บทที่ 53 การติดต่อ (4)
(Editor note : วิซาร์ดและพ่อมดคืออันเดียวกันเพื่อมีพ่อมดที่เป็นผู้หญิงเราจะเรียกว่าวิซาร์ดแทนนะครับ)
หนึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและมานาจากคริสตัลก็ถูกดูดซึมจนหมด
นี่หมายถึงการที่เฟรย์ก้าวเข้าใกล้ระดับ 8 ดาวอีกครั้ง
เฟรย์พอใจกับสิ่งนั้นแต่นั้นไม่ใช่ข่าวดีเพียงอย่างเดียว
เมื่อคืนก่อนเขาประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับวิญญาณแห่งความมืด
มันเป็นวิญญาณระดับกลางที่ชื่อว่า 'ดาร์กมิง'
มันดูเหมือนแมวตัวเล็กๆที่มีขนสีดำและเมื่อมันเซ็นสัญญากับเฟรย์มันก็แสดงท่าทีหยิ่งผยองมาก
คามิลล์บอกว่าเก้าจากสิบครั้งจิตวิญญาณที่ถูกทำสัญญาครั้งแรกที่คนส่วนมากจะได้รับจะอยู่ในระดับต่ำดังนั้นแปลว่าเฟรย์ค่อนข้างโชคดีที่เขาได้รับจิตวิญญาณที่ดีเช่นนี้
ในตอนนี้เฟรย์รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในหอคอยเวทมนตร์อีกต่อไป
ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนที่จะมีการทดสอบในเซอร์เคิลและเขารู้สึกว่าการเดินทางไปรอบโลกนั้นดีกว่าการอยู่ในหอคอย
ด้วยเหตุนี้เฟรย์จึงเก็บข้าวของของเขาทันทีและพร้อมที่จะออกจากหอคอย
ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูเขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านนอก
ด้วยเหตุผลบางอย่างเฟรย์รู้สึกคุ้นเคยเขาจึงเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร
“อ่าอา สวัสดี”
หญิงสาวคนหนึ่งก้มหัวให้เขา
เธอดูเหมือนจะแก่กว่าเฟรย์ประมาณสามหรือสี่ปี แต่ผมและดวงตาสีเขียวของเธอดึงดูดความสนใจของเขาเนื่องจากมันค่อนข้างหายากแม้แต่ในทั้งทวีป
“…”
เฟรย์พูดไม่ออก
จากนั้นเขาก็จ้องมองที่เสื้อคลุมของเธอก่อนจะเปิดปากในที่สุด
"คุณเป็นใครกัน?"
“ฉันมีชื่อว่าเบเนียง”
เขาไม่ได้ขอชื่อเธอเลย
สมองของผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
เบเนียงส่ายหัวอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของเฟรย์
"อา ขอโทษ คุณคงเป็นเฟรย์เบลคใช่หรือเปล่า?”
"ฉันเอง"
“ฉันขอโทษที่รบกวนคุณ ให้ฉันแนะนำตัวเองอย่างถูกต้อง ฉันคือเบเนียงอาร์เจนโต้”
ขณะที่เธอพูดต่อเฟรย์ก็ตระหนักว่าความคาดหวังของเขาถูกต้อง
“ฉันเป็นเซอร์เคิลมาสเตอร์ของโทร์วแมนริงส์”
* * *
เฟรย์ปีนบันไดหอคอยอีกครั้งและมุ่งหน้าไปที่ห้องของเขา
นี่เป็นเพราะไม่มีที่อื่นให้เขาต้อนรับแขกและไม่ว่าเขาจะอยากทำมันมากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถพาเซอร์เคิลมาสเตอร์ไปที่ร้านอาหารได้
นอกจากนี้การรักษาความปลอดภัยของหอคอยก็ค่อนข้างดี
ตาก
เฟรย์ปิดประตูและมองไปที่เบเนียงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางประหม่า
แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงมันแต่ตอนนี้เฟรย์ก็อยู่ในสภาพจิตใจที่ซับซ้อนมาก
‘เสื้อคลุมตัวนั้นไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ’
ในตอนแรกตอนที่เขาเป็นลูคัสเขาไม่ชอบใช้ของวิเศษ
เขาทำมันเพื่อฆ่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อย่าง
เสื้อคลุมตัวนั้นเป็นเพียงเสื้อคลุมหนังธรรมดาๆที่มีคุณภาพดี
นั่นเป็นสาเหตุที่เขาจำแทบไม่ได้
4,000 ปีได้ผ่านไปและเสื้อคลุมก็แตกต่างจากที่เคยเป็น
‘พวกเขาค่อยๆเพิ่มรายละเอียดลงไปทีละนิดๆเมื่อเวลาผ่านไปหรือเปล่า?’
ดูเหมือนว่าจะมีคนที่เปลี่ยนชิ้นส่วนของมันด้วยหนังประเภทต่างๆ
ด้วยเหตุนี้เสื้อคลุมหนังธรรมดาๆจึงกลายเป็นเหมือนของวิเศษที่เข้ากับชื่อของมันในฐานะมรดกของฮีโร่
แต่มันไม่ใช่เสื้อคลุมที่ทำให้เขาสับสน
เขาเปล่งความคิดที่เขามีอยู่ข้างใน
“เซอร์เคิลมาสเตอร์เดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?”
