บทนำ ผู้อัญเชิญนามเควิน
“เควินหลานต้องรู้ว่าเวทมนตร์อัญเชิญเป็นหนึ่งสิ่งที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ หลานสามารถสร้างเวทย์ได้อย่างอิสระและสามารถร่ายเวทย์ธาตุได้ทุกธาตุ พลังของมันแม้แต่เวทย์โบราณก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย!”
“ผู้ที่เชี่ยวชาญเวทย์อัญเชิญสามารถกลายเป็นตัวตนที่เทียบเท่าได้กับสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ หลานโชคดีที่ได้มีโอกาสเรียนรู้มัน ดังนั้นจงตั้งใจซะ!” ชายชราในชุดคลุมสกปรกพูดกับเด็กอายุราวสามสี่ปีที่ดูราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อชักจูง
“แล้วท่านเพียร์ซผู้ยิ่งใหญ่ ในฐานะผู้สร้างเวทย์อัญเชิญขึ้นมา ปู่มีตำแหน่งแบบไหนในทวีปอิซการ์นี้กันเหรอ?”
“อ่ะแฮ่ม! กิลด์จอมเวทย์ระดับสามที่ไหนก็น่าจะสามารถเอาชนะฉันลงได้โดยการส่งจอมเวทย์ระดับสามมาจัดการ” ชายชราพูดออกมาด้วยความอับอายเล็กน้อย
“แต่ปู่กลับกล้าบอกว่าเวทย์อัญเชิญที่ปู่สร้างขึ้นมาไม่เป็นสองรองใครเนี่ยนะ?” เด็กน้อยหัวเราะออกมาเบาๆ คำพูดอันเฉียบแหลมโจมตีเข้าไปที่ดวงใจอันแสนเปราะบางของชายชราโดยตรง
“แกเข้าคิดผิดแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะแย่จริงๆก็เถอะ!” ราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บกับคำพูดอันเฉียบคม ชายชรากล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“ปู่ยอมรับเถอะน่า ว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล”
“แต่ข้ามั่นใจว่าเวทย์อัญเชิญที่ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตทุ่มเทไปกับมันจะต้องเป็นเวทย์ระดับต้นๆของทวีปนี้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งมังกรในตำนานหรือเวทย์สังหารเทพ มันก็สามารถเทียบเคียงได้อย่างแน่นอน”
“ข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญละกัน แก่นแท้ของเวทย์อัญเชิญคือการส่งมอบพลังเวทย์ไปยังการ์ดเวทมนตร์เพื่ออัญเชิญสัตว์เวทย์ออกมาเพื่อให้พวกมันทำการต่อสู้ นี่แหละคือการท่าทางการต่อสู้ที่จอมเวทย์ระดับสุดยอดควรจะเป็น”
“เจ้าลองคิดดูสิ หากเจ้าสร้างการ์ดเวทย์มังกรออกมาได้ เจ้าก็สามารถส่งมอบพลังเวทย์เพื่ออัญเชิญมันออกมาได้ เจ้าสามารถบินไปบนฟ้าได้อย่างอิสระ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นอย่างงั้นหรือ?” ชายชรากางแขนออกและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ทว่าเด็กน้อยกลับมีแววตาซังกะตายมองดูมาที่ชายชรา
“อ่าๆ แล้วหลักฐานล่ะ?” เด็กน้อยยืนขึ้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า “แต่ช่างมันเถอะ แม้ว่าเวทย์อัญเชิญของปู่จะกากขนาดไหน แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ปู่ช่วยชีวิตฉันและเลี้ยงดูฉันมา ฉันจะยอมเรียนเวทย์อัญเชิญของปู่ก็ได้”
“เควิน ~ ~ ข้าดีใจเป็นอย่างมากที่ในบั้นปลายชีวิตของข้าได้เจอกับหลานชายที่น่ารักเช่นเจ้า ~ ~” ชายชราน้ำตาไหลพรากพร้อมกอดเด็กน้อยด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเป็นสุข
ที่นี่คือหมู่บ้านเล็กๆที่แสนห่างไกลในอาณาจักรฟิโอเร่ แม้จะดูไม่น่าเชื่อไปสักหน่อย แต่ชายชราคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เพียร์ซ มาโคร
ส่วนเด็กน้อยอีกคนคือเด็กชายที่ถูกทอดทิ้งไว้บนภูเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเพียร์ซไปพบเข้าและจึงนำเขามาเลี้ยงไว้ทันที โดยเพียร์ซตั้งชื่อเขาว่า เควิน มาโคร พวกเขาทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว แม้ว่าชีวิตที่แสนน่าอับอายของเพียร์ซจะอับจนหนทางไปแล้ว แต่ในช่วงเวลานี้เขานั้นมีความสุขเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
“เควินเนื่องจากหลานต้องการสืบทอดเวทย์อัญเชิญ ดังนั้นปู่จะเริ่มสอนเจ้าจากพื้นฐานก่อน นั่นคือวิธีการสร้างการ์ดเวทย์! เวทย์อัญเชิญคือการอัญเชิญผ่านสื่อกลางนั่นก็คือการ์ด ดังนั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องเรียนรู้การสร้างการ์ดเวทย์เสียก่อนเป็นอันดับแรก!” เพียร์ซกระตือรือร้นเป็นอย่างมากหลังจากเควินรับปากว่าจะเรียนเวทย์อัญเชิญจากเขา
จากนั้นเขาก็นำของชิ้นหนึ่งออกมา มันเป็นกระดาษแข็งขนาดราวๆฝ่ามือและมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
“เอาล่ะเรามาเริ่มฝึกจากการสร้างการ์ดเครื่องมือซึ่งง่ายที่สุดกันก่อน นี่คือวงเวทย์ที่ช่วยในการอัญเชิญมีดทำครัวออกมา” เพียร์ซหยิบการ์ดอีกใบออกมาพร้อมยื่นให้เควินพร้อมกับปากกา
“น่าทึ่งจริงๆ แค่เสนไม่กี่เส้นมาประกอบเป็นวงเวทย์ก็สามารถอัญเชิญมันออกมาได้แล้ว ปู่คิดมันขึ้นมาได้ไงเนี่ย? ยอดไปเลย” ขณะที่กำลังคัดลอกวงเวทย์เควินก็กล่าวชมปู่ของเขาไปด้วย
“ใส่พลังเวทย์ลงไปในหมึกและลากเส้นสร้างวงเวทย์ขึ้นมา หากเจ้าสามารถรวบรวมพลังเวทย์ได้มากพอ เจ้าก็จะสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ นี่หละเสน่ห์ของเวทย์อัญเชิญ ทว่าน่าเสียดายที่เวทย์อัญเชิญนั้นไม่สามารถสร้างจิตวิญญาณขึ้นมาได้”
“เจ้าเป็นเด็กฉลาด ทั้งยังมีพลังเวทย์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้โดยง่ายดาย ข้ากลัวจริงๆว่าข้าจะทำให้พรสวรรค์ของเจ้าสูญเปล่า” เพียร์ซลูบหัวของเควินด้วยความอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังหลานชายของเขาเต็มไปด้วยความรัก
“ปู่เทียบพรสวรรค์ของฉันกับใครงั้นเหรอ? บอกไว้ก่อนนะถ้าเทียบกับปู่ ต่อให้ฉันดีกว่าฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะอันอบอุ่นของปู่และหลานดังก้องไปทั่วห้องเล็กๆแห่งนี้
.
.
.
ครึ่งปีต่อมาเควิน สามารถสร้างการ์ดเวทย์ด้วยตัวเองได้สำเร็จ โดยจะเป็นการ์ดเครื่องมือทั่วไปอย่างเช่นมีดทำครัว ธนู ลูกศร และโล่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเควินอีกต่อไป นอกจากนี้ตอนนี้เควินนั้นกำลังพยายามสร้างการ์ดเวทย์สิ่งมีชีวิตขึ้นมา
การใช้เวทย์อัญเชิญนั้นต้องใช้จากการ์ดเวทย์ที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองเท่านั้น การ์ดแบบเดียวกันอาจจะแสดงผลต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ที่ต่างกันออกไปของผู้สร้าง อาทิเช่นมีดของเพียร์ซนั้นจะดูเหมือนเป็นมีดทำครัวทั่วไป ทว่ามีดของเควินกลับเต็มไปด้วยรอยบิ่นและดูหยาบกร้าน
ปู่ ทำไมปู่ถึงต้องทาสีลงบนการ์ดทุกครั้งที่วาดมันเสร็จด้วยล่ะ?”เควินถามเพียร์ซหลังจากที่เขาทดลองอัญเชิญกระต่ายออกมาได้สำเร็จ
“สีพวกนี้คือสีพิเศษที่ฉันทำไว้เพื่อไม่ให้วงเวทย์จางหายไปตามกาลเวลา จำเอาไว้ให้ดีวงเวทย์จะค่อยๆจางลงและหายไปหากเจ้าไม่ทำเช่นนี้”
“ไม่แปลกเลยที่ปู่จะต้องทำแบบนี้อยู่ตลอด อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อไว้แยกประเภทการ์ดด้วยสินะ” เควินพยักหน้ารับ
“อย่างนั้นแหละ”
.
