มังกร1000ปี : ตอนที่27 หมดสติ
ตอนที่27 หมดสติ
“ฮีโร่อะไรกัน! เขาได้รับบาดเจ็บหนักมากขนาดนี้” ในขณะที่พูดเสียงของอันหนิงก็สะอื้นเล็กน้อย
“หยางเจิ้น พาหลิงฉวนไปโรงพยาบาลก่อน! ผมจะอยู่ทำความสะอาดที่นี่” จางเผิงพูดกับหยางเจิ้น
“อืม ได้ครับ” หยางเจิ้นอุ้มหลิงฉวนขึ้นมาแล้วรีบเดินออกไปทันที
“ฉันไปด้วย” อันหนิงรีบพูดเสนอขึ้นมาเหมือนกัน
“อืม ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อจะอยู่นี่ทำความสะอาดกับอาจารย์เธอก่อน!” เมื่อหยูเฟิงพูดจบอันหนิงก็หายไปนานแล้ว “เฮ้อ! โตแล้วสอนยากแท้!”
“คุณเป็นพ่อของอันหนิง? ดูเหมือนว่าอันหนิงก็เป็นคนของตระกูลหยูเช่นกันใช่ไหม?!” จางเผิงมองไปที่หยูเฟิง จากนั้นก้มศีรษะจัดระเบียบห้องเรียนและพูดเบา ๆ
ในความเป็นจริงหลิงเว่ยมีความแตกต่างกัน โดยในแต่ละตระกูลหลักก็มีเทคนิคเฉพาะของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วทุกคนในตระกูลจะมีคุณลักษณะหลิงเว่ยเหมือนกัน ในฐานะอดีตนักวิจัย จางเผิงเคยทำการวิจัยอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับหลิงเว่ย และเขาสามารถเข้าใจถึงคุณสมบัติของหลิงเว่ย
“อืม ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน! คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้” หยูเฟิงมองไปที่จางเผิงด้วยความประหลาดใจ
จางเผิงพูดเบาๆ “แล้วเมื่อกี้สภาพของเด็กคนนั้นคือ....?”
“ใช่ ผมได้ยินอันหนิงพูดว่าเด็กคนนั้นใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการสัมผัสถึงหลิงเว่ย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปกติแน่นอน! เขาได้เรียนรู้ที่จะใช้งานหลิงเว่ยด้วยตัวเอง และยังใช้คุณลักษณะพิเศษของหลิงเว่ยได้ในวันนี้ ยากที่จะเข้าใจจริงๆ!” หยูเฟิงขมวดคิ้วและพูดอย่างหมดหนทาง “แต่พลังนี้มันมากมหาศาลเกินไป ความแข็งแกร่งยิ่งมากความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นตาม ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ในอนาคต… อันหนิงจะมีความสุขไหมถ้าเธออยู่กับเขาในอนาคต?”
…
ในไม่ช้า จางเผิงและหยูเฟิงก็เก็บกวาดจัดระเบียบห้องเรียนให้กลับสู่สภาพปกติ จนคนที่ไม่รู้เหตุการณ์แทบจะดูไม่ออกเลยว่าที่นี่เคยผ่านการปะทะมาก่อน
ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องของหลิงฉวนไปมากมาย หลังจากนั้นทั้งสองก็มาที่ห้องพยาบาลด้วยกันและเห็นว่าหลิงฉวนยังอยู่ในอาการโคม่า ได้ยินจากแพทย์ว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรง กระดูกที่หักได้เริ่มฟื้นตัวได้เอง อาการโคม่าเป็นเพียงความอ่อนเพลียทางร่างกาย จะดีขึ้นหลังจากไปพักผ่อน”
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมด จางเผิงก็ไปบอกพ่อแม่ของหลิงฉวน โดยที่ไม่รู้ว่าเขาใช้คำพูดอะไร พ่อแม่ของหลิงฉวนจึงไม่สงสัยอะไรในเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่หลังจากที่หยูเฟิงรอมาทั้งวัน หลิงฉวนก็ยังไม่ตื่น ในฐานะหัวหน้าตระกูลหยู เขาไม่สามารถอยู่ข้างนอกได้นานเกินไป เขาจึงต้องกลับไปในวันรุ่งขึ้น
แต่ขณะที่เขาต้องจากไปเขาก็ได้บอกอันหนิงเอาไว้ว่า ‘หลิงฉวนตื่นแล้วรีบแจ้งเขาทันที’
ในตอนนี้ หลิงฉวนมีความรู้สึกแปลกไปอีกแบบ เขาสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก เขายังจำความนุ่มนวลตอนเขาล้มลงบนตัวอันหนิงในเวลานั้น แต่เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ ราวกับว่าร่างกายของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ‘ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้! น่าอายจริงๆ แตกต่างกับตอนนั้นมาก ที่พ่อของอันหนิงบอกว่าผมเป็นฮีโร่ช่วยสาว ผมดูเท่มาก!’
หลิงฉวนสัมผัสถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของผู้คนที่มีต่อเขา อันหนิงอยู่เคียงข้างเขาเสมอยกเว้นตอนไปเข้าห้องน้ำ และเพื่อหลิงฉวนเธอยังยอมดุยอมเถียงพ่อของเธอด้วย
‘ผมสาบานเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ผมต้องทำให้เธอมีความสุขให้ได้’
หยางเจิ้นก็มาที่นี่ตอนที่เขาอยู่ในอาการโคม่า “อันหนิงคุณไปพักผ่อนเถอะ! ผมจะดูแลอาฉวนเอง!” อันหนิงมองไปที่หยางเจิ้นและมองไปที่หลิงฉวนแต่ยังไม่ตอบอะไร
หยางเจิ้นจึงพูดต่ออ “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอเฝ้าดูหลิงฉวนอยู่แบบนี้ตลอด สงสัยจริงๆว่าผู้ชายคนนี้จะลืมตาได้เมื่อไหร่! แล้วเขาจะรู้มั้ยนะว่ามีคนเฝ้ารออยู่?”
“ไม่ ไม่เป็นไร เขาทำเพื่อฉัน ฉันอยากอยู่กับเขาตลอดเวลา จนกว่าเขาจะดีขึ้น”
หยางเจิ้นได้ยินความหนักแน่นในน้ำเสียงของอันหนิง “โอเค! แต่เธอก็ต้องดูแลร่างกายของเธอเองด้วย ไม่อย่างงั้นอาฉวนจะต้องโกรธตัวเองมากแน่ๆ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเธอป่วยเพราะเขาหน่ะ”
“อืม ฉันรู้” อันหนิงตอบและยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
หยางเจิ้นพยายามเรียกอันหนิงให้ไปพักผ่อนอยู่หลายครั้ง แต่อันหนิงก็ไม่ยอมไปไหน หยางเจิ้นรู้สึกหมดหนทางแล้วจริงๆ เขารู้สึกเหมือนอันหนิงเป็นหลอดไฟส่องแสงสว่างนำทางให้กับหลิงฉวนขณะอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมใจและเป็นคนที่ออกไปแทน
โมจื่อหยานก็เคยมาที่นี่หลายครั้งและซื้อผลไม้มาเยี่ยมด้วย เพราะตั้งแต่วันที่สองเธอไม่เห็นพวกหยางเจิ้นมาทานอาหารเย็น เธอจึงสอบถามเรื่องนี้และพบว่าหลิงฉวนได้รับบาดเจ็บ
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าและห้าวันผ่านไปในพริบตา หลิงฉวนรู้สึกว่าสติของเขาค่อยๆเลือนรางเล็กน้อย ตลอดห้าวันที่ผ่านมาหลิงฉวนสติดีมาก แม้ในเวลากลางคืนก็ไม่อยากนอน แต่ตอนนี้หลิงฉวนมีความรู้สึกอยากจะนอนจริงๆและความรู้สึกนั้นก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกนี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกหนึ่งวันจนหลิงฉวนก็หลับไปอย่างหมดแรง