บทที่ 54 การติดต่อ (5)
เฟรย์อ่านเจอในหนังสือว่าการปรากฏตัวของมังกรนั้นค่อยๆจางหายไปจากโลกในปัจจุบัน
พวกเขาหายตัวไป
ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่ดูแลทั่วทั้งทวีปในอดีตได้หายตัวไปยังไง
ไม่มีบันทึก ในความเป็นจริงเฟรย์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปเสมอเมื่อเขาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์
ราวกับว่ามีใครบางคนจงใจบิดเบือนหรือซ่อนบางส่วนของประวัติศาสตร์ไป
“อันที่จริงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อและแม่ของฉันหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ยังมีมังกรอยู่ในทวีปนี้มั้ย?”
“…ฉันไม่รู้”
เบเนียงยิ้มอย่างขมขื่น
เธอส่ายหัวราวกับเธอกำลังสลัดความเศร้าออกไปก่อนที่จะมองเฟรย์ด้วยตาที่เป็นประกายเป็นครั้งแรก
“เฟรย์เบลคสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกคุณมีเพียงไม่กี่คนในเซอร์เคิลของฉันที่รู้ คุณมั่นใจได้มั้ยว่าคุณจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกำลังจะบอกนี้?”
เฟรย์สังเกตว่าเธอไม่ต้องการให้ข้อมูลนี้หลุดออกไป
หลังจากอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังอย่างละเอียดแล้วดูเหมือนว่าเธอเลือกที่จะเชื่อใจในตัวของเฟรย์
‘เธอเป็นคนที่ใจอ่อนมาก’
ถ้าหากเป็นเชพเพิร์ดจุน การบอกความลับนั่นเขาจะต้องจ้องคุกคามเฟรย์หรือแม้แต่พยายามเอาชีวิตของเขาโดยตรงอย่างแน่นอน
นั่นเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุดในการรักษาความลับ เฟรย์ไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธความจริงนั้น
อย่างไรก็ตามเบเนียงได้เลือกวิธีการที่ไม่มั่งคงเช่นนี้
เธอขอให้เขาเก็บเป็นความลับหลังจากที่เพิ่งได้พบกัน มันเหมือนเป็นการทิ้งชะตากรรมของเธอไว้กับอีกคน
ท่าทางอ่อนโยนของเธอทำให้เขานึกถึงชไวเซอร์ เขาเป็นคนดีที่ไม่เคยจะสงสัยคนอื่นและยิ้มได้แม้จะถูกหักหลัง
‘อีกแล้ว…’
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นเหมือนเพื่อนเก่าของเขาในยุคใหม่นี้
เฟรย์ส่ายหัว
“ฉันจะไม่บอกใคร”
"ขอบคุณ"
เบเนียงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“ว่ากันว่าไข่ของฉันถูกพบในรังของมังกรเขียวที่เดมิก็อดกวาดล้างไปเมือ 200 ปีที่แล้ว”
“…!”
200 ปีที่แล้ว
มันนานกว่าที่เฟรย์คิดไว้มาก
“ตามบันทึก เมื่อพบเข้ากับรังของมังกร รังนั้นก็ได้รับความเสียหายจนหมดสิ้นแล้วและไม่พบแม้แต่ศพของมังกร มีการบันทึกว่าสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในถ้ำก็คือฉัน”
พวกเขาหาร่างไม่พบเลยงั้นหรือ?
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมสิ่งเดียวที่ยังคงปลอดภัยในถ้ำที่ถูกทำลายกลับกลายเป็นไข่
“เมื่อ 50 ปีก่อนฉันฟักออกจากไข่ใบนั้น”
“คุณอยู่ในไข่มา 150 ปี?”