.
.
ครึ่งปีผ่านไป นอกเหนือจากที่เควินจะสามารถเรียนรู้การ์ดเวทย์ที่เพียร์ซสร้างขึ้นมาจนหมดแล้ว เขายังเรียนรู้เวทมนตร์ทั้งหมดของเพียร์ซไปอีกด้วย
‘ไม่เคยคิดเลยว่าเควินจะสามารถเรียนเวทมนตร์ทั้งหมดของฉันได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี การทำการ์ดเวทย์มนตร์มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?’ เพียร์ซได้แต่สงสัยความเร็วในการเรียนรู้เวทมนตร์ของเควิน
“น่าแปลกใจจริงๆ เควินไม่ได้เพียงแค่ลอกเลียนแบบไปเฉยๆ ทว่าเขายังทำความเข้าใจการทำการ์ดเวทย์จริงๆ แม้ว่าฉันจะตายจากไป แต่เขาก็สามารถสร้างการ์ดเวทย์ใหม่ๆขึ้นด้วยตัวเองต่อไปได้ ตอนนี้เขาพึ่งจะห้าขวบเพียงเท่านั้น หากเขาโตขึ้นเขาจะไปได้ไกลถึงเพียงไหนกัน!”
จริงๆแล้วเพียร์ซไม่เคยได้รับรู้ความจริงในเรื่องที่ว่าจริงๆแล้ว เควินไม่ใช่คนของโลกนี้...ไม่สิต้องบอกว่าวิญญาณของเขาไม่ใช่
คาร์ล เหวิน เขาเป็นชายหนุ่มอายุ 17 ปี ที่อาศัยอยู่ในดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก ในช่วงศตวรรตที่ 22
เควินเป็นชายหนุ่มที่พึ่งเริ่มเข้าสู่โลกแห่งอนิเมะ เพื่อนของเขาได้แนะนำมังงะสุดคลาสสิกเรื่องหนึ่งให้เขาลองอ่าน นั่นก็คือแฟรี่เทล ทว่าก่อนที่เขาจะได้เริ่มต้นอ่านมันเขากลับถูกรถชนเสียชีวิตเสียก่อน ทว่าหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขากลับกลายมาเป็นทารกและกลายเป็นหลานบุญธรรมของเพียร์ซ
ด้วยเหตุนี้เองทำให้เควินมีความสามารถไม่ตรงกับวัยของเขา เขาสามารถเข้าใจเวทย์อัญเชิญที่เพียร์ซสร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไรความยากในการสร้างและการเรียนรู้นั้นมันต่างกันมาก
“เวทย์อัญเชิญงั้นเหรอ? หากในอนาคตได้ทำงานในคณะละครสัตว์คงทำเงินได้มากน่าดู…” เควินนั่งพักอยู่บนเนินเขา จากนั้นก็หยิบการ์ดเวทย์ออกมาพร้อมทั้งถ่ายเทพลังเวทย์เข้าไปจนเกิดแสงของวงเวทย์ขึ้น เมื่อแสงจางลงสัตว์อัญเชิญตัวน้อยแสนน่ารักก็ปรากฎขึ้นที่ข้างกายเขา
“อืม...ไม่เคยคิดเลยแหะว่าฉันจะสามารถอัญเชิญสัตว์ออกมาได้น่ารักขนาดนี้…”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขารีบลุกขึ้นยืนพร้อมปาดเหงื่อเย็นและจ้องมองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“นั่นมัน...อะไรกัน…?”
“โฮก!!!” เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นไปทั่วอาณาเขตของหมู่บ้าน
ร่างใหญ่ยักษ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายสีเขียวเข้ม บินร่อนลงมากลางหมู่บ้าน
“นั่นมัน...มังกรงั้นเหรอ!?!” ใบหน้าของเควินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“โฮก!” มังกรสีเขียวเข้มคำรามออกมาและพ่นควันสีดำออกมา เควินมองลงมาจากที่สูง เขาพบว่าทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำและชาวบ้านก็ค่อยๆล้มลงทีละคนๆ
“ปู่! ปู่! หนีเร็ว!” ด้วยความสิ้นหวัง เควินรีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันที โชคดีที่เพียร์ซนั่นอาศัยอยู่ห่างไกลทำให้หมอกสีดำนั่นยังกระจายมาไม่ถึงบ้านของพวกเขา
เมื่อเควินกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นปู่ของเขากำลังถือคทาเวทย์และจ้องมองไปยังมังกรสีเขียวเข้มอย่างจริงจัง
“ใจเย็นลงก่อนเควิน ปู่คิดว่ามันน่าจะเป็นมังกรพิษในตำนาน คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีมังกรอยู่จริงๆ...เควิน ถึงเวลาแล้วที่หลานจะต้องเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเวทย์อัญเชิญ เควินมองไปที่ปู่ของเขา เขารับรู้ได้ถึงเจตจำนงของปู่เขาที่ต้องการจะสละชีวิต”
“ปู่หมายถึงอะไรกัน! รีบหนีกันเถอะ! ไม่งั้นพวกเราได้ตายกันจริงๆแน่!”
“ไม่ต้องกังวลไปเควิน ปู่ไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอก!” เพียร์ซหยิบการ์ดเวทย์ใบหนึ่งออกมา เควินจำได้ว่านี่เป็นการ์ดเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปู่เขา ทว่าปู่เขามีพลังเวทย์ไม่เพียงพอที่จะเรียก ‘มังกร’ ออกมาได้!
ทันใดนั้นวงแหวนเวทย์ก็ปรากฎ
แสงเปล่งประกายเริ่มจางหายไปและมังกรขาวขนาดตัวเทียบเท่ากับมังกรพิษก็ปรากฎตัวต่อหน้าเควิน
“โฮก!!!”
เจ้าลองคิดดูสิ หากเจ้าสร้างการ์ดเวทย์มังกรออกมาได้ เจ้าก็สามารถส่งมอบพลังเวทย์เพื่ออัญเชิญมันออกมาได้ เจ้าสามารถบินไปบนฟ้าได้อย่างอิสระ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นอย่างงั้นหรือ?
เควินหวนคิดถึงคำพูดของปู่เขา เขาไม่ได้โกหกจริงๆ เวทย์อัญเชิญเป็นเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ…” เควินมองไปที่การต่อสู้ระหว่างมังกรสองตัวด้วยสายตาตกตะลึก ราวกับว่าโลกนี้กำลังสั่นไหวอยู่
"ไม่ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตที่สร้างโดยเวทมนตร์อัญเชิญจะไม่มีวิญญาณไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมมังกรขาวตัวนี้ ถึงพยายามต่อสู้ให้ห่างจากตัวฉันกันล่ะ? แล้วปู่ที่เป็นคนอัญเชิญมันออกมาหายไปไหนกัน?... "
ยามอาทิตย์ตกดินและพบคล่ำเริ่มมาถึงการต่อสู้ระหว่างมังกรทั้งสองก็จบลงเช่นกัน
มังกรพิษได้ล้มลงและมังกรขาวได้กลายร่างมาเป็นชายชรารูปร่างผอม
ชายชราคนนั้นคือเพียร์ซ
“การที่ปู่สามารถเรียกมังกรออกมาได้เพราะสละชีวิตตัวเองอย่างงั้นเหรอ? เควินเดินไปตามทางของหมู่บ้านและได้เห็นซากศพจำนวนมาก เขาเดินมายังศพของเพียร์ซ พร้อมน้ำตาที่นองหน้า เขาหันไปมองรอบๆทั้งน้ำตา
“นี่มันคือนรกอย่างงั้นเหรอ?”
จากนี้เป็นต้นไปจะมีจอมเวทย์ที่สามารถสังหารมังกรได้เพิ่มอีกหนึ่งคน นั่นก็คือจอมเวทย์อัญเชิญ เพียร์ซ มาโคร ทว่าในโลกนี้ยังหลงเหลือจอมเวทย์อัญเชิญอยู่อีกคน นามว่า เควิน