Ep.841 - ยกให้เป็นจักรพรรดิ
3/5
Ep.841 - ยกให้เป็นจักรพรรดิ
คนๆนี้ไม่มีร่องรอยของกลิ่นอายสังหารแผ่ออกมา กระทั่งเศษเสี้ยวพลังที่มีไว้เรียกใช้โจมตียังไม่เปิดเผยให้เห็น ทว่าเสื้อผ้าบนตัวเขาดูหรูหรามาก แถมยังเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ฉินเฟิงสามารถระบุได้จากสิ่งนี้ ว่าสถานะของชายเบื้องหน้า แม้เมืองนี้จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
เพียงแต่ว่า เพราะเหตุนี้เช่นกัน ที่ทำให้ชายเบื้องหน้าเขา ยังคงไว้ซึ่งความภาคภูมิให้เห็นอยู่จางๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
ในเมื่อไม่ใช่ศัตรู งั้นคงมาด้วยเหตุผลอื่น ฉินเฟิงเอ่ยถามออกไปตรงๆ
ชายคนนั้นเมื่อเห็นว่าฉินเฟิงไม่ชักมีดขึ้นมา หรือปลดปล่อยอบิลิตี้ไฟโจมตีเขา ก็เริ่มเกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน หลังงอเหยียดตรง คางเชิดขึ้นเล็กน้อย
“ข้าคือส่วนหนึ่งของอาวุโสสภาแห่งประเทศนี้ นามว่ากงเก๋อ ครานี้คนอื่นๆตายกันหมดแล้ว ตำแหน่งอาวุโสสูงสุดเลยตกเป็นของข้า ความแข็งแกร่งของเจ้าช่างเล็กจ้อย ไม่มีทางเทียบได้กับฝ่าบาทองค์ก่อน แม้คทาจะหายไป แต่เจ้าสามารถครอบครองเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าได้แต่จำใจยอมรับว่าเจ้าคือจักรพรรดิองค์ใหม่ของพวกเรา!”
ชายคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ ราวกับว่าการยอมรับฉินเฟิง เป็นทางเลือกสุดท้าย
แน่นอน ในช่วงประโยคที่ว่า ‘ความแข็งแกร่งเล็กจ้อย’ กงเก๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ!
หากฉินเฟิงอ่อนแอจริงๆ ชายคนนี้คงก้าวเข้ามาชิงตำแหน่งของเขาพร้อมกับเสื้อคลุมไปแล้ว
ฉินเฟิงเห็นได้ชัดว่าอยู่ในเลเวล B อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเขามันสัตว์ประหลาดขนานแท้ เหนือกว่าสามัญสำนึก
บุคคลคนนี้ เข่นฆ่าผู้คนนับร้อยชีวิตในไม่กี่ลมหายใจ นี่ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งอีกหรือ?
ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา กล่าวว่า “ในเมื่อผมไม่แข็งแกร่งพอ งั้นคุณจะยอมรับผมทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น ผมไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าต้องการให้คุณยอมรับ?”
ฉินเฟิงกวาดสายตาไปยังอีกฝ่าย ภายในแววตา คล้ายกำลังมองอาวุโสกงเก๋อผู้นี้ เป็นเพียงอากาศธาตุ
“คุณต้องการเป็นอาวุโสสูงสุดก็เป็นไป และนั่นคงไม่มีใครว่า แต่ทำไมคุณถึงต้องมาหาผม? ขอเดานะว่า เพราะตอนนี้คุณกำลังกลัวใช่ไหม กลัวว่าอสูรโลหิตจะมา แล้วฆ่าคุณ ฉะนั้น เลยอยากจะกอดขาใหญ่เอาไว้ให้มั่น เพื่อหาคนคอยปกป้อง แต่ทัศนคติที่คุณแสดงออกในตอนนี้ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นแค่เด็กน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราว บอกเลยว่าความคิดของคุณมันไร้สาระ!”
คำพูดของฉินเฟิง จี้ใจดำอีกฝ่ายทุกประโยค
แม้กงเก๋อจะหน้าด้าน แต่เวลานี้ยังเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย! เขาทำได้เพียงเอ่ยสู้ด้วยน้ำเสียงขึงขัง “เจ้าจะทำเช่นนี้มิได้ หากเจ้าไม่ยอมรับมัน ก็จงถอดเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ออกเสีย สมบัตินั่นเป็นของพวกเรา!”
“ของพวกคุณ? งั้นก็เอาไปสิ” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็ถอดเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ออกจริงๆ
จากนั้นโยนเสื้อคลุมออกไปทางกงเก๋ออย่างไม่ใส่ใจ
เสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่มันหลุดจากการควบคุมของฉินเฟิง เปลวไฟก็ลุกพรึบทันที อุณหภูมิร้อนระอุแผดเผากระทบตามผิวหนัง คล้ายดั่งกำลังอาบรังสีอยู่บนดวงอาทิตย์ เปลวเพลิงน่าหวาดกลัวเริ่มลุกไหม้ขึ้นรอบๆ
“กรี๊ดดดด!”
กงเก๋อวี้ดว้ายเสียงดังราวกับผู้หญิง เขาตื่นตระหนก ชักฝีเท้าถอยร่นไปเป็นร้อยก้าว ขณะเดียวกัน โยนไปได้สักพักเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์หยุดนิ่งในอากาศ ราวกับมีชั้นวางโปร่งใสรองรับเสื้อคลุมเอาไว้ รอให้ใครบางคนมาสวมใส่มัน!
มิติล่มสลายแห่งนี้ ท่ามกลางอาณาจักรที่ล่มสลาย และแทบไม่มีผู้แข็งแกร่งเหลือรอดเลยสักคนเดียว ชุดคลุมนี้เลยถูกส่งต่อมาถึงมือฉินเฟิง
กระนั้น ฉากเบื้องหน้านี้ ทำให้ฉินเฟิงฉุกคิดขึ้นว่า ในชีวิตก่อนของเขา ผู้ที่ได้รับเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ไปครอง คือใครกัน
‘เสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์จริงๆแล้วคืออุปกรณ์รูนไฟ เป็นเกราะสมบัติระดับเทวะ นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขในการยอมรับเจ้านายเป็นของตัวเอง ดังนั้นคนที่มีโอกาสน่าจะได้ครอบครองมันมากที่สุด คงไม่พ้นตัวตนทรงอำนาจเลเวล S และจากในบรรดากองกำลังมืดแห่งแอฟริกาเหนือ เมื่อลองๆคัดรายชื่อออกไป จะเหลือเพียงเทพเพลิงกัลป์ไอซาน’
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าในชีวิตก่อน อีกฝ่ายได้เผชิญหน้าเพื่อช่วงชิงมันกับพันธมิตรมนุษย์แห่งแอฟริกาเหนือหรือไม่ แล้วในเวลานั้น ผลการต่อสู้ออกมาอย่างไร
ข้อมูลเหล่านี้ ฉินเฟิงไม่ทราบอะไรเลย แต่ไม่ต้องสงสัยเลย หลังกลับมาเกิดใหม่ ของชิ้นนี้ตกอยู่ภายในเงื้อมมือของฉินเฟิง ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
แต่ด้วยเหตุนี้เช่นกัน ทำให้หลังจากนี้ ฉินเฟิงก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จะยังไงก็ช่าง อันดับแรกมาแก้ปัญหาตรงหน้าก่อน ที่แน่ๆเขาจะไม่ยอมถูกใช้เป็นเบี้ยล่าง
“อ้าว ทำไมหนีซะล่ะ? ไม่ใช่คุณบอกว่าจะขอยึดมันคืนหรือ” ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา
กงเก๋อมองไปยังชุดคลุมศักดิ์สิทธิ์ และกระจ่างแก่ใจดี ว่าเจ้าสิ่งนี้ ปัจจุบันมันไม่ต่างจากเผือกร้อน
“เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ได้จดจำผู้เป็นนายแล้ว เจ้าทำแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านำเอาสมบัติของประเทศเราไป ฉะนั้นเจ้าไม่สามารถหนีไปได้ จำเป็นต้องคอยปกป้องข้า!” กงเก๋อกล่าวในที่สุด ไม่มีข้ออ้างหว่านล้อมใดๆมากกว่านี้อีกแล้ว และยังเอ่ยถึงเป้าประสงค์ของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือต้องการให้ฉินเฟิงคอยปกป้อง
มิติแห่งนี้อันตรายมากจริงๆ ทั้งยังเป็นอันตรายที่คาดไม่ถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ฉินเฟิงได้รู้ความลับแล้ว ไ่ม่ว่าอสูรโลหิตจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหรือไม่ แต่ที่แน่ๆในเลเวล A กงเก๋อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
ขณะนี้ฉินเฟิงผุดรอยยิ้มจาง แต่ร่องรอยแสดงไปทางประชดประชันมากกว่า คำที่ปริจากปากเขา ไม่ใช่หักดิบแบบตาต่อตา ฟันต่อไฟอีกต่อไป
ฉินเฟิงวาดมือ เรียกเสื้อคลุมกลับคืนและกล่าว “อยากให้ผมช่วยปกป้อง นั่นก็พอเป็นไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วผมยังมีอาชีพเป็นทหารรับจ้างเหมือนกัน แต่เรื่องเงินคุณต้องจ่ายมันมา!”
ฉินเฟิงยกนิ้วขึ้น ปรากฏผลึกใสๆ เหรียญที่ถูกบีบอัดไปด้วยพลังงานลอยขึ้น
“เจ้าสิ่งนี้ 10,000 ก้อน แลกกับการปกป้องคุณ 1 วัน”
หมื่นเหรียญพลังงาน ไม่มากไปก็จริง แต่ถ้าแค่วันเดียว ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก!
อีกอย่าง ที่เรียกไม่มากเพราะฉินเฟิงกลัวว่าอีกฝ่ายจะจ่ายไม่ได้ ใครจะรู้ ว่าต่างมิติเช่นนี้ ราคาค่างวดมันมากน้อยแค่ไหน?
ดวงตาของกงเก๋อสว่างวาบขึ้นทันใด จากนั้นหลุบสายตาลง เบนไปตกลงบนบรรดาหีบสมบัติอีกครั้ง พริบตาเดียววูบไปอีกทาง บังเกิดความคิดขึ้นในใจ เอ่ยปากว่า “ตกลง เจ้าสามารถนำเหรียญคริสตัลพวกนั้นไปได้เลย ทั้งหมดน่าจะพอปกป้องข้าเป็นเวลาหนึ่งปี …”
ฉินเฟิงสะบัดมือข้างที่ชูนิ้ว ขว้างสิ่งที่เรียกว่าเหรียญคริสตัลไปทางกงเก๋อ เหรียญเมื่อถูกอัดฉีดไปด้วยกำลังภายใน ความเร็วยามกรีดผ่านอากาศพุ่งสูงลิ่ว เสียงแหวกอากาศของมัน ทำให้กงเก๋อตกใจ ก้มตัวหลบ ร้องโวยวายว่า “คิดทำอะไรน่ะ!!”
ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชาและกล่าว “ผมกำลังจะเตือนคุณไง ว่าอย่าฝันกลางวันไป เงินพวกนี้ไม่ใช่ของคุณ แต่ตอนนี้มันเป็นของผม! ถ้ามีเงิน ก็จงจ่ายออกมา แต่ถ้าคุณไม่มี ชีวิตคุณจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวข้องใดๆกับผมทั้งนั้น!!”
สมบัติพวกนี้ ทั้งหมดถูกฝังไว้ใต้ดิน ถ้าไม่ใช่เพราะชายชราฆ่าตัวตาย แล้วเกิดระเบิดรุนแรงขึ้น บวกกับฉินเฟิงใช้เทคนิคหนามพิภพ เกรงว่าคงไม่มีใครค้นพบที่นี่
และสามารถรับประกันได้เลย ว่าห้องลับนี้คงถูกฝังอยู่ใต้สมรภูมิธารโลหิตไปตลอดกาล
ดังนั้น หากจู่ๆกงเก๋อต้องการใช้เงินนี่ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้รับการปกป้องตัวเอง มันประหลาดเกินไปจริงๆ
กงเก๋อกัดฟันกรอด แต่ก็ทราบเช่นกัน ว่าตนคงไม่อาจใช้ประโยชน์จากการเล่นตุกติกเล็กๆน้อยๆแบบนี้ได้ จำใจควักเงินออกมา ใส่ลงในกระเป๋าของฉินเฟิง
แต่พอทั้งสองเพิ่งบรรลุเงื่อนไขการร่วมมือ บนท้องฟ้า จู่ๆรอยแยกมิติก็โผล่ขึ้นอีกครั้ง
จากนั้น ภายในรอยแยก น้ำปริมาณมหาศาลเริ่มทะลักออกมา กลิ่นของเกลือโชคมาตามอากาศชื้น
คราวนี้ไม่ใช่น้ำจากสายธาร แต่เป็นน้ำทะเล!
นอกจากนี้ ภายในน้ำทะเล ยังมีสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน ไหลออกมาพร้อมกัน
“นี่- ที่นี่อันตรายเกินไป พวกเรารีบไปกันเถิด หากมัวชักช้า น้ำเหล่านี้ยิ่งเพิ่มขึ้น เกรงว่าจะยิ่งช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบแก่พวกอสูรโลหิต!”
ณ เวลานี้ ไป๋หลีที่กำลังเก็บรวบรวมสมบัติ หันไปมองหน้ากงเก๋อ “ทำไมคุณต้องตื่นตระหนกด้วย?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อหันหน้าไป สีหน้าของเธอกลับฟุ้งไปด้วยความเสียใจ “น่าเสียดาย ดูเหมือนเวลาจะไม่พอแล้วจริงๆ ถ้าสามารถนำศิลาจองจำพวกนี้กลับไป พวกเราอาจสามารถใช้มันสร้างเป็นห้องลับได้!”