WS บทที่ 41 งานช้าง
เมอร์ลินรับฟังสิ่งที่ชายสวมหน้ากากพูดอย่างเงียบ ๆ เขาสังเกตเห็นว่าชายตรงหน้าเรียกเขาว่า ‘นักเวทย์’ ไม่ใช่ ‘คนนอกรีต’ อย่างที่คนอื่นเรียกกัน
นอกจากนี้เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายสวมหน้ากากพูด เขาไม่มีทางรับมือกับลูกศรนับนับพันด้วยคาถาระดับศูนย์ที่เขามีในตอนนี้ได้
“แองกัส แค่คนนอกรีตคนเดียว คุณถึงกับจะยอมแพ้เลยเหรอ?”
“...”
เมื่อเห็นว่าอีกฝั่งไม่พูดอะไร เขาก็เปลี่ยนความสนใจไปที่เมอร์ลินพร้อมตัวดาบที่ส่องแสงสีขาวออกมา
“เมอร์ลินระวังตัวด้วย พวกเขาทั้งหมดเป็นนักดาบแสงระดับสาม” เลห์แมนเตือนเมอร์ลินอย่างอ่อนแรง เขากำลังกดบาดแผลบนท้องของเขา
“ตายซะ!!”
ชายสวมหน้ากากได้พุ่งใส่เมอร์ลินโดยไม่เกรงกลัวใด ๆ แสงสีขาวบนดาบได้ขยายออกจากตัวดาบยาวขึ้นถึงหนึ่งเมตร เขาได้พุ่งขึ้นและง้างดาบฟันจากด้านบน
“ลูกไฟ!!” เมอร์ลินเสกคาถาลูกไฟออกไปด้วยแววตาที่เย็นชา
ลูกไฟสองลูกได้ถูกส่งลอยขึ้นไปในอากาศทันที นี่เป็นเป็นเพียงแค่ลูกไฟธรรมดาไม่ใช่ลูกไฟยักษ์
จากพลังเวทย์ในปัจจุบันของเขา ทำให้เขาสามาร่ายคาถาลูกไฟได้สิบลูกพร้อมกัน
และด้วยพลังจิตที่เพิ่มขึ้น เขาจึงสามารถปล่อยลูกไฟออกมาด้วยความเร็วที่ยากจะหลบได้
*ตูม!!*
มุมปากของเมอร์ลินยกขึ้นเล็กน้อย ลูกไฟทั้งสองได้ระเบิดกระจายไปทั่วทิศทาง ทำให้ชายสวมหน้ากากถูกกลืนหายไปในทะเลเพลิง
“อ๊าก!!” ชายสวมหน้ากากได้กรีดร้องออกมาอย่างทรมาน
เปลวไฟของลูกไฟสามารถหลอมได้แม้กระทั่งเหล็กชั้นดี ดังนั้นนักดาบแสงระดับสามก็ไม่สามารถรอดจากการเผาไหม้ของมันได้
หลังจากที่ชายสวมหน้ากากได้กรีดร้องอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาเงียบและล้มลงไป
“เควีโร่!!”
แองกัสกับลีโลตะโกนออกมาพร้อมกับแสงสีขาวได้ปรากฏรอบตัวของพวกเขา ทั้งคู่ได้แยกออกเป้นสองทิศทางและพุ่งเข้าหาเมอร์ลิน
เมอร์ลินส่ายหัวเล็กน้อย ตอนนี้เขาแตกต่างจากตอนที่ต่อสู้กับโรลิน ด้วยประสบการณ์ในตอนนั้นทำให้เขาสามารถจัดการนักดาบธาตุระดับสามได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สะบัดนิ้ว
ตอนนี้เขาเริ่มคุ้นเคยกับพลังของพ่อมดมากขึ้นแล้วและพลังจิตก็มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนจึงทำให้เขาสามารถควบคุมคาถาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ในตอนที่พวกเขาเริ่มขยับตัว เมอร์ลินก็ได้โยนลูกไฟยักษ์ใส่พวกเขาไปแล้ว
*หวู่ม!!*
ลูกไฟขนาดมหึมาลอยอยู่ในอากาศ สภาพของมันไม่ค่อยเสถียรเนื่องตัวมันเต็มปี่ยมไปด้วยพลังธาตุไฟอันเข้มข้น
*ตูม!!!!*
เมอร์ลินได้จุดชนวนมันทันที นั่นทำให้คลื่นไฟขนาดใหญ่ซัดใส่แองกัสกับลีโลที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างไร้ความปรานี
เมื่อพวกเขาสัมผัสกับแรงระเบิด ทำให้พวกเขาถูกกระแทกออกไปหลายเมตร
แม้พวกเขาจะเป็นนักดาบธาตุระดับสามแต่ด้วยพลังรุนแรงมันก็ส่งผลต่อพวกเขาไม่มากก็น้อย
เมอร์ลินยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาส่งลูกไฟสพวกเขาอีกสองลูก
