ตอนที่ 8
ห้องจัดเลี้ยงสีทอง ด้านในประดับด้วยไฟเคลือบสีราคาล้านหยวน บุคคลสำคัญต่างแต่งตัวดีเข้ากับห้องโถง และบรรยากาศอันหรูหรา
ฉีโย่วเติบโตมาโดยได้เข้าร่วมปาร์ตี้มากมายเช่นนี้ ทำให้เธอรู้มารยามทางสังคมของชนชั้นสูง แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนสำคัญก็ตามที เมื่อเหยาซื่อทักทายคนอื่น สิ่งที่เธอต้องทำคือยิ้ม
ทำให้ตอนนี้รอยยิ้มหยุดนิ่งอยู่บนใบหน้าสวยของฉีโย่ว
“คุณพักผ่อนอยู่ตรงนั่นก็ได้ หาอะไรทานก่อน ฉันจะเรียกหาคุณเมื่อจำเป็น” มือของเขาเลื่อนต่ำลงเพื่อลูบไล้สะโพกของเธอ ทำให้เธออยากจะกลายเป็นเม่น ทว่าเธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาโดยตรง
ฉีโย่วหิว เธอเดินเตร่ไปที่โต๊ะอาหารยุโรปตัวยาว หยิบถาดเพื่อหยิบอาหารจากนั้น
เธอกลืนสตรอเบอร์รี่เข้าไปทั้งลูก โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของเหยาซื่อจับจ้องเธออยู่
“พี่ซี มองอะไรอยู่เหรอ”
เมื่อจงอี้เข้ามาแตะบนไหล่ของเหยาซื่อ เขามองไปตามสายตาของเขา พบเข้ากับเด็กผู้หญิงตัวผอมคนหนึ่งยืนอยู่ที่โต๊ะ เขาก็ยิ้มทันที
“นี่ ไม่ควรจ้องเธอขนาดนั้นนะ?”
เหยาซื่อถอนสายตาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “ฉันไม่ยักรู้ว่าพี่บินมาที่ปารีส พี่มาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันสลับกะกับคนอื่นน่ะ น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ได้มาเยี่ยมชมความงามมากมายของที่นี่” จงอี้ยิ้มและพูดพร้อมกับยกคิ้วขึ้นมองไปที่ฉีโย่ว
“สาวคนนั้นเป็นแอร์โฮสเตสนี่ พนักงานของพี่ไม่ใช่เหรอ?”
“อืม” เหยาซื่อตอบ
“พี่ไม่ได้พูดหรอกเหรอ!”
จงอี้มองเขาด้วยสีหน้าโอ้อวด “พี่ไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าเกลียดแอร์โฮสเตสมากที่สุด ตอนที่เลิกกับซู่ฮั่น ทำไมพี่ถึง..?”
“หุปปาก!”
จงอี้หยุดพูด
เขาลืมไปว่าชื่อนี้เป็นสิ่งต้องห้าม ที่ไม่สามารถแตะต้องได้สำหรับเหยาซื่อ
หลังจากกินเค้กไปหลายจาน ฉีโย่วรู้สึกอิ่มเอม ถึงกับขอให้บริการห่อให้เธอนำกลับไปทานภายหลังด้วย เธอนั่งที่โซฟา ถูบริเวณน่องที่เจ็บ
เหยาซื่ออยู่ไม่ใกล้จากจุดนั้น ฉีโย่วมองขึ้นไปและเห็นเขาในฝูงชนถือแก้วของเขาและพูดคุยกับผู้คนรอบ ๆ ตัว กระดุมข้อมือสีแดงส่องแสงสะท้อนวิบวับสวยงาม
ฉีโย่งจ้องมองเขาเป็นเวลานานและคิดว่า
“ซีอีโอให้ความสำคัญกับวานมากและมีภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ทำไมเขาถึงมีงานอดิเรกเช่นนั้น”
“การเป็นโฮสต์นั้นน่าสนใจมากไหมนะ”
เธอไม่เข้าใจเขาเลยจริง ๆ
งานเลี้ยงเลิกก่อนเวลา 4 ทุ่ม ฉีโย่วจากไปพร้อมกับเหยาซื่อ ในมือเต็มไปด้วยกล่องหลายใบ
เหยาซื่อมองไปที่กล่องในมือของเธอ กัดริมฝีปากดูเหมือนจะหัวเราะแต่ก็เปลี่ยนใจไม่หัวเราะ
ฉีโย่วรู้สึกอึดอัดใจมาก เธอพูดว่า “ฉันไม่ใช่คนตระกละ แต่เชฟที่นี่ทำขนมปังอร่อยจริง ๆ จะเป็นไรไป ถ้าฉันขอเอากลับสักสองสามชิ้น ยังไงซะพวกเขาก็เอาไปทิ้งอยู่ดี”
“ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็ดี”
ทันทีที่พวกเขากลับไปที่โรงแรม ผู้ช่วยของเหยาซื่อก็มาพร้อมกับกระเป๋าเงิน นั่นคือกระเป๋าเงินของฉีโย่ว
“คุณพบมันเหรอค่ะ” ฉีโย่วไม่อยากจะเชื่อเลย แม้แต่ตำรวจยังบอกแค่ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เหยาซื่อกลับหามันเจอทันที ฉีโย่วตรวจสอบกระเป๋าเงินของเธอ ทุกอย่างยังคงอยู่ในนั้น
ในที่สุดฉีโย่วก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ขึ้นไปที่ห้องพัก เหยาซื่อก็เหลือบมองเธอและถามช้า ๆ “ไม่มีอะไรจะขอบคุณผมหน่อยเหรอ?”
“คุณไม่ได้บอกเหรอคะ ว่าถ้าฉันไปงานปาร์ตี้ด้วย คุณจะช่วยหากระเป๋าเงินของฉันให้?”
ฉีโย่วคิดว่าเขาต้องการคำของคุณและพูดออกไป เหยาซื่อยืดขาของเขาและกดตัวเองเข้ากับตัวเธอ
“คุณเหยาค่ะ” ฉีโย่วก้าวถอยหลังจนหลังพิงลิฟต์ พยายามยิ้มให้เขาแล้วบอกเขาไปว่า “แล้วฉันจะเลี้ยงอาหารตอบแทน หลังจากที่เรากลับไปแล้ว...”
ก่อนที่เธอจะพูดจบริมฝีปากของชายที่อยู่ตรงหน้าก็กดจูบเธออย่างรุนแรง
ฉีโย่วรู้สึกท่วมท้น
เมื่อนึกถึงว่ามีกล้องอยู่ในลิฟต์และอาจมีใครบางคนกำลังเฝ้าดูมันอยู่ในห้องควบคุม
ฉีโย่วรู้สึกอาย ผลักชายคนนั้นออกด้วยมือของเธอ แต่เขาจับศีรษะด้านหลังของเธอแล้วจูบให้ลึกขึ้น
เมื่อเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้นประตูลิฟต์เปิดออก การจูบก็สิ้นสุดลง