ตอนที่ 14 คุณเหยาซื่อและฉันเป็นแค่เพื่อนกัน
หลังอาหารค่ำ เหยาซื่อเสนอตัวขับรถไปส่งฉีโย่วที่บ้าน แต่เธอปฏิเสธ
ทว่าชายคนนี้เก่งเสียจริงที่สามารถเปลี่ยนเรื่องคุยกระทั่งให้เธอบอกี่อยู่ออกมา เมื่อรู้ตัวว่าหลุดปากบอกเขาไปแล้ว ฉีโย่วอยากจะตบหน้าตัวเองนัก
“คุณเหยาค่ะ คุณไม่จำเป็นต้อง...” ฉีโย่วพยายามปฏิเสธ
เป็นจังหวะเดียวที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
เหยาซื่อขอให้เธอรอสักครู่ จากนั้นเปิดลำโพงด้วยมือข้างหนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์
“หน่ายนาย”
“หน่ายนาย?”
‘คุณย่าของเขาเหรอ?’ ฉีโย่วหูผึงแอบฟังเขา
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง อาซี” เสียงที่อบอุ่นและร่าเริงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“เธอสวยไหม?”
“เธอไม่ได้มาครับ ผมจึงกลับออกมา”
“อา!” ย่าของเขาถามว่า “แล้วหลานได้โทรหาเธอหรือเปล่า ได้ถามไหมว่าทำไมเธอถึงไม่มา”
“อะฮ่า!”
ไม่แปลกใจเลยที่เขาก็อยู่ที่ร้านนั่น เขาก็มานัดบอดเหมือนกัน!
“ใช่แล้ว. คุณเหยาทำไมคุณไม่โทรหาเธอล่ะ?” ฉีโย่วกระซิบด้วยความอยากรู้ว่า “ผู้หญิงมีเหตุผลมากมายที่จะมาเดทสาย ทำไมหลานไม่อยู่รออีกสักหน่อย”
แม้ว่าเสียงของฉีโย่วจะแผ่วเบา แต่คุณย่าของเขาที่คุยกับเขาอยู่นั่นได้ยินเสียงเธอ
“อาซี อย่าคิดว่าย่าคนนี้โง่นะ ตอนนี้หลานอยู่กับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” คุณย่าตำหนิเหยาซื่อ
“หน่ายนาย คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ!” ฉีโย่วรู้สึกอายรีบประท้วงขึ้น “คุณเหยากับฉัน เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”
“สวัสดี” คุณย่าดูพอใจที่เธอพูดขึ้น จึงพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ความสัมพันธ์สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้! ไว้มาทานข้าวเย็นด้วยนะหลานสะใภ้ที่น่ารักของฉันในอนาคต”
“ไม่คะ คุณย่า คุณกำลังเข้าใจผิดจริง ๆ” ฉีโย่วจ้องไปที่เหยาซื่อ ชี้ไปที่โทรศัพท์ทำท่าทางให้เขาอธิบาย
เหยาซื่อแค่ยิ้มและพูดกับย่าของเขาว่า “หน่ายนายผมกำลังขับรถ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะครับ”
“โอเค แล้วเจอกัน!”
จากนั้นคุณย่าก็วางสายไป
ฉีโย่วพูดไม่ออกเป็นเวลานาน จ้องมองไปที่ชายคนคนที่นั่งบนเบาะคนขับ สุดท้ายเธอก็พูดออกมา “คุณเหมา เลยเถิดไปแล้วนะคะ คิดจะใช้ฉันเป็นกันชนหรือยังไง”
“คุณกลัวอะไร? เธอไม่เห็นคุณสักหน่อย หรือว่าคุณอยากกลับบ้านไปกับฉัน?”
ฉีโย่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ใช่แล้ว ทำไมฉันต้องกังวลขนาดนี้’
ขณะที่ขับรถเข้าไปในชุมชน พวกเขาพบกับแม่ของฉีโย่วที่เพิ่งกลับมาจากตลาด
แม่ของฉีโย่วสงสัยว่ารถคันงามนี่ของใครกัน แต่เมื่อเธอเห็นลูกสาวลงจากรถ เธอก็แปลกใจ “โย่วโย่วเหรอ? ไปเดทกลับมาเร็วจัง? ทำไมไม่ทานข้าวกลางวันกับเขาล่ะ?”
จากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็ลุงจากที่นั่งคนขับปิดประตูรถแล้วเดินไปรอบ ๆ รถเขาสูงมากจนแม่ของฉีโย่วต้องเงยหน้าขึ้นมอง ช่างเป็นผู้ชายที่งดงามอะไรเช่นนี้
“คุณป้า ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เหยาซื่อทักทายเธออย่างสุภาพ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ! คุณคือ?” แม่ของฉีโย่วจ้องมองเขาด้วยความสงสัย ว่าทำไมชายคนนี้ถึงดูแตกต่างจากรูปถ่าย ฉีโย่วเดินมาจับแขนของเธอ
“แม่เขาเป็นเพื่อนฉันเอง เขามาส่งฉันเฉย ๆ”
“ขอบคุณที่พาฉีโย่วมาส่งนะ วันนี้อาการร้อนมากเลย คุณอยากจะขึ้นไปทานแตงโมข้างในบ้านก่อนไหมล่ะ?” แม่ของฉีโย่วกล่าว ฉีโย่วส่งสายตาเป็นสัญญาณแจ้งเตือนเธอ
“แม่ ฉันเกรงว่าเขาจะมีธุระต่อ” ฉีโย่วตอบก่อนที่เหยาซื่อจะพูดพร้อมกับขยิบตาให้กับเขา
ราวกับว่าเขามองไม่เห็นเธอ เหยาซื่อพูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “น่าอร่อยนะครับ คุณป้าใจดีมากเลย”
“...”
เขาเดินเข้าไปข้างในบ้านพร้อมกับฉีโย่ว แม่ของเธอรู้สึกตื่นเต้น “โย่วโย่ว เพื่อนของแก หล่อมากเลย ดูรถคันงามของเขานั่นสิ ยี่ห้ออะไรน่ะนั่น?”
“เบนท์ลีย์” ฉีโย่วตอบโดยไม่ต้องคิด เธอตกใจมากกับรถ แต่เมื่อพบว่าเขาเป็นหัวหน้าสายการบินดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่
การไม่รู้จักยี่ห้อรถและความเฉยเมยของฉีโย่ว ทำให้แม่ของเธอตีราคารถได้เพียงสองหรือสามแสนหยวน
แม้ว่ารถจะราคาถูก แต่เหยาซื่อก็สร้างความประทับใจแรกให้กับแม่ของเธอ
หลังจากเข้าไปในบ้าน แม่ของฉีโย่วก็ปฏิบัติกับเขาอย่างอบอุ่นเหมือนลูกเขย
“แตงโม เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน หวานมากเลย เอาเลยๆ!”
“ฉันยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย คุณพบกับโย่วโย่วได้ยังไง”
กลัวว่าแม่ของเธอจะพูดมากเกินไป จนทำให้เหยาซื่อขุ่นเคือง ฉีโย่วตอบคำถามแทนเขา นอกจากนี้เธอยังนั่งข้าง ๆ เหยาซื่อและกระซิบ “คุณเหยา นั่นแหละแม่ของฉันล่ะ คุณแค่นั่งทานแตงโมไป ฉันจะตอบคำถามให้คุณเอง โอเค?”
เหยาซื่อไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาใช้ส้อมเล็ก ๆ จิ้มแตงโมแช่เย็นเข้าปากเพียงเท่านั้น