"คือ…"
การดูเธอเขินอายในขณะที่เธอคิดหาคำที่จะพูดทำให้เฟรย์รู้สึกแปลกใหม่
นี่เป็นเพราะเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้ที่มีอำนาจอันดับหนึ่งในเซอร์เคิลจะเป็นเช่นนี้
มันยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับความหยิ่งผยองของดูเกนจาร์ที่เขาเคยพบเมื่อไม่นานมานี้
“บังเอิญ…ฉันเป็นคนแรกที่ได้คุยกับนายหรือ?”
“คนแรกอะไร?”
"ก็…"
เบเนียงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เธออธิบาย
“มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่เมื่อมือใหม่ไฟแรงอย่างคุณปรากฏตัว บางครั้งพวกเขาก็จะถูกเข้าทาบทามก่อนที่พวกเขาจะเข้าทำการทดสอบ”
“ก่อนที่พวกเขาจะทำการทดสอบด้วยซ้ำ”
"ใช่ อา...และคุณไม่ต้องทำการทดสอบ ด้วยการที่คุณได้ปราบอัครสาวก คุณได้รับการประเมินแล้วว่าคุณแข็งแกร่งกว่าผู้บริหารจากบิ๊กทรี "
เขาไม่ต้องทำการทดสอบ
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงบางสิ่งบางอย่างที่ยุ่งยากได้ แต่เขายังไม่สามารถวางใจในเซอร์เคิลได้ในตอนนี้
จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาพยายามบังคับให้เขาทำอย่างอื่น?
“มีข่าวลือว่าฉันเอาชนะอัครสาวกหรือ?”
"ยังไม่มากนัก มีเพียงไม่กี่เซอร์เคิลเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันได้ยินเรื่องนี้เพราะโชคช่วยเท่านั้น…”
นั่นคือเมื่อเขาเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
เบเนียงมาที่นี่เพื่อเชิญให้เขาเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์
เฟรย์รู้สึกประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆเกิดขึ้นในเซอร์เคิลได้อย่างไร แต่เขามั่นใจว่าเซอร์เคิลมาสเตอร์ไม่ได้เดินไปเดินมาเพื่อรับสมัครสมาชิกเป็นการส่วนตัว
“คุณตัดสินใจแล้วหรือยังว่าจะเข้าร่วมเซอร์เคิลใด?”
"ฮะ?"
“ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นน้องชายของไฮนซ์เบลค และคุณยังมีความสัมพันธ์ทีดีกับออเนอเชพเพิร์ดจากสโตรว์เน็คลิซ …”
แม้แต่ข้อมูลนี้ก็ยังรั่วไหลออกไป
เฟรย์มีความรู้สึกว่าเซอร์เคิลเหล่านี้กำลังปล่อยข้อมูลแบบจงใจ จากสิ่งที่เบเนียงเปิดเผยดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการตัวเขามากเกินกว่าที่เขาคิดไว้แต่แรก
“ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้”
“ฉัน...ฉันเข้าใจ”
เบเนียงพยายามสงบสติและความปั่นป่วนในท้องของเธอ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อคว้างน้ำเหลว
เธอเหลือบมองตาของเฟรย์ก่อนจะพูดต่อ
“คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับโทร์วแมนริงส์?”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ”
มันเป็นความจริง
แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะเป็นหัวหน้าขององค์กรที่ใช้นามสกุลของเขา แต่ความจริงนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เบเนียงผิดหวัง
อาจกล่าวได้ว่าพ่อมดเก้าในสิบคนจะเคารพลูคัสโทรว์แมนมากๆ
แต่ตอนนี้แผนการของเธอที่จะสร้างพื้นที่ร่วมกันโดยการพูดคุยเกี่ยวกับลูคัสล้มเหลวก่อนที่มันจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ
“…เดี๋ยวก่อนจะเป็นไรไหมถ้าฉันบอกคุณเกี่ยวกับเซอร์เคิลของเรา?”