"ใช่"
เฟรย์พอเดาเหตุผลได้
ในการฟักไข่ของมังกรนั้นแม่มังกรจะฟักไข่ได้โดยการค่อยๆฉีดมานาเข้าไป
มานาจะเปลี่ยนอารมณ์ของหัวใจมังกรของมังกรทารก
กระบวนการนี้เพียงอย่างเดียวจะช่วยลดระยะฟักตัวลงอย่างมากและมั่นใจได้ว่าไข่ที่ฟักออกมาจะมีสุขภาพที่ดี
แต่เบเนียงไม่ได้รับกระบวนการนี้
ไม่สิ...มันถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่เธอสามารถฟักออกมาได้ตั้งแต่แรก
ตอนนี้เธอต้องไม่มั่นคงและอ่อนแอมากจนไม่สามารถถือได้ว่าเธอเป็นลูกครึ่งมังกร
“รูปร่างของฉันตอนที่ฉันฟักออกมาไม่ใช่รูปร่างของมังกร แต่เป็นรูปร่างของมนุษย์ นั่นคือตอนที่สมาชิกในเซอร์เคิลรู้ว่าฉันเป็นลูกครึ่งมังกร”
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะมองเห็นมันจากภายนอก
อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในขนาดของไข่ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้คนในยุคนั้นจะสามารถกำหนดขนาดของไข่มังกรได้อย่างแม่นยำ
“หลังจากนั้นโอเซลอาร์เจนโต้ อดีตเซอร์เคิลมาสเตอร์ของโทร์วแมนริงส์ก็เลี้ยงดูฉันมา ฉัน…ถือว่าเขาเป็นพ่อที่แท้จริงของฉัน”
เซอร์เคิลมาสเตอร์คนก่อนเสียชีวิตในการต่อสู้กับเดมิก็อด
เมื่อเธอพูดชื่อของเขาการแสดงออกของเบเนียงก็ดูเศร้าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นโอเซลผู้ชายคนนี้ที่เลี้ยงดูเธอมาเป็นพ่อของเธอแทนที่จะเป็นมังกรเขียวที่เธอไม่เคยได้พบ
“หลังจากที่เขาเสียชีวิตฉันซึ่งเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขาก็เข้ามารับตำแหน่งแทนที่เขา มันไม่ใช่ประเพณีก็จริง แต่นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นผู้คนจำนวนมากตัดสินใจลาออกจากเซอร์เคิล ไม่เพียงแค่ระดับออเนอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเซอร์เคิลราวเดอร์ที่เป็นรองผู้บังคับบัญชาอีกด้วย”
นั่นหมายความว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้ารับตำแหน่งนั้น
เบเนียงดูหดหู่
“ฉันบอกทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ตอนนี้บอกฉันเกี่ยวกับตัวคุณหน่อย คุณรู้จักมังกรได้อย่างไร?”
“…”
เฟรย์มองไปที่เบเนียง
กล่าวอีกนัยหนึ่งพ่อแม่ของเธอก็เป็นมังกรเขียวเหมือนกับอาจารย์ของเขา
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ยิ่งไปกว่านั้นเบเนียงมีหน้าตาเหมือนอาจารย์ของเขามาก
บุคลิกของเธอแตกต่างกันก็จริง แต่ดวงตาและออร่าของเธอนั้นยังเหมือนเดิม
เฟรย์สงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าบรรพบุรุษคนใดคนหนึ่งของเธออาจจะเป็นอาจารย์ของเขาจริงๆแต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าความน่าจะเป็นที่น่าขำนั้นเป็นไปได้ยาก
“ฉันอ่านมันเจอในหนังสือนะ”
"หนังสือ?"
“หนังสือที่ฉันพบในดันเจี้ยนใต้ดินของมหานักปราชญ์ มีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับมังกรอยู่ข้างใน”
“บันทึกความทรงจำของชไวเซอร์สโตรว์!”
เบเนียงสะดุ้ง
“นะ - แน่นอน ถูกตัอง มีบันทึกไว้ว่าเมื่อ 4,000 ปีก่อนมนุษย์และมังกรรวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับพวกเดมิก็อด”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
หลังจากคิดอยู่สักพักหนึ่งเบเนียงก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ
“…นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้”
“ขอบคุณสำหรับความซื่อสัตย์ของคุณ ฉันจะไม่หลุดปากพูดถึงสิ่งที่คุณบอกฉัน”
"ขอ..ขอบคุณ"
แม้ว่าจะเป็นเพียงคำสาบานด้วยวาจาแต่เบเนียงก็ไม่ได้มีข้อสงสัยใดๆในตัวของเฟรย์
เธอมองไปที่เฟรย์และพูดอย่างระมัดระวัง
“แล้ว…ทีนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ? ฉันไม่สามารถอยู่ได้นานเกินไปฉันจึงคิดที่จะกลับไปทันที”
เฟรย์ไม่จำเป็นต้องคิดนานเกินไป
ท้ายที่สุดเขาต้องการทราบถึงการทำงานภายในเซอร์เคิลและกลุ่มเพื่อดูด้วยตาของเขาเอง
แม้ว่าเซอร์เคิลของเบเนียงจะอยู่ท่ามกลางความตกต่ำแต่โทร์วแมนริงส์ก็ยังคงเหมาะสมพอ
นั่นเป็นเพราะจะไม่มีความเย่อหยิ่งหรือความมั่นใจที่ไร้ประโยชน์และจุดนี้คือจุดที่ดีที่สุด
“ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันขอเข้าไปดูเซอร์เคิลของโทร์วแมนริงส์ได้ไหม?”
