บทที่ 11 (อ่านฟรีวันที่ 13 เมษายน 2564)
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซิ่นเทียนทำให้เสี่ยวหลิงเซียนตกใจ
ใคร?
แม้ว่าเขาจะหล่อเหลาจนทำให้หัวใจของเสี่ยวหลิงเซียนเต้นแรง แต่นางก็รู้สึกแปลกๆ!
เขาเพิ่งเหยียบลงเปลือกกล้วยอย่างสวยงามขณะร่วงลงมา
“นางฟ้าตัวน้อย อย่ากังวล ข้าจะปกป้องเจ้าเอง เมื่ออยู่กับข้าเขาจะแตะตัวเจ้าไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว!”
เซิ่นเทียนยืนขึ้นด้วยความยากลำบากมากและทำท่าปกป้องเสี่ยวหลิงเซียนที่อยู่ข้างหลังเขา
เขาชี้ไปที่ตัวร้ายและพูดอย่างชอบธรรมว่า“เฮ้! เจ้าสารเลว เจ้ากล้าดียังไงถึงปล้นหญิงสาวผู้งดงามและใจดีกลางวันแสกๆ! !”
ตัวร้ายคนนั้นตะลึง “หา สารเลว? ใครคิดจะปล้นผู้หญิงกัน!?”
เสี่ยวหลิงเซียนเม้มริมฝีปากของนางด้านหลังเซิ่นเทียนและพูดว่า“ข้าเป็นเด็กหญิง ข้าไม่ใช่หญิงสาว!”
ปากของ เซิ่นเทียนกระตุก
มันเป็นประเด็นหลักเหรอ?
ประเด็นหลักคือข้าที่กระโดดลงมาจากท้องฟ้าและให้ความช่วยเหลือนางอย่างวีรบุรุษไม่ใช่หรือ?
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า…” เซิ่นเทียนมองไปที่ตัวร้ายคนนั้นอย่างเย็นชา “คืนหินวิญญาณให้กับเสี่ยวหลิงเซียนแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป หรือ…”
ตัวร้ายคนนั้นหัวเราะขณะที่เขามองไปที่ เซิ่นเทียนด้วยความดูถูก “หรืออะไร”
เซิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เพียงพอที่จะทำให้สาว ๆ หลายหมื่นคนคลั่งไคล้ด้วยความรัก
เขาส่ายหัวเบา ๆ ถอนหายใจและพูดว่า“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว เป็นเจ้าเองที่ไม่รับมัน”
ด้านหลังเขาเสี่ยวหลิงเซียนดึงแขนเสื้อของเซิ่นเทียน“มันไม่ธุระกงการอะไรของเจ้าและข้าไม่รู้จักเจ้าด้วย เจ้าควรออกไปดีกว่า!”
“ไม่รู้จักกันเหรอ? ฮ่า ๆ”
เซิ่นเทียนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในมุม 45 องศา จากนั้นเขากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า“เงาเดียวดายยืนอยู่ข้างลำธาร พวกเราคือผู้ฝึกตน เราต้องเป็นคนรู้จักถึงช่วยเหลือผู้อื่นหรือ?”
ในขณะที่นางมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของ เซิ่นเทียนและได้ยินคำพูดที่สวยหรูของเขาใบหน้าของ เสี่ยวหลิงเซียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย "แต่-"
เซิ่นเทียนขัดจังหวะ เสี่ยวหลิงเซียน“ไม่มีแต่”
จากนั้นเขาพูดอย่างชอบธรรมว่า“ ถ้าเราเห็นความอยุติธรรมเราก็ต้องสู้กับมัน
“ในฐานะผู้ฝึกตนข้าจะทำเป็นเมินเฉยได้อย่างไร”
ความโกรธของตัวร้ายพุ่งสูงขึ้น เขาเย้ยหยันและพูดว่า“ในเมื่อเป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นและยังอยากเป็นวีรบุรุษและอยากเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม? ดูสิว่า ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างไร!”
หลังจากที่เขากล่าวเสร็จ เขาก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาเซิ่นเทียน
ออร่าที่ทรงพลังถูกปล่อยออกมาจากเขา เขาเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตกลั่นฉี
เสี่ยวหลิงเซียนเริ่มกระวนกระวาย “อย่าทะเลาะกันๆ”
“ไม่ต้องกังวลสำหรับข้ าการจัดการตัวร้ายแบบนี้ก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วย”
เซิ่นเทียนมองไปที่ตัวร้ายคนนั้นอย่างดูถูก “ขันทีกุ้ย!”
