปียกไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดดูแล้วน่ากลัวมาก
ฉีโย่วหยุดกึก พร้อมกับจ้องมองไปที่จีหมานชิงที่หอบอยู่บนพื้น
“น่าสนใจดีนี่! ฉันเหรอที่ผลักเธอ?” ฉีโย่วหดมือกลับอย่างช้า ๆ ‘ผู้หญิงอะไร หน้าด้านเสียจริง! เธอพยายามใส่ร้ายฉัน ในสถานการณ์อย่างนี้น่ะนะ’
“งั้นก็ตายอยู่ที่นี่เถอะ!” ฉีโย่วหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องน้ำ โดยทิ้งจีหมานชิงนอนกองอยู่บนพื้น
“หืม! หยุดเลยนะ คนที่เขาล้ม ก็แค่ลุกขึ้นมาก็ได้แล้ว”
ฉีโย่วกลอกตาและปรับตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานต่อไป
“ปัง!” ราวกับกระแทกเข้ากับกำแพง ทำเอาฉีโย่วรู้สึกปวดหัว
“อุ๊ย ใครกัน? ตาบอดหรือไง”
ฉีโย่วลูบหัวด้วยความมันงง ตั้งใจจะต่อว่าต่อไป
วันนี้เธอได้พบกับสิ่งที่สร้างแต่ความไม่พอใจมากมาย ดีล่ะจะได้ระบายความโกรธออกไปสักที
“ฉันเอง.”
ฉีโย่วรู้สึกประทับใจในเสียงทุ้ม
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นชายที่สง่างาม กำลังมองมาที่เธอพร้อมกับผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ผู้จัดการดึงเธอออกมาในทันที
“ทำไมเธอถึงไม่ระวังอย่างนี้ แล้วยังจะชนเจ้านานอีก? ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
“ขอ-ขอโทษค่ะ”
ฉีโย่วก้มหัวขอโทษแทบจะใกล้จะพื้น
หลังจากเงียบไปสักพัก ฉีโย่วแอบมองขึ้นไป พบว่าเหยาซื่อจากไปแล้ว
“ฟู่! บ้าอะไรเนี้ย! เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำได้ยังไง?”
ฉีโย่วกล่าวอย่างเศร้าใจ เธอนึกไม่ออกเลยว่าเหยาซื่อจะลงโทษเธออย่างไร
*
เป็นเวลาเกือบเที่ยงก่อนที่ชายที่นอนบนเตียงใหญ่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่อยู่แล้ว เหยาซื่อยกมือกุมขมับ “ฉันเป็นโฮสต์ของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมเนี้ย ตื่นมาเมื่อไหร่เธอก็หนีไปตลอดเลย”
ในอีกความคิดหนึ่ง เขาต้องหาเวลาสอนเธอให้มากกว่านี้ เขามั่นใจว่าสักวันเธอจะเรียกเขาว่า สามี.
*
ฉีโย่วใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายบนเครื่องบินอย่างมีความสุข ทิ้งความหดหู่ใจในตอนเช้าและไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องอีกมากมายรอเธออยู่
........
เวลา 1ทุ่ม ฉีโย่วถอดเครื่องแบบและเตรียมตัวกลับบ้าน
เธอคิดว่าจะบินเที่ยวบินพิเศษในตอนเย็น เพื่อชดเชยในตอนเช้า ไม่คาดคิดว่าแม่ของเธอจะโทรมาในเวลาที่เธอเลิกงานและขอให้เธอกลับบ้านไปทานข้าวเย็นกับเจียงเฟิงอี้
“นี่เป็นวันแรกที่แกแต่งงาน แกจะละเลยได้ยังไง รีบกลับเดี๋ยวนี้!”
เมื่อมองไปรอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยของขวัญสำหรับเจ้าสาวที่ได้รับในตอนกลางวัน แม่ของฉีโย่วยิ้มกว้างปากเกือบจะจรดถึงใบหู ‘ครอบครัวคนรวยนี่ช่างมีน้ำใจจริง ๆ’
เธอตัดสินใจที่จะเก็บทุกอย่างไว้เอง ตอนนี้ลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับครอบครัวเศรษฐีไปแล้ว แต่เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“จะให้ฉันไปไหนอีกล่ะแม่? ให้ฉันได้พักบ้างเถอะ”
ฉีโย่วนั่งบนม้านั่งอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกปวดหัว
“แกนี่ ฉันส่งของของแกไปหมดแล้ว แกไม่ต้องกลับมาแล้วนะ”
“อะไรนะ!”
ฉีโย่วนั่งลงอย่างหัวเสีย เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยว่านี่คือแม่ของเธอจริง ๆ หรือเปล่า แม่ที่กระตือรือร้นผลักดันให้ลูกสาวของตัวเองออกไปจากบ้าน
“อย่าเล่นตุกติกล่ะ ไปอยู่ที่บ้านคุณย่าซะ ฉันจะไม่ยกโทษให้แก ถ้าแกทำให้เธอโกรธอีก”
แม่ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งกับเธอก่อนจะวางสาย ฉีโย่วนั่งตัวสั่นเมื่อนึกถึงดวงตาที่เย็นชาของเหยาซื่อในตอนเที่ยง
ปวดหัวเหลือเกิน เธอลูบขมับไปมา เมื่อคิดถึงสุขภาพของเฟิงอี้ เธอไม่กล้าที่คัดค้านใด ๆ ได้
“ขึ้นรถ” เสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดใจดังขึ้น เมื่อรถโรดสเตอร์สีแดงหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉีโย่ว
ขณะที่หน้าต่างเลื่อนลง เหยาซื่อสวมแว่นกันแดด วางมือไว้บนพวงมาลัย รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาทำให้ฉีโย่วหน้าแดงระเรื่อขึ้น
“โอ้ว! เป็นคนรวยนี่มันดีจริง ๆ มีรถขับไม่ซ้ำในแต่ละวัน”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฉีโย่วรีบเข้าไปในรถ
เสียงของเธอเบา ทว่าเหยาซื่อได้ยินชัดเจน รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏในดวงตาใต้แว่นกันแดดของเขา
“สำหรับการเฉลิมฉลอง”
ฉีโย่วกระตุกมุมปากอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อเทียบกับคำพูดอันแหลมคมของเขา เธอไม่มีอะไรจะพูดเลยจริง ๆ