*ตูม!!*
ลูกไฟได้ทะลุศีรษะของลีโลโดยไม่มีอะไรกั้น ส่วนแองกัสเขาได้เอาแขนมาป้องกันไว้ แต่ด้วยเพลิงอันร้อนแรงได้เผาขนของเขาทันที
แองกัสตัดสินใจกระโดดขึ้นหลังม้าและหนีไปด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส
“สายไปแล้วที่จะคิดหนีตอนนี้”
เมอร์ลินไม่ยอมปล่อยให้แองกัสหนีไปได้ แม้ว่าฝีเท้าของม้าจะเร็วถึงเพียงใดแต่ลูกไฟของเมอร์ลินนั้นเร็วกว่า
ลูกไฟที่บินตามไปอย่างรวดเร็วได้พุ่งใส่หลังของแองกัสเข้าเต็ม ๆ มันได้ทะลุร่างของเขาและมีรูขนาดใหญ่บนตัวของ
จากนั้นแองกัสก็ตกจากหลังม้าและนอนแน่นิ่งไป
เมื่อนักดาบแสงระดับสามทั้งสามคนได้ตายไปแล้ว จึงทำให้กลุ่มโจรต่างตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขาต่างตะโกนร้องออกมาพร้อมกับถอยหนี
นายพลแพรตต์ไม่พลาดโอกาสนี้ เขาได้นำเหล่าอัศวินหลายร้อยคนจัดการกลุ่มโจรที่แตกพ่าย
เมอร์ลินไม่ได้ออกไปต่อสู้ด้วย เขานำเลห์แมนที่บาดเจ็บเข้าไปในปราสาทและสั่งการให้คนรับใช้จัดการเคลียร์ซากศพอยู่ด้านนอก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อัศวินทั้งหมดได้เดินทางกลับมาที่ปราสาท พวกเขาตั้งแถวที่หน้าด้านปราสาทและแพรตต์ได้เข้ามาในห้องโถงเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแก่เลห์แมนฟัง
“ท่านบารอน พวกโจรถูกขับไล่ออกไปหมด ตอนนี้ดินแดนของท่านปลอดภัยจากการคุมคามของพวกโจรแล้ว”
เลห์แมนพยักหน้าที่ซีดอย่างเงียบ ๆ เขาพยักหน้าลุกขึ้นและถามอย่างเย็นชาว่า “แล้วพวกเชลยล่ะ”
แพรตต์พยักหน้าตอบรับ เขาส่งสัญญาณให้อัศวินนำเชลยที่บาดเจ็บกว่าหนึ่งโหลเข้ามาในห้องโถง
เลห์แมนหรี่ตามองพวกเชลยและถามด้วยเสียงเข้มว่า
“พวกโบสถ์กำลังคิดทำอะไรอยู่ พูดมันอออกมา!!”
เหล่าเชลยต่างมองหน้ากัน ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวังว่า “ท่านบารอน พวกเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกศาสนจักร พวกเป็นเพียงแค่กลุ่มโจรธรรมดา ๆ ที่ออกหากินตามบริเวณชายแดนของอาณาจักรแห่งแสงกับอาณาจักรแบล็กมูนเท่านั้น แต่เมื่อปีที่แล้วผู้นำของพวกเขาถูกคนของโบสถ์ฆ่าตายและพวกเราก็บังคับให้เข้าร่วมกับพวกเขา พวกเราเป็นแค่โจรเท่านั้นจึงไม่รู้แผนของพวกโบสถ์เลย”
“ฉันรู้ ๆ ฉันได้ยินมาว่าทางโบสถ์มีแผนการครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเมืองหลวง เมืองแบล็กวอเตอร์และเมืองรูท”
เมื่อเชลยกล่าวเสร็จ พวกเขาได้มองขอความเมตตาจากเลห์แมน
“นำพวกมันออกไปและฆ่าพวกมันให้หมด!!” เลห์แมนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
จากนั้นพวกเชลยกว่าสิบคนได้ถูกแพรตต์นำออกไปสังหาร
“เมอร์ลินเราต้องมุ่งหน้ากลับไปที่เมืองแบล็กวอเตอร์ให้เร็วที่สุด” เลห์แมนเงยหน้าขึ้นมาเผยหน้าสีหน้าที่เหนื่อยล้า ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยกังวลที่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในเมืองแบล็กวอเตอร์