Chapter 37: เมอรี่คริสมาสต์! -3 (ส่วนที่ 1)
**
“ผม ผมขอโทษนะครับ แต่ว่า....ท่านวิสเคานต์เจนาล! ผม ผมสู้พวกมันไม่ได้หรอก! ท่านก็เห็นอยู่ว่าขาของผมยังไม่ฟื้นตัวดีเลยด้วยซ้ำ!”
บุตรชายคนโตของเคานต์แฮดรอน ไฮส์อ้อนวอนกับเจ้าเมือง ในขณะที่ชี้ไปยังขาที่แสร้งทำอ่อนเปลี้ย ซึ่งมันยังดูปกติดีของเขา”
“ดูสิครับ! ขาของผมยังเป็นแบบนี้อยู่เลย! แล้วท่านยังต้องการให้ผมเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งต่อไปอีกงั้นเหรอ?”
“ฉันได้รับข้อมูลข่าวสารมาว่าท่านไฮส์ได้รับการฝึกฝนวิชาดาบในสถาบันศึกษา ซึ่งตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องใช้กำลังคนทุกด้านเท่าที่มี ได้โปรดให้พวกเรายืมแรงท่านด้วย”
เจ้าเมืองเจนาลตอบกลับและเมินคำพูดของเด็กหนุ่มไปอีกคราหนึ่ง
ยังไงก็ตาม ไฮส์ก็ยังไม่ยอมแพ้และไล่ตามเขาต่อไป “แต่ว่า...!”
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรต่อ เจนาลกระชากคอเสื้อของเขาและพูดขึ้น “ท่านมาที่นี่เพื่อชำระโทษ ท่านไฮส์และท่านต้องทำหน้าที่นี้! นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมปราสาทแห่งการเสียสละถึงยังคงมีอยู่ต่อไปไ...”
แต่แค่นั้นเอง
แสงสีแดงตัดผ่านกำแพงเมืองด้านนอก ทั้งเจนาลและไฮส์ต่างสะดุ้งกันอย่างตกใจและรีบหันกลับไปมองยังต้นกำเนิดของแสง
หลุมขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นตรงกำแพง
เศษซากปรักหักพังของหินและไม้ต่างกระเด็นกระดอนไปทั่วทุกแห่ง ทหารที่อยู่ใกล้เคียงกับกำแพงถูกเป่ากระเด็นลอยขึ้นกลางอากาศ
“อ๊า...”
เจนาลยังไม่ฟื้นตัวกับแรงระเบิด เขารีบสะบัดหัวเพื่อไล่ความมึนงงกับเสียงวิ้งๆในหูของเขาออกไป เขาฝืนตัวเองกลับไปมองยังที่แห่งเดิมและเขาก็ขมวดคิ้วหนักมาก
กำแพงเมืองด้านนอก....ล่มสลายลงแล้ว
-เคี้ยกกก!
เสียงโหยหวนอันน่าหวาดกลัวของเหล่าอันเดทดังขึ้นจากอีกฟากฝั่งของกำแพง
“อั่ก....อ๊า! ผมไม่ได้ยินอะไรเลย! ท่านเจ้าเมือง! ผม....ผมไม่ได้ยินอะไรเลย! ได้โปรด ช่วย ช่วยผมด้วย….!”
ไฮส์เกาะไปที่กางเกงของเจนาล แต่เขาเมินเด็กหนุ่มคนนี้ไปก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เขาพึมพำกับตัวเองในขณะที่มองออกไปด้านนอกกำแพง “...พวกเรา ต้องหยุดมัน…”
ทหารและนักโทษต่างลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากแบบเดียวกันกับเขา พวกเขาต่างสะบัดความมึนงงในหัวของพวกเขาออกไป
“หยุดพวกมันไว้!!”
เจ้าเมืองเจนาลตะโกนเสียงดังก้องออกมา มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขาเริ่มตระหนักได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาต่างกวาดตามองออกไปด้านนอกกำแพงที่พังทลาย
พื้นดินสั่นสะเทือน ฝูงอันเดทนั้นปรากฏตัวออกมาจากหมอกหนา และไม่เหมือนปกติที่มันจะเดินอย่างเชื่องช้า พวกมันกลับวิ่งกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะไล่ล่ากลืนกินสิ่งมีชีวิตแทน
สีหน้าของทหารและนักโทษต่างซีดขาวทันที
“อุว้ากกก?!”
ทันทีที่พวกเขาตั้งสติกลับมาได้ พวกเขากลับตกลงไปสู่ความตื่นตระหนกอีกครั้งหนึ่ง
พวกเขาทุกคนต่างกรีดร้องออกมา พวกเขาไม่กุมหัวตัวเองด้วยความหวาดกลัวก็วิ่งหนีจากไป
ไม่มีใครสักคนที่มีความคิดในการ ‘ต่อสู้กลับ’ เลยสักคน
‘ความหวาดกลัว’ นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกนักโทษ แม้แต่ทหารและอัศวินที่ได้รับการฝึกฝนมายังคงตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
หมอกที่แฝงไว้ด้วยพลังมารออกนั้นลอยเข้ามาทางกำแพงเมืองที่พังลง พร้อมกันนั้นเอง จากด้านบนท้องนภา พระจันทร์สีแดงก็ทอดแสงจันทร์ลงมายังพื้นปฐพีเบื้องล่าง
“พวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่?! หยุด...หยุดพวกมันซะ!”
เจนาลตะโกนออกมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีทหารคนใดอยู่ฟังคำพูดของเขาอีกต่อไป พวกเขากลับยืนตัวแข็งทื่อกันและมองไปที่ฝูงอันเดทอย่างมึนงง
เจ้าเมืองกัดฟันและชักดาบของเขาออกมา ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว พวกอันเดทเหล่านั้นก็จะรุกรานเข้ามาภายในปราสาทได้สำเร็จ ซึ่งมันหมายความว่ามันจะเป็นการตายของประชาชนของเขา
“แม่งเอ้ย แม่ง…! โอ้ เทพีไกอาแห่งความรักและความเมตตา ไกอา! