Ep.847 - หูซาน
4/5
Ep.847 - หูซาน
ชูฟ่านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
สารพิษที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว มันก็เหมือนกับกระสุนเยือกแข็งที่ฉินเฟิงเคยใช้ในมิติลาวาเดือด เจ้าสิ่งนี้สามารถควบคุมศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารพิษเลือดแข็งตัว จะทำให้เลือดของอสูรโลหิตจับตัวเป็นก้อน วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันไม่ให้พวกมันแทรกแซงเข้ามาในร่างกายมนุษย์ได้มากขึ้น
“ยอดเยี่ยมมาก!” ฉินเฟิงรับของจากชูฟ่าน
ชูฟ่านพอรายงานเสร็จ ก็ตั้งใจจะไปศึกษาเรื่องอายุขัยที่ยืนยาวของมิติล่มสลายต่อ แต่ในตอนที่เขากำลังจะจากไป เจ้าตัวก็หันกลับมา เอ่ยถามฉินเฟิง “ประธาน เรื่องงานวิจัยปลุกนักรบแห่งอนาคต คุณตั้งใจจะส่งเสริมมันอย่างเต็มที่เลยรึเปล่า? เพราะผมได้เห็นข้อสรุปของแซดแล้ว เขายังคงคิดว่างานทดลองชิ้นนี้มีช่องโหว่อยู่”
หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น
อัตราการปลุกพลัง 100% แถมยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แซดยังคิดว่ามีช่องโหว่ ยังไม่พอใจอีกหรือ?
แต่แล้วจู่ๆในใจของฉินเฟิง ก็ย้อนนึกไปถึงฉากที่แซดปลดปล่อยมังกรทมิฬออกมา ความคิดเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะถ้ามนุษย์สามารถใช้ได้แค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างอย่างเดียว … พวกเขาจะไม่อ่อนแอเกินไปหรือ!”
ความอ่อนแอที่ว่า ไม่ได้หมายถึงแค่การป้องกันทางกายภาพเท่านั้น
อย่างฉินเฟิง พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่ง เพราะฉินเฟิงเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ฝึกฝนเทคนิคคู่ขนาน เมื่อเทียบกับจักรพรรดิสัตว์ร้ายในระดับเดียวกัน ร่างเขาทนทานก็จริง แต่ลึกๆฉินเฟิงยังคงรู้สึกได้ถึงความเปราะบางของตนเอง
เพราะแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งทนทาน แต่คมอาวุธแข็งแกร่งยิ่งกว่า มันสามารถเจาะทะลุเข้ามาได้
เช่นเดียวกับมีดกษัตริย์คราม ไม่มีเนื้อของสัตว์ร้ายตัวใด สามารถหยุดการเชือดเฉือนของมันได้
เมื่อต้องเผชิญกับคมอาวุธ อาศัยเพียงเนื้อหนังของมนุษย์จะสามารถป้องกันมันได้หรือ?
แต่ตอนนี้ พลังงานที่พวกเขาเพิ่งค้นพบ ถือเป็นงานวิจัยที่ช่วยคนธรรมดาได้มากที่สุดแล้ว
การแสดงออกทางสีหน้าของชูฟ่านชะงักไปเล็กน้อย
แต่ก็กลับมาเป็นปกติในพริบตาเดียว หันหลังและเดินจากไป ทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคหนึ่ง
“ผมไม่นึกเลย ว่าคุณจะเห็นด้วยกับแซด!”
ฉินเฟิงไม่แปลกใจกับคำตอบของเขา แม้การปลุกพลังให้กับทุกคนอาจเป็นเหมือนความฝัน แต่ฉินเฟิงก็คาดหวังเช่นกัน ว่าความฝันนี้จะค่อยๆก่อร่างกลายเป็นความจริง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
เสียงอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง ดังกระชากสติเขา
เนื่องจากมิติธารโลหิตมีรอยแยกคอยเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และกฏเกณฑ์ของที่นี่ก็ไม่ได้ปิดกั้นอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นตราบใดที่เสาสัญญาณส่งถึง และผู้โทรอยู่ในมิติเดียวกัน ก็สามารถติดต่อหากันได้
ฉินเฟิงยกข้อมือขึ้น แต่บุคคลที่โทรมา ทำให้ฉินเฟิงต้องสั่นสะท้าน!
