ตอนที่ 7 พูดคุยกับปีศาจ
โจรกระโดดรั้ว ขึ้นมอเตอร์ไซค์ไม่นานก็หายลับตาเธอไป ฉีโย่วเห็นเขาลับตาเธอเริ่มร้องไห้
สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ไม่ใช่เงินสด แต่เป็นบัตรต่าง ๆ ในกระเป๋านั่น เที่ยวบินเช้าวันพรุ่งนี้ เวลา 6 โมง ถ้าไม่ได้กระเป๋าเงินคืน เธอได้จบเห่แน่!
ยิ่งฉีโย่วคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เมื่อกลับมาถึงโรงแรม เธอยืมโทรศัพท์จากแผนกต้อนรับทันทีเพื่อโทรหาตำรวจ จากนั้นเธอก็รออยู่ที่โซฟาห้องล็อบบี้ไม่กล้าขึ้นไปชั้นบน
ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง คนที่คุ้นเคยก็เดินผ่านมา
เหยาซื่อเดินผ่านประตู ก้มศีรษะลงพูดคุยกับผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ เขา ชุดสูทสีดำตัดพอดีกับตัวของเขา แสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่สมส่วนและท่าทางที่สง่างามของเขา
ฉีโย่วแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นเขา
“ล้อเล่นรึเปล่า? ซีอีโอพักอยู่ในโรงแรมนี้ด้วยเหรอ?”
ดูเหมือนจะรับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังมองดูเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับฉีโย่ว
หัวใจของฉีโย่วเต้นรัว เธอรีบมองไปข้าง ๆ ภาวนาว่าเหยาซื่อจะเดินผ่านไปโดยไม่สังเกตเห็นเธอ
อย่างไรก็ตาม มันมักไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา รองเท้าคู่หนึ่งก็เข้ามาอยู่ใต้ดวงตาของเธอ พร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึดดูด “ฉีโย่ว”
ชื่อของเธอที่ออกมาจากปากเขา ฟังดูเหมือนมีความเจ้าชู้ออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้ หัวใจของฉีโย่วเต้นแรง เธอยิ้ม “สวัสดีคะ คุณเหยาซื่อ คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”
เหยาซื่อใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดูสง่างาม ถามอย่างไม่เป็นทางการ พลางวางสายตาที่งดงามคู่นั้นไว้ที่ถุงช้อปปิ้งรอบ ๆ ตัวเธอ
“ทำไม คุณมานั่นอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“เอ่อ...” ฉีโย่วพูดตะกุกตะกัก รู้สึกอายที่จะบอกว่าเธอถูกขโมย เมื่อข้ออ้างเรื่องการรอใครบางคนกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเธอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง
ตำรวจมองไปที่ฉีโย่ว พุดว่า “คุณใช่ไหมครับ ที่โทรแจ้งตำรวจว่าถูกปล้น”
ฉีโย่วมองไปที่เหยาซื่อแล้วหัวเราะแห้ง ๆ
ตอนนี้เธอพูดไม่ออก
ตำรวจถามคำถามฉีโย่ว จากนั้นจึงหันไปที่โรงแรมเพื่อดูกล้องวงจรปิด เมื่อตำรวจบอกกับฉีโย่วว่าโจรในกล้องวงจรปิดในพวกลักเล็กขโมยน้อย ฉีโย่วก็กังวล
“คืนนี้คุณช่วยหากระเป๋าเงินมาคืนฉันจะได้ไหมค่ะ ฉันจำเป็นต้องใช้บัตรบางใบในกระเป๋าเงินนั้นอย่างเร่งด่วน รบกวนด้วยค่ะ”
“เราจะพยายามครับ”
เหยาซื่อเอาแต่จ้องมองกล้องวงจรปิดตลอดเวลา จากนั้นเขาก็โบกมือให้ผู้ช่วย กระซิบข้างหูเขา ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วออกจากโรงแรมทันที
ตำรวจเพียงแค่บอกให้ฉีโย่วอดทน เธอใกล้จะบ้าจริง ๆ
จะให้ทำยังไงล่ะ
เที่ยวบินออกตอน 6 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ แล้วถ้าไม่มีบัตรประจำตัว บัตรพนักงานเธอก็ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เหยาซื่อเคยเห็นเธออารมณ์เสียจนนั่งจมอยู่ที่โซฟา ศีรษะห้อยลงเหมือนสัตว์เลี้ยงที่สูญเสียความหวังในชีวิต
เขาส่ายหน้าอย่างขบขัน พูดขึ้นว่า “ถ้าฉันสามารถเอากระเป๋าเงินของคุณคืนมาได้ ภายในเวลา 4 ทุ่ม คืนนี้คุณจะไปร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลกับผมไหม?”
ฉีโย่วเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยไม่เชื่อ
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าทำได้”
จู่ ๆ เธอก็คิดได้ว่า ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าเธอคือซีอีโอของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ แม้ว่ากระเป๋าเงินของเธอจะหาไม่พบ เขาก็สามารถช่วยเธอโดยโทรกลับไปที่บริษัทและจัดการทุกอย่างให้สำเร็จได้อยู่แล้ว
เมื่อเธอคิดได้แล้ว เธอก็ใจชื่น พูดด้วยคำพูดหวาน ๆ ว่า “คุณเหยา พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ แม้ว่าคุณจะหากระเป๋าฉันไม่พบ ฉันก็ไปกับคุณอยู่ดี แต่ฉันไม่มีชุดทางการมาด้วยหรอกนะคะ”
เหยาซื่อมองไปที่เธอแล้วเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “เรียบร้อย คุณมีชุดแล้ว”
รถขับมาส่งฉีโย่วและเหยาซื่อที่คฤหาสน์ชานเมือง ที่ประดับด้วยไฟสว่างไสว พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนอกประตูแกะสลัก
ฉีโย่วตกใจมาก เมื่อเหยาซื่อเคลื่อนไหวให้เธอควงแขนของเขา แล้วพวกเขาก็เข้าไปข้างในพร้อมกัน