“ฉันอยากที่จะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เมื่อเฟรย์ตอบในทางบวกอย่างไม่คาดคิดใบหน้าของเบเนียงก็สดใสขึ้นมาก
เขาอยากรู้มากอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่เป็นเพราะเพื่อนร่วมงานหลายคนของเขาเชื่อมโยงโดยตรงหรือโดยอ้อมกับโทร์วแมนริงส์
เพเรียนบอกว่าเขาต้องการเข้าร่วมจริงๆและอเดเลียเองก็เป็นสมาชิกของโทร์วแมนริงส์
“เซอร์เคิลของเรา…”
เบเนียงเริ่มอธิบายด้วยใบหน้าประหม่าในขณะที่เฟรย์เพียงแค่ฟังเธอเงียบๆ
การแสดงออกของเฟรย์ยังคงเหมือนเดิมตลอดการอธิบายทำให้เบเนียงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่
“…”
และเมื่อเธอพูดเสร็จเฟรย์ก็คร่ำครวญกับคำพูดของเบเนียงอย่างเงียบๆ
หากเป็นสมาชิกในเซอร์เคิลคนอื่นๆที่บอกเขา พวกเขาก็พูดถึงเซอร์เคิลของพวกเขาเหมือนกับว่ามันถูกห่อไว้ด้วยผ้าคลุมที่สวยงามอยู่เสมอ
สิ่งที่ทำให้เฟรย์ประหลาดใจคือเบเนียงเปิดเผยทุกอย่างโดยไม่สนใจว่าสถานการณ์ของโทร์วแมนริงส์นั้นจะเลวร้ายเพียงใดให้กับเขา
หากจุดประสงค์ของเธอคือการรับสมัครเฟรย์ มันคงจะดีกว่าที่เธอจะปกปิดบางสิ่งไปจากเฟรย์
พูดอย่างอ่อนโยนอย่างน้อยเธอก็ซื่อสัตย์มิฉะนั้นเธอก็คงไม่มีความยืดหยุ่น
“ถ้าเฟรย์ตัดสินใจเข้าร่วมกับเซอร์เคิลของเรา…ฉันจะให้ไอเท็มเวทมนตร์แก่คุณด้วย”
“ไอเทมวิเศษ?”
"ใช่"
เฟรย์ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วนี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ก้าวร้าวอย่างไม่น่าเชื่อ
ยกเว้นแต่บิ๊กทรี จำนวนของสิ่งประดิษฐ์ที่เซอร์เคิลมีอยู่ในคลังสมบัตินั้นไม่สูงนัก อย่างมากก็จะมีสองหรือสามชิ้นและบางเซอร์เคิลนั้นไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ในอดีตมีไอเท็มเวทมนตร์เพียงห้าชิ้นในโทร์วแมนริงส์ ดังนั้นการที่จะมอบมันให้กับมือใหม่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าตกใจ
เบเนียงคิดว่าจะมีการแสดงออกบนใบหน้าของเฟรย์เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ แต่เขากลับก้มหน้าลงราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
ปฏิกิริยานี้ค่อนข้างทำให้เบเนียงท้อใจ
“ฉันอยากจะถามอะไรคุณสักหน่อย”
"อา! ได้โปรดถามมาเลย”
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยินยอมรับคำขอของเฟรย์เพราะเธอแค่ต้องการให้เขาแสดงปฏิกิริยาออกมา
“มาสเตอร์เบเนียงเป็นมังกรใช่หรือไม่?”
ความเงียบชั่วขณะลงมาในห้อง
แกร๊ก
จากนั้นเบเนียงก็รีบลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
เธอจ้องมองเฟรย์ด้วยดวงตาที่สั่นระริกและไม่สามารถซ่อนความกังวลของเธอได้
“นะ..นั่น...นั่น…”
เฟรย์มองเธออย่างใจเย็น
ไม่ใช่เพราะเสื้อคลุมแต่เฟรย์รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาคือมังกรหรือเกี่ยวข้องกับมังกรซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตามเขาเริ่มสงสัยหลังจากเห็นปฏิกิริยาของเบเนียง มันเป็นอารมณ์ที่แสดงออกมามากเกินไปสำหรับเธอที่เป็นมังกร
"…ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?"
ดูเหมือนว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เบเนียงสามารถถามได้
เฟรย์อ้าปากช้าๆ
“มังกรไม่มีห้องมานา หัวใจมังกรเป็นแหล่งพลังที่ยอดเยี่ยมซึ่งช่วยให้คุณใช้มานาได้ทันทีโดยไม่ต้องดูดซับมันจากธรรมชาติ”
ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้มานารอบๆมังกรมี "คุณภาพ" ที่แตกต่างกัน มันเปลี่ยนไปเพื่อให้หัวใจของมังกรสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้มังกรจึงสามารถหลีกเลี่ยงการร่ายเวทย์ได้
ยิ่งวิซาร์ดแข็งแกร่งมากเท่าไหร่พวกเขาก็จะสามารถรับรู้ข้อเท็จจริงนี้ได้ดีขึ้นเท่านั้น
สายตาของเฟรย์พบกับเบเนียง
“มาสเตอร์เบเนียงมีมานาที่โดดเด่นบริสุทธิ์และไร้การปรุงแต่ง”
“…ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เรื่องเกี่ยวกับมังกรมาก คุณเคยเจอกับมังกรมาก่อนใช่ไหม?”
“นั่น…ไม่”
ในขณะนั้นเฟรย์เห็นแววแห่งความผิดหวังในดวงตาของเบเนียง
เธอถอนหายใจก่อนพูด
“โห! เอาละเนื่องจากคุณสังเกตเห็นมามากแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ… แต่ฉันถูกเรียกได้ว่าแค่ว่า 'ลูกครึ่ง'”
"ลูกครึ่ง?"
"ใช่"
เบเนียงพยักหน้าและวางมือไว้ที่หน้าอกของเธอ
“ฉันเป็นลูกครึ่งมังกร”