ทันใดนั้นก็ได้ยินคำตอบจากขันทีกุ้ย“ขอรับ!”
“จัดการ!”
“พะยะค่ะ!”
ก่อนที่เสียงของเขาจะจางหายไปเขาเริ่มใช้ทักษะจาก ตำราปีศาจแห่งสุริยัน
พลังปราณสีแดงเข้มทรงพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ระเบิดออกมาจากร่างขันทีกุ้ย มันดูชั่วร้ายและดุดัน
พลังปราณปกคลุมทั่วร่า งเขากลายเป็นเงาสีแดงและปรากฏตัวระหว่างเซิ่นเทียนกับตัวร้าย
“ช่างเป็นโจรร้ายที่กล้าหาญ! เจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นองค์ชาย!”
ขันทีกุ้ยจงใจตะโกนประโยคนั้น
ก่อนหน้านี้ เซิ่นเทียนคิดผิดจริงๆเมื่อเขาเหยียบลงบนผิวกล้วย ดังนั้นความประทับใจของเสี่ยวหลิงเซียนที่มีต่อเขาก็ไม่ดีเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นปัญหามากนักเช่นเดียวกับโชคของเซิ่นเทียนมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเหยียบผิวกล้วย
ขันทีกุ้ยคิดว่าตราบใดที่เขา“ไม่ได้ตั้งใจ” เปิดเผยตัวตนของเซิ่นเทียนว่าเป็นองค์ชาย เซิ่นเทียนจะจับหัวใจของเสี่ยวหลิงเซียนได้อย่างไม่มีปัญหา
ความสุขของพระองค์คือสิ่งที่ข้าแสวงหาในชีวิต
โจรร้ายจงตายเสีย!
ขันทีกุ้ยที่มีอายุ 50 ชกตัวร้ายด้วยกำปั้นเหี่ยวๆของเขาอย่างบ้าคลั่งและระดมหมัดไปที่ตัวร้าย
ความเร็วเท่ากับความแข็งแกร่ง
ในโลกแห่งการฝึกตน การมีความเร็วที่มากกว่าเท่านั้นที่จะไม่พ่ายแพ้!
ต่อหน้าความเร็วเหมือนผีของขันทีกุ้ยแม้ว่าตัวโกงจะอยู่ในขอบเขตกลั่นฉีเหมือนกัน แต่เขาก็ดูอ่อนแอและไม่สามารถต้านทานได้
ในพริบตาเขาได้รับการโจมตีหลายร้อยครั้งจนบาดเจ็บหนัก
“ฝ่าบาท เจ้าโจรร้ายถูกปราบแล้ว!”
หลังจากจับตัวร้ายได้แล้ว ขันทีกุ้ยก็ถอยกลับไปด้านข้างอย่างเคารพและปล่อยให้มีพื้นที่ว่างสำหรับเซิ่นเทียน
บัดนี้ถึงเวลาที่ฝ่าบาทจะเปล่งประกาย
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิงเซียนตกตะลึงด้วยความตกใจและยังดูน่ารัก เซิ่นเทียนก็ยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า นี่คือสิ่งที่ผู้ฝึกตนควรทำ”
อย่างไรก็ตามต่อมาเขาก็ประหลาดใจ เสี่ยวหลิงเซียนไม่ได้ขอบเขาจริงๆ
โดยไม่คาดคิดนางวิ่งไปที่ด้านข้างของเจ้าตัวร้าย นางดูเศร้าโศรกและนางก็ปิดปากของนางราวกับว่านางพยายามอดกลั้นเสียงร้องไห้ของนาง
อย่างไรก็ตามนางยังคงฝืนถามเจ้าตัวร้ายด้วยความกังวลว่า“เจ้าสบายดีไหม”
ตัวโกงถูกตีจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสีดำและสีน้ำเงินทั่วหน้าและยังสูญเสียฟันไปครึ่งหนึ่ง แต่เขายังมีแรงพูดว่า
“เจา มา กิ หม้า!”
เซิ่นเทียนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่เขาเดินมาหานาง “เขาทำสิ่งเหล่านั้นกับเจ้าและเจ้ายังกังวลว่าเขาสบายดีไหม? นอกจากนี้ ... เขากำลังพูดอะไร?”
เสี่ยวหลิงเซียนกลอกตาไปที่เซิ่นเทียน นางดูโกรธ แต่ก็มีความสุขในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ดูเหมือนว่านางกำลังจะร้องไห้
“เขาบอกว่า 'เจ้าหมากินหมา!'”
เซิ่นเทียนตกตะลึง“หมากินหมา?”