“แน่นอน!”
ใบหน้าของเบเนียงสว่างขึ้นจนเกือบจะเป็นประกาย
ด้วยความสัตย์จริง เฟรย์ไม่คุ้นเคยกับการแสดงออกและปฏิกิริยาของเธออย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเพราะเฟรย์ไม่เคยพบมังกรที่แสดงอารมณ์ได้ชัดเจนมากขนาดนี้
‘ไม่หรอก เธอเป็นแค่ลูกครึ่งมังกร '
“ฉันจะแพ็คกระเป๋าเดินทางและลงไปทันที”
"ใช่ จากถ้างั้นฉันจะรออยู่ชั้นล่าง”
เบเนียงมุ่งหน้าลงไปชั้นล่าง
เขาไม่มีสัมภาระให้แพ็ค เฟรย์แค่ต้องการใช้เวลาในการจัดระเบียบความคิดของเขา
เขาเคยคิดที่จะสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเดมิก็อดเพียงลำพังตัวเขาเอง
นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกดีใจมากเมื่อได้รู้ถึงการมีอยู่ของเซอร์เคิล
มีข้อจำกัดในสิ่งที่คนๆหนึ่งจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงมนุษย์ที่ต่อกรกับเดมิก็อด
ดังนั้นเฟรย์จึงต้องการกองกำลังหนุนหลัง
พูดให้ถูกต้องสิ่งที่เขาต้องการคือ "พวกพ้องที่เขาไว้ใจได้"
แม้ว่าเขาจะระงับการตัดสินของเขาในเซอร์เคิลนี้ แต่เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อไม่นานมานี้
มันเพียงพอแล้วที่เขาจะรู้สึกโกรธบิ๊กทรีที่กำลังกำลังแย่งอำนาจไปมาและยังไม่สามารถรวมพลังกันได้
‘เราต้องรวมพลังของเราเข้าด้วยกัน’
เซอร์เคิลควรร่วมใจเป็นหนึ่ง
หากผู้บริหารของสามเซอร์เคิลที่ใหญ่ที่สุดได้ยินเช่นนั้นพวกเขาจะต้องหัวเราะอย่างแน่นอน แต่เฟรย์มีความมั่นใจที่จะทำมันได้
ในการทำเช่นนั้นพวกเขาต้องการจุดศูนย์กลาง
เฟรย์วางแผนที่จะไปยังโทร์วแมนริงส์และดูรอบๆ
ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะทรงพลังเพียงใด สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ความแข็งแกร่งจากภายนอกของพวกเขาแต่เป็นพลังจากภายในของพวกเขา
เขาอยากรู้ว่าพวกเขามีจุดยืนอย่างไรในการต่อสู้กับเดมิก็อด
ถ้าเขารู้สึกว่าเซอร์เคิลโทร์วแมนริงส์เป็นเซอร์เคิลที่เหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางเฟรย์ก็ตั้งใจจะชุบชีวิตของมันขึ้นมาอีกครั้ง
เฟรย์...ไม่สิ
มหาจอมเวทย์ลูคัสโทรว์แมนมั่นใจในความสามารถของเขาที่จะทำเช่นนั้น
* * *
“นั่นไม่ใช่…”
“คุณเสียใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร? ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคุณเบเนียง?”
เมื่อเฟรย์ลงมาที่ชั้นล่างเขาก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงที่เขาแน่ใจว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งเงียบๆ เกิดขึ้นอยู่ไม่ไกล
เมื่อเขาหันหน้าไปมองก็พบว่าเบเนียงยืนอยู่ที่นั้น
เธอยืนก้มศีรษะลงและกำลังกัดริมฝีปาก
และต่อหน้าเธอคือผู้ชายที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจที่เฟรย์ได้พบก่อนหน้านี้
“โอ้ในที่สุดแกก็ลงมาจนได้ ดูเหมือนแกจะมีค่ามากกว่าเซอร์เคิลมาสเตอร์อีกนะนี้ ช่างน่าประทับใจจริงๆ”
พ่อมดวัยกลางคนที่เป็นออเนอแห่งกองทัพไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ผู้หยิ่งผยองและเป็นคนที่เฟรย์เคยมีปากเสียงกันเมื่อไม่นานมานี้
เขาคือดูเกนจาร์