เพราะหมายเลขบนอุปกรณ์สื่อสาร แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นเลเวล S !
ฉินเฟิงกดรับสายสื่อสาร จอสมมติสว่างขึ้น ใบหน้าที่ไม่ต่างจากชายชราธรรมดาโผล่ออกมา อีกฝ่ายคาบไปป์อยู่ในปาก พ่นควันโขมง ไม่ได้เจอกันเพียงครึ่งปี แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแก่ลงไปมาก
“ท่านผู้ใหญ่หูซาน!” ฉินเฟิงเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร หูซานถือเป็นผู้มีพระคุณของเขา ครั้งก่อนเป็นอีกฝ่ายที่ช่วยฉินเฟิงขับไล่แซด ทั้งยังยกเรื่องข้อตกลงสามปี
ฉินเฟิงติดหนี้หูซานมากมายนัก
“ฉินเฟิง ตอนนี้ในมือของคุณ มีเจ้าสิ่งนี้อยู่บ้างรึเปล่า?” บนมือของหูซาน ชูผลึกสีเลือดสดใสขึ้นให้ดู หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามันเป็นแค่ในส่วนของเลเวล B เท่านั้น
ก่อนกลับมาเกิดใหม่ ฉินเฟิงไม่เคยพบหูซานมาก่อน เขาเลยไม่ทราบเหมือนกัน ว่าในมิติธารโลหิตแห่งนี้ สามารถดึงดูดความสนใจของเลเวล S ได้กี่คน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหูซานจะเป็นหนึ่งในนั้น
“ครับ ไม่ทราบว่าท่านผู้ใหญ่ต้องการเท่าไหร่?” ฉินเฟิงไม่ชักแม่น้ำทั้งห้า ตอบรับทันที อันที่จริงแล้วผลึกโลหิตเหล่านี้ ต่อให้เก็บไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ต่อเขามากนัก คุณสมบัติของมันคือช่วยยืดอายุขัย ทว่าแต่ละเลเวลก็ขึ้นอยู่กับว่าร่างมนุษย์จะสามารถดูดซึมได้มากแค่ไหนเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นคนอายุมาก ยิ่งให้ผลลัพธ์ชัดเจน
ยกเว้นผลึกโลหิตเลเวล S ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าที่อาจหาไม่ได้อีกแล้วในอนาคต ชิ้นอื่นๆ ฉินเฟิงมีแผนที่จะขายพวกมัน
“คุณมีจริงๆ? มากแค่ไหนกัน?”หูซานมองฉินเฟิงอย่างคาดไม่ถึง ตอนนี้มีหลายคนที่เข้ามาในมิติธารโลหิต แต่ผู้ที่สามารถล่าอสูรโลหิตได้มีน้อยนิดยิ่ง
ในทางตรงกันข้าม คนที่ถูกอสูรโลหิตสังหาร มีนับไม่ถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้น มิติแห่งนี้ยังมีสัตว์ร้ายน่าหวาดกลัวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่นหนอนโลหิตเลเวล C , ค้างคาวดูดเลือดที่ยังไม่ถูกค้นพบ ไหนจะแร้งสูบเลือด ฯลฯ
“ครับ ตอนนี้ผมมีผลึกเลเวล A ห้าแก่น ส่วนเลเวล B น่าจะมีประมาณ 50 แก่น” ฉินเฟิงกล่าวรวบยอด
หูซานนิ่งเงียบไป มองฉินเฟิงด้วยสายตาลึกล้ำ ราวกับว่าต้องการล่วงรู้ความลับในใจของฉินเฟิง
“คุณเก่งมากจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องลูกรักของพระเจ้า และคาดหวังว่าหัวเซี่ยจะถือกำเนิดเลเวล S ขึ้นอีกคน แต่ไม่คิดเลย ว่าแค่ไม่นาน อีกฝ่ายจะพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว
หูซานใช้เวลาส่วนใหญ่จมอยู่กับการหลับใหล นิทรานี้ หมายถึงการนอนหลับทางกายภาพเท่านั้น เขาอายุมากแล้วจริงๆ บวกกับผ่านพ้นการต่อสู้มาอย่างยาวนาน และได้รับบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ในทางกายภาพ เขาต้องหลับอยู่ตลอดเวลา
แต่ในระหว่างนั้นหูซานคอยใช้งานพลังสมาธิเพื่อเข้าสู่โลกแห่งจิตสำนึก เรียนรู้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ช่วงที่ผ่านมา มีแค่เรื่องความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเท่านั้นที่น่าสนใจ หลังจากฉินเฟิงผ่านพ้นการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง
“ฉันยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับมิติแห่งนี้ คุณพอจะมาหาฉันได้ไหม พิกัดก็อยู่ถัดจากซากปรักหักพัง หรือก็คือป้อมปราการดินที่คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของคุณ”
“เข้าใจแล้ว ท่านผู้ใหญ่ โปรดรอสักครู่”
ฉินเฟิงไม่คิดยึกยักล่าช้า เรียกไป๋หลี เทเลพอร์ตทั้งสองเดินทางสู่ป้อมปราการในพริบตาเดียว
ช่วงเวลานี้ มีมนุษย์อยู่นอกป้อมปราการเช่นกัน เอาจริงๆนี่ไม่สมควรเรียกว่าเป็นป้อมปราการเดี่ยวอีกต่อไป แต่มนุษย์คนอื่นๆจากมิติของฉินเฟิง ก็เรียนรู้และทำแบบเดียวกัน เริ่มสร้างตึกราม นี่เป็นงานถนัดของฝั่งสหภาพสาธารณรัฐแอฟริกาเหนือพอดี พวกเขาเริ่มสร้างอาคารรวมๆกัน ไม่ช้าสิ่งปลูกสร้างหลังใหญ่ก็ปะกบติดกันเป็นทิวแถว
ผู้คนบ้างเริ่มจุดไฟทำอาหาร สำหรับคนที่ตกลงมาจากมิติล่มสลาย ก็ใช้จ่ายเหรียญคริสตัลบางส่วน เพื่อแลกกับอาหาร
ราวกับว่าการพำนักในมิติธารโลหิตไม่ใช่เรื่องอันตรายอีกต่อไป แต่เป็นเพียงการผจญภัยกลางทุ่งล่าที่แสนท้าทาย
ขนาดที่ว่า ฉินเฟิงในป้อมปราการ เห็นภาพของกงเก๋อกับคลิฟส์กำลังสนทนากันอย่างออกรส ทั้งสองเป็นผู้ใช้อบิลิตี้แสงเหมือนกัน เป็นธรรมดาที่จะสนิทกันง่ายกว่าปกติ
ฉินเฟิงกวาดตาผ่าน มองไปยังฝั่งสมรภูมิธารโลหิต และพบกับดินแดนสีขาวราวหิมะ ใจกลางพื้นที่สีขาว ปรากฏกระท่อมธรรมดาๆหลังหนึ่งถูกสร้างขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่นี่ เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นเยียบของน้ำแข็ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้แล้วว่าเจ้าของเป็นใคร!
ฉินเฟิงพาไป๋หลีก้าวเข้าไป โดยไม่รู้ตัว ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นี่
อะไรที่อาจเกี่ยวข้องกับตัวตนทรงอำนาจเลเวล S เป็นธรรมดาที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน กระทั่งหลายคน ยังอยากเข้าคบหา เพื่อคาดหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองในอนาคต
เพียงแต่ว่า หากผลลัพธ์ตรงกันข้าม ดันไปสร้างความเกลียดชังให้กับเลเวล S แล้วล่ะก็ มันคงแย่มาก!
แม้หลายคนไม่เคยพบเจอตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ตัวเป็นๆ แต่เกล็ดน้ำแข็งเหล่านี้ เพียงพอแล้วที่จะข่มขวัญให้พวกเขาล่าถอย
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ เพื่อพบว่าฉินเฟิงกับไป๋หลีไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากผืนน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นเลย พวกเขาเดินเข้าไปในกระท่อมเล็กๆอย่างสะดวกสบาย
“ท่านผู้ใหญ่หูซาน!”
ฉินเฟิงเข้าไปในกระท่อม เห็นหูซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ พ่นควันอย่างผ่อนคลาย พริบตานั้นทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็ง
เจอกันครั้งก่อนฉินเฟิงยังเป็นแค่เลเวล C แม้เขาจะมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่การรับรู้เรื่องกลิ่นอายยังค่อนข้างอ่อนแอ คิดแค่ว่าท่านผู้ใหญ่หูซานมีพลังมาก แต่ตอนนี้ เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอีกแบบหนึ่ง …