ตัวร้ายมองไปที่เซิ่นเทียนด้วยสายตาที่ขมขื่นและพูดด้วยความยากลำบาก“ระ เดี้ย กน ..ต้อ.... ชัดใช่”
เซิ่นเทียนเกาหัวของเขา “เขากำลังพูดอะไรอีก?”
เสี่ยวหลิงเซียนรู้สึกผิดในขณะที่นางพูด "เขาพูดว่า 'รอเดี๋ยวก่อน เจ้าจะต้องชดใช้'”
เซิ่นเทียนโกรธมาก “เจ้าทำให้ข้าโกรธ! เจ้าพยายามที่จะปล้นหญิงสาวที่ใจดีและงดงามเช่นนี้ตอนรกลางวันแสกๆ และยังกล้าคุกคามข้าเจ้ากำลังรนหาที่ตายใช่ไหม”
ขันทีกุ้ยพยายามเกลี้ยกล่อมเซิ่นเทียน“ฝ่าบาทโปรดสงบสติอารมณ์ เราจะจัดการเขายังไงดี? หรือฆ่าเขา?”
ในช่วงเวลานั้นตัวร้ายนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ได่ ปด อย่าคา..ข่า.”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิงเซียนกำลังจะเปิดปากอีกครั้ง เซิ่นเทียนก็ส่ายหัว “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูด ข้าเข้าใจ ได้โปรด อย่าฆ่าข้า”
ตัวร้ายถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพยักหน้า
เสี่ยวหลิงเซียนส่ายหัวแล้วพูดว่า“ข้าแค่อยากจะบอกว่าข้า ไม่ใช่หญิงสาว ไม่ใช่หญิงสาว ไม่ใช่หญิงสาวจริงๆ!”
เซิ่นเทียนแสดงอาการพูดไม่ออก
เสี่ยวหลิงเซียนสังเกตเห็นท่าทางที่น่าสงสัยของทั้งสามคนและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ยังคงเปิดเผยความจริง
ที่จริงแล้วเสี่ยวหลิงเซียนไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าผู้ประเมินแร่วิญญาณ
คนที่นอนอยู่บนพื้นไม่ใช่โจรร้าย แต่เป็นลูกชายของเจ้าของร้านซ่งแห่งศาลานภา
เสี่ยวหลิงเซียนเคยเรียนรู้วิชาการประเมินแร่วิญญาณแบบผิวเผินโดยบังเอิญ
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินแร่อย่างถูกต้อง แต่ก็ยังสามารถหลอกคนปกติได้
นอกจากนี้ความงามของเสี่ยวหลิงเซียนยังเหมือนนางฟ้าและนางก็มีนิสัยใจคอที่ทำให้นางสามารถเข้าหาผู้คนได้ง่ายขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงมีความคิดที่ว่าขึ้นมาและนางได้ไปานขายแร่วิญญาณเพื่อร่วมมือกับพวกเขา ด้วยเหตุนี้นางจึงกลายเป็น“ผู้มีอิทธิพลทางการตลาด” ในสวนว่างหลิง
ทุกครั้งที่ร้านค้าเติมเสบียงพวกเขาจะเชิญเสี่ยวหลิงเซียนมาแสดง พวกเขาจะนำแร่วิญญาณที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาและเสี่ยวหลิงเซียนจะแสร้งทำเป็นซื้อมัน
จากนั้นหลังจากนั้นแร่วิญญาณก็ถูกผ่าออกมา ราคาของมันจะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า
นอกจากนี้ด้วยแฟน ๆที่เสี่ยวหลิงเซียนมี มันเป็นเรื่องง่ายที่จะดึงดูดลูกค้าให้มาร้านขายแร่วิญญาณของพวกเขา
ลูกค้าเหล่านั้นจะมีโอกาสใช้จ่ายในร้านขายแร่วิญญาณ
ในขณะเดียวกันร้านขายแร่วิญญาณจะให้ประมาณ 1% ของผลกำไรที่ได้จากการขายเป็นค่าตอบแทนแก่นาง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเซิ่นเทียนเพราะเขารู้ว่าคนเช่นนี้จะมีอยู่ในทุกอุตสาหกรรมในชีวิตก่อน
การทำแบบนี้มีอยู่ในอุตสาหกรรมทุกประเภทเช่น โรงแรม ร้านอาหาร คอนโด การพนัน มายากล...
แต่แค่เซิ่นเทียนไม่คิดว่าจะพบกับสถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าจะทะลุมิติมายังโลกผู้ฝึกตนแล้วก็ตาม
นางดูเหมือนนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ แต่ใครจะคิดว่านางจะเป็นหน้าม้าจริงๆ!