ตอนที่แล้วEp.843 - ยังคงท่าเดิม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.845 - เลเวล S มาเยือน

Ep.844 - ดื่มด่ำไปกับจินตนาการ


1/5

Ep.844 - ดื่มด่ำไปกับจินตนาการ

ซากศพนับไม่ถ้วนพองพะเนินท่ามกลางซากปรักหักพัง แม้แต่ผืนดินยังถูกย้อมกลายเป็นสีดำ

กรอบ กรอบ กรอบ

เสียงฝีเท้าย่ำลงบนพื้น เรียกสติของทุกคนให้เบนสายยตามอง บางคนสะดุ้งตกใจราวกับนกน้อยที่หวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พบว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าคือฉินเฟิง

เวลานี้ฉินเฟิงเดินออกไปกว่า 10 เมตรแล้ว เหยียบย่ำไปตามพื้นดินสีดำสนิท  สีดำสนิทพวกนี้ มิใช่สีของดิน แต่มันเป็นสีของเลือดที่แห้งไปแล้ว คือสีที่เกิดจากการกัดกร่อนของอบิลิตี้มืด

ฉินเฟิงเดินบนนั้น โดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ก้าวไปสักพัก คล้ายสังเกตพบว่าคนข้างหลังไม่ได้ตามมา เหลียวศีรษะหันมอง

“ยังไม่ตามมาอีก? มัวยืนเฉยรอให้อสูรโลหิตบุกเข้ามาหารึไง?”

รัศมีสามกิโลเมตร ไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ตลอดทั้งซากปรักหักพัง เอาจริงๆคงได้แค่สัก 1/10 ส่วนของพื้นที่ หรือให้พูดอีกอย่างก็คือ อีก 9/10 ส่วนยังมีอสูรโลหิตเหลืออยู่!

เมื่อถึงจุดนี้ มนุษย์ผู้รอดชีวิตสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน พวกเขารีบเดินตามฉินเฟิงไปทันที

ฉินเฟิงยังคงเร่งฝีเท้าของตนเอง มนุษย์กว่า 300 คน ในที่สุดสามารถหลุดพ้นจากพื้นที่ซากปรักหักพังในที่สุด ที่พื้นราบโล่งกว้างปรากฏสู่สายตา

เพียงแต่ว่า โลกภายนอก ก็ยังเป็นสีแดงฉานเหมือนเช่นเคย ฉากนี้ทำให้มนุษย์ที่เพิ่งรอดพ้นจากความตาย บังเกิดความสิ้นหวังผุดพรายขึ้นในใจอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าพวกเขาหนีเสือปะจระเข้ ความปิติยินดีกลับกลายเป็นสิ้นหวัง สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงอยู่ในนรกอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเห็นได้ชัดว่าได้คิดแผนการไว้ล่วงหน้าแล้ว

“เทคนิคกำแพงปฐพี!”

ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้ดิน อักษรรูนลอยขึ้นจากพื้นดิน ปราสาทที่มีความสูงกว่า 20 เมตรถูกสร้างขึ้นทันที ดั่งหอคอยตั้งตระหง่านบนที่ราบ

สีของหอคอยนี้เป็นสีเหลือง ขณะที่รอบๆมันเป็นสีแดง ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง

“ขึ้นไป และถ้าพวกคุณมีผู้ใช้อบิลิตี้ดิน ก็ขอให้พวกเขาช่วยสร้างห้องของแต่ละคนเสีย ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยพวกคุณยังสามารถรอดชีวิตไปได้อีกสักระยะ ส่วนผมจะช่วยเก็บกวาดบริเวณรอบๆ อ้อ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ใช่พวกเดียวกันกับคุณ และควรรู้ไว้ด้วยว่าผมจะปกป้องพวกคุณแค่วันเดียว อยากให้ปกป้องมากกว่านี้ก็ค่อยมาตกลงเงื่อนไขกันอีกที!”

ฉินเฟิงถ่ายทอดพลังสมาธิ ไม่คิดเปิดปากของเขา และเมื่อสังเกตจากเสื้อผ้า คนอื่นๆก็พบว่าฉินเฟิงเหมือนจะไม่ใช่คนในมิติของพวกเขาจริงๆ แค่นี้สิ่งที่พวกเขาสงสัย ก็ได้รับการยืนยันแล้ว แต่พอได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ในหัวใจก็อดรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

แต่ฉินเฟิงพุ่งตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้ได้ทักท้วงอะไร ตอนนี้ถือว่าทุกคนปลอดภัยชั่วคราว

เวลานี้ ดวงตาของกงเก๋อเปลี่ยนไปเช่นกัน จิตใจของเขาล่องลอย เขาไม่ได้เอ่ยปากว่าจะรั้งอยู่ที่นี่ซะหน่อย แต่ตอนนี้ฉินเฟิงแยกตัวไปจากปราการแห่งนี้แล้ว เขาก็ไม่คิดย่างกรายออกไปไหนอีก คนอื่นๆต่างก็หมดแรง แต่อย่างน้อยยังรู้สึกปลอดภัย ทั้งหมดแข้งขาอ่อนปวกเปียก ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น

“ทุกท่านจงลุกขึ้น ยามนี้ไม่ใช่เวลาพัก ผู้ใช้ศาสตร์ปฐพีเร่งสร้างห้องพักเสีย อย่างน้อยอย่าให้พวกเรากระจุกตัวรวมกันเป็นที่เดียว มิฉะนั้นหากถูกอสูรโลหิตบุกโจมตี พวกเราคงตายกันหมด”

“ผู้ใช้ศาสตร์โลหะ เสริมความแข็งแกร่งทนทานแก่ปราการดินแห่งนี้ซะ”

“เห็นนั่นไหม น้ำกำลังทะลักออกมา พวกเราต้องเร่งลงมือ!”

กงเก๋อจัดแจงมอบหมายภารกิจอย่างรวดเร็ว คำสั่งนี้ไม่มีใครบ่น คนที่แข็งแกร่งที่สุดในปราการนี้คือกงเก๋อ และกงเก๋อยังเป็นคนแรกที่ติดตามฉินเฟิง ทุกคนเลยเชื่อว่ากงเก๋อกับฉินเฟิงมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา

หลายคนแยกตัวออกไปช่วยขยับขยายพื้นที่ อย่างน้อยทำให้ที่นี่น่าพักผ่อน สะดวกสบายไปสักระยะ ส่วนคนอื่นๆ เวลานี้มารวมตัวกันรอบๆกงเก๋อ สอบถามถึงรายละเอียด

“ท่านอาวุโส ชายผู้มาจากภายนอก แท้จริงแล้วมาจากที่ใด เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?” เนื่องจากไป๋หลียังไม่ได้ลงมืออะไร และการแต่งกายก็ดูใกล้เคียงกับพื้นเพของพวกเขา เหล่ามนุษย์ผู้รอดชีวิตเลยคิดว่าไป๋หลีก็เป็นชนพื้นเมืองเช่นกัน แต่ช่างน่าฉงน ที่ตอนนี้จู่ๆพวกเขาก็จำไม่ได้แล้วว่าหน้าตาของไป๋หลีเป็นอย่างไร ดังนั้นลืมเลือนเธอไปโดยอัตโนมัติ

กงเก๋อกล่าว “เขาน่าจะเป็นชนพื้นเมืองของมิติแห่งนี้”

“เขาแข็งแกร่งมาก! ว่าแต่สถานที่ดั่งถูกสาปเช่นนี้มันคืออะไรกัน?”

“บางที ที่นี่อาจเป็นสถานที่ที่มีความอันตรายระดับสูง บุคคลคนนั้นอาจเดินทางมาเพื่อฝึกฝน และบังเอิญเจอพวกเรา หากติดตามเขา พวกเราอาจรอดชีวิตไปได้”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น พวกเราขอให้ชายคนนั้นพาออกไปจากที่นี่เถิด!”

“เห็นด้วย!”

คนอื่นๆสนทนาและคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ในหัวใจของกงเก๋อบังเกิดข้อสงสัย

ฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก คนๆนี้สามารถต่อกรกับอสูรโลหิตได้ และเห็นได้ชัดว่ามิใช่มีที่มาจากเผ่าพันธุ์อสูรโลหิตเช่นกัน สภาพแวดล้อมที่นี่เลวร้ายมาก พวกเขาเพิ่งถูกส่งผ่านรอยแยกมิติมา แต่ก็ดันโชคร้ายตกอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดของมิตินี้ ตราบใดที่สามารถหลุดพ้นจากที่นี่ได้ การรักษาชีวิตน้อยๆให้อยู่ต่อไปก็ไม่ใช่ปัญหา

เมื่อได้ข้อสรุปดังนี้ สติของกงเก๋อก็กลับคืนมา

เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่ขอปกปิดต่อพวกเจ้า ข้าเป็นคนแรกที่เจอชายผู้นั้นจริงๆ แต่เหตุผลที่เขาช่วยข้า นั่นเพราะเขาอาจเป็นทหารรับจ้าง ข้าจ่ายเงินกว่า 100 ล้านเหรียญคริสตัล เพื่อจ้างเขาคุ้มครองเป็นเวลาหนึ่งวัน นั่นคือเหตุผลที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจากไป ข้าคาดเดาว่าหากคิดให้เขาช่วย คงต้องจ่ายเงิน กระนั้น จำนวนเงินที่ข้ามีอยู่ … ”

ท่าทีของกงเก๋อดูอึดอัดใจ

เวลานี้ คนอื่นๆต่างพากันสูดหายใจลึก

100 ล้านเหรียญคริสตัล สำหรับกงเก๋อไม่ใช่จำนวนที่มากอะไร แต่สำหรับผู้คนตรงหน้าเขา เลเวล B อาจจะโชคดีนิดหน่อย ที่มันคือราคาราวๆ 1/5 ของทรัพย์สินของตระกูล ซึ่งตอนนี้หลายคนหอบหิ้วสมบัติทั้งตระกูลติดตัวมา หากเงินใช้ซื้อชีวิตได้ พวกเขารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับเลเวล C และ D เวลานี้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง เม็ดเงินขนาดนั้น ไม่ใช่จำนวนที่พวกเขาสามารถครอบครองได้ และเกรงว่าหากไม่มีเงิน พวกเขาคงไม่สามารถรอดชีวิตออกไป!

“ท่านอาวุโส ชายผู้นั้นต้องการเงินเท่าของท่านหรือไม่? ถ้าใช่ข้าพร้อมจ่าย!”

“หากเขาเรียกร้อง 100 ล้านต่อคน เช่นนั้นแล้วคนอื่นๆเล่า?”

“ยามนี้เป็นเวลาวิกฤต หยุดพูดเรื่องแบบนั้นจะได้ไหม? พวกเราเหลือเพื่อนร่วมชาติกันสักกี่คน ร่วมกันจ่ายมิได้หรือ?”

ทั่วทั้งเมือง มีแค่ 300 คนที่สามารถหลบหนีออกมาได้ บางคนรู้สึกเศร้าสลด และพวกเขาไม่อยากละทิ้งผู้ใช้พลังระดับต่ำเหล่านี้

“เอาล่ะๆ งั้นแบบนี้แล้วกัน ข้าจะจ่ายเงินกองกลางให้ 10,000 ล้าน ส่วนที่เหลืออีก 20,000 ล้าน พวกเจ้าต้องร่วมกันลงขัน”

คนอื่นๆลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายพยักหน้า ปัจจุบันมีเลเวล B อยู่เกือบ 50 คน หากจ่าย 400 ล้านเหรียญคริสตัลต่อหัว ก็ยังพอจ่ายไหว แต่เงินจำนวนนี้เรียกได้ว่าเกือบทั้งหมดของทรัพย์สินที่พวกเขามี ดังนั้นเป็นไปไม่ได้หากคิดให้พวกเขาจ่ายมันทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ใช้พลังเลเวล C D ที่รอดชีวิตมาได้ เลยถูกบังคับให้สละทรัพย์สินทั้งหมด ยังไม่พอ พวกเขายังถูกจับแยกออกเป็นทีมต่างๆ คอยคิดตามผู้ใช้พลังเลเวล B จำนวนหนึ่ง และทีมเลเวล B เหล่านั้น แน่นอนว่ามีหัวหน้าสูงสุดเป็นกงเก๋อ

ด้วยเหตุนี้ ทำให้กงเก๋อครอบครองเม็ดเงินมหาศาลในทันที

เขาได้รับเพิ่มมาถึง 20,000 ล้านเหรียญคริสตัล อย่างไรก็ตาม กงเก๋อไม่คิดให้ฉินเฟิงทั้ง 30,000 ล้าน ทั้งยังคิดเล่นตุกติก ตั้งใจว่าจะเสนอราคาให้ต่ำกว่า พอหลุดพ้นจากสถานที่ต้องสาปเช่นนี้ ค่อยปลีกตัวหลบหนีไป

ฉินเฟิงไม่รู้ถึงความตั้งใจของกงเก๋อ แต้แม้เขาจะรู้ ก็คงยกรอยยิ้มหยัน

นั่นเพราะมิติธารโลหิต ไม่ว่าแห่งหนใดก็มีสภาพเป็นเช่นนี้ แล้วกงเก๋อจะหนีไปไหนได้?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด