Chapter 4 : ด่านชายแดน
1 สัปดาห์ต่อมา
ที่ทางเข้าหลักของหมู่บ้าน
เด็กสาวกำลังจัดของให้ คุโรโตะ อย่างระมัดระวัง
จากดวงตาที่เป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวคนนี้สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นสมาชิกของตระกูล ฮิวงะ และดูจากรูปร่างของเธอ เธอก็น่าจะมีอายุใกล้เคียงกับ คุโรโตะ
คิ้วของหญิงสาวขมวดแน่น บ่งบอกว่าเธอดูกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง
คุโรโตะ มองไปที่หน้าผาหิน โฮคาเงะ ที่อยู่ห่างไกล แล้วยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันแค่ไปลาดตระเวนเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่สงบสุขแบบนี้”
หญิงสาว พยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็หยิบแว่นกันลมอันใหม่ออกจากกระเป๋าคาดเอวและส่งให้ คุโรโตะ
คุโรโตะ มองไปที่หญิงสาวและไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงแค่ใส่แว่นตาลงในกระเป๋าคาดเอวของเขา
ในความเป็นจริงตั้งแต่อายุยังน้อย คุโรโตะ ก็สวมแว่นตาแบบเดียวกับ โอบิโตะ เว้นแต่ว่าแว่นตาของเขานั้นมีเลนส์สีเข้มกว่าซึ่งเหมือนกับแว่นกันแดด
จุดประสงค์ของเขาที่เขาใส่แว่นแบบนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อปกป้องดวงตาของเขาเท่านั้น แต่มันยังสามารถซ่อนตัวตนของเขาในฐานะคนของ ตระกูลฮิวงะ ในสนามรบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของนินจาตรวจจับได้อีกด้วย
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อปกปิดดวงตา เนตรจุติ ที่จะตื่นขึ้นในอนาคต ท้ายที่สุดแล้วในแง่ของรูปลักษณ์ เนตรสีขาว กับ เนตรจุติ ก็แตกต่างกันมาก
ไม่ต้องสงสัยว่าหญิงสาวเป็นกังวลกับเลนส์แว่นตาเก่าของเขา มันอาจจะร้าวหรือแตกและมันก็คงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะซื้อใหม่ได้ในขณะที่ลาดตระเวนใน แคว้นแห่งไฟ เธอจึงซื้ออันใหม่ให้ คุโรโตะ เผื่อเอาไว้
ณ จุดนี้ นินจาวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลก็โบกมือและส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบ “หมดเวลาแล้ว เรากำลังจะออกเดินทาง”
เมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็ตบไหล่หญิงสาวเบา ๆ “ยูอิ ฉันไปก่อนนะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว”
ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่า ฮิวงะ ยูอิ
แม้ว่าเธอจะพยักหน้ารับคำพูดของ คุโรโตะ แต่ใบหน้าของเธอก็แสดงถึงความกังวลออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ในที่สุด ยูอิ ก็มองไปที่หน้าผาหิน โฮคาเงะ ที่สุดปลายของหมู่บ้านแล้วเดินกลับไปที่ บ้านตระกูลฮิวงะ
ครั้งนี้ โคโนฮะ ได้สูญเสียเสาหลักที่แข็งแรงของหมู่บ้านไปอีกครั้ง
โอโรจิมารุ ถอนตัวออกจากหมู่บ้าน และ จิไรยะ ที่เป็น 1 ใน 3 นินจาแห่งโคโนฮะ อีกคนก็เป็นผู้รับผิดชอบในการตามหาร่องรอยของเขา ดังนั้นตอนนี้ 3 นินจาแห่งโคโนฮะ ที่ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของหมู่บ้านใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 ไม่มีใครอยู่ในหมู่บ้านเลยแม้แต่คนเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่า โคโนฮะ ในตอนนี้อ่อนกำลังลงเป็นอย่างมาก!
แม้ว่าตอนนี้ โอโรจิมารุ จะไม่มีหมู่บ้านคอยหนุนหลัง แต่เขาก็กำจัดข้อจำกัดของหมู่บ้านได้ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็คือ ชิมูระ ดันโซ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในขณะที่เขาได้กองกำลังส่วนใหญ่ที่ภักดีต่อ โอโรจิมารุ เข้าไปเป็นหน่วยรากแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็อาจจะได้ผลการทดลองบางอย่างของ โอโรจิมารุ ที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ไปด้วย นั่นทำให้ คุโรโตะ คิดว่า ดันโซ น่าจะเริ่มเตรียมการบางอย่างเพื่อปลูกถ่าย เนตรวงแหวน และเซลล์ของ ฮาชิรามะ ให้กับตัวเองแล้ว
แต่ความสูญเสียและผลประโยชน์ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีความสำคัญมากสำหรับ คุโรโตะ ในตอนนี้
สภาหมู่บ้านได้ลงมติที่จะส่งนินจาทั้งหมดที่เคยเกี่ยวข้องกับ โอโรจิมารุ และไม่ยอมเข้าร่วมกันหน่วยรากอย่าง คุโรโตะ ให้ไปประจำอยู่ที่พรมแดนของแคว้นแทน
พูดง่าย ๆ ว่าพวกเขาตั้งใจจะส่งนินจาเหล่านี้ออกจากหมู่บ้าน ส่วนจุดประสงค์ของการทำแบบนั้นคืออะไร คุโรโตะ ยังไม่รู้แน่ชัด
เมื่อมองไปที่หัวหน้าทีม คุโรโตะ ก็เหลือบมองไปที่สมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมปัจจุบันของเขา
เมื่อรวมเขาแล้วก็มีนินจาทั้งหมด 12 คน และถูกแบ่งออกเป็นทีมย่อยทั้งหมด 3 ทีม โดยแต่ละทีมจะมีหัวหน้าทีมเป็นผู้นำ สิ่งหนึ่งที่ควรสังเกตคือผู้นำทีมทั้งหมดไม่ได้เป็นนินจาที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของ โอโรจิมารุ ในขณะที่สมาชิกทีมอีก 9 คนเคยอยู่ใต้อำนาจของ โอโรจิมารุ
การรวมทีมครั้งนี้ทำให้ คุโรโตะ ค่อนข้างตื่นตัวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาอาจต้องเผชิญในงานนี้?
ปลายทางของการเดินทางของทีมนี้คือด่านชายแดนที่แยกระหว่าง แคว้นแห่งไฟ และ แคว้นแห่งลม
ทันทีที่เขาออกจากหมู่บ้าน ประสาทสัมผัสของเขาก็ตื่นตัวเต็มที่ราวกับว่าเขายืนอยู่ในเขตสงคราม
ไม่ใช่ว่าเขาระวังตัวมากเกินไปหรืออะไร แต่เป็นเพราะบทเรียนที่ลึกซึ้งที่เขาได้เรียนรู้มาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่เขาถูกโจมตีห่างจากหมู่บ้านไปไม่ถึง 10 ไมล์ หากไม่ใช่เพราะทีมช่วยเหลือจากหมู่บ้านมาถึงได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถูกฝังไว้ใต้พื้นดินลึก 6 ฟุตแล้ว
สงครามนินจาที่โหดร้ายได้สอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับ คุโรโตะ และนิสัยเหล่านี้ยากที่จะเปลี่ยนแปลงแม้ว่าสงครามจะจบลงแล้วก็ตาม
และ คุโรโตะ ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ระวังตัวมากแบบนี้ นินจาคนอื่น ๆ ในทีมก็เปิดประสาทสัมผัสอย่างเต็มที่ทันทีเมื่อออกจากหมู่บ้านเช่นกัน
คุโรโตะ เหลือบมองร่างที่เดินอยู่ท้ายทีมและถอนหายใจเล็กน้อย
คนคนนั้นก็คือ มิทาราชิ อังโกะ หากจะมีใครใน หมู่บ้านโคโนฮะ ที่ไม่เชื่อว่า โอโรจิมารุ เป็นนินจาถอนตัวก็คงจะเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้หลายคนคิดว่าเธอจะได้เป็นเสาหลักของหมู่บ้านในอนาคต แต่เพียงชั่วข้ามคืนเธอก็กลายเป็นนักโทษเพราะเธอเป็นศิษย์ของ โอโรจิมารุ หลังจากถูกคุมขังเป็นเวลานานเธอก็ถูกส่งตัวไปยังชายแดนพร้อมกับ คุโรโตะ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจของหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง
จากดวงตาที่กลวงโบ๋และการแสดงออกที่เฉื่อยชาของเธอ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปได้ว่าเธอยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าอาจารย์ของเธอซึ่งเป็น 1 ใน 3 นินจาแห่งโคโนฮะ ได้แปรพักตร์ไปจากหมู่บ้านแล้วจริงๆ
เธอศรัทธาในตัวอาจารย์ของเธอและมันก็พังทลายลงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจเรียกคืนได้ในชีวิตของเธอ
โคโรโตะ มองไปที่นินจาคนอื่น ๆ ในทีมอย่างใกล้ชิด
ในทีม มีเพียงหัวหน้าทีมคนเดียวเท่านั้นที่เป็น โจนิน ในขณะที่อีก 11 คนที่เหลือรวมถึง ฮิวงะ คุโรโตะ และ มิทาราชิ ฮังโกะ เป็น จูนิน ถือได้ว่าทีมนี้มีความแข็งแกร่งโดยรวมค่อนข้างสูง ตราบใดที่พวกเขาไม่เจอกับทีมซุ่มโจมตีที่มี โจนิน หลายคน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก พวกเขาก็จะไม่เป็นอะไร
นอกจากนี้ตอนนี้สงครามก็เพิ่งสิ้นสุดลง ดังนั้นความน่าจะเป็นที่นินจาศัตรูจะปรากฏตัวใน แคว้นแห่งไฟ จึงมีน้อยมาก
ตามที่ คุโรโตะ คาดไว้ ทีมเดินทางมาถึงชายแดนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีปัญหาอะไรระหว่างทาง
หลังจากมาถึงด่านชายแดน สมาชิกทีมทั้ง 12 คนก็ถูกแยกออกเป็น 3 ทีมอย่างเป็นทางการ ทีมของ คุโรโตะ ประกอบไปได้ ฮิวงะ คุโรโตะ , มิทาราชิ อังโกะ และ อินุซึกะ โอดะ
ที่จริงแล้ว แคว้นแห่งไฟ และ แคว้นแห่งลม ไม่ได้มีพรมแดนติดกัน มันมีแคว้นเล็ก ๆ อย่าง แคว้นแห่งฝน ขั้นกลางอยู่
ด่านชายแดนที่ คุโรโตะ ประจำอยู่เป็นด่านที่รับผิดชอบในการปกป้องชายแดนประมาณ 40 ไมล์ ฝั่งหนึ่งของด่านคือขอบป่า และอีกฝั่งหนึ่งคือทะเลทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนนี้ คุโรโตะ จะต้องใช้ชีวิตที่น่าเบื่อไปกับการตระเวนในทะเลทราย
……………………………..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไป 2 เดือนในพริบตา
ที่ด่านชายแดนนี้ ข่าวทั้งหมดของหมู่บ้านถูกตัดขาด ตอนนี้ คุโรโตะ โดดเดี่ยวอยู่ที่ชายแดนทะเลทรายโดยมีเพียงภารกิจประจำวันอย่างการลาดตระเวนหรือรักษาความปลอดภัยเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นเวลาว่างตลอดทั้งวัน
ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกได้ว่าหัวหน้าทีมที่เป็น โจนิน กำลังจับตาดูสมาชิกทั้ง 9 คนที่เคยเป็นลูกน้องของ โอโรจิมารุ มาก่อนอยู่ ดังนั้น คุโรโตะ จึงยังไม่ทำอะไรที่จะนำปัญหามาสู่ตัวเขาได้
เขาได้แต่คิดว่าการจับตาดูนี้จะคงอยู่ไม่นานนัก
แม้แต่ โคโนฮะ เองก็ไม่สามารถจับตาดูนินจานับร้อยได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงต้องมีระยะเวลาในการเฝ้าติดตาม
และไม่นานหลังจากนั้น หมู่บ้านก็ส่ง จูนิน อีก 3 คนมาแทนหัวหน้าทีมใหญ่และหัวหน้าทีมย่อย
ตอนแรก คุโรโตะ คิดว่าหมู่บ้านคงจะเลิกจับตาดูพวกเขาแล้ว แต่หลังจากการวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับนินจาทั้ง 3 คนที่เพิ่งมาถึงเขาก็สรุปได้ว่าทั้ง 3 คนนี้มีทักษะสูงมากและทั้ง 3 ก็มีจิตสังหารที่โหดเหี้ยมอยู่รอบตัว!
‘สามคนนี้ไม่ใช่ จูนิน ธรรมดา ๆ แน่นอน’
คุโรโตะ คิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นหน่วยลับภายใต้คำสั่งของ โฮคาเงะ หรือไม่ก็อาจจะเป็นหน่วยรากภายใต้คำสั่งของ ดันโซ
‘แค่ด่านชายแดนธรรมดา ๆ แบบนี้ ต้องใช้หน่วยลับถึง 3 คนเลยเหรอ?’
ที่จริงคำตอบของคำถามก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว คุโรโตะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็คิดว่าอันตรายใกล้เข้ามาแล้ว
เวลาไม่รอท่า
ไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว แผนการปลุก เนตรจุติ ของเขาต้องเริ่มต้นขึ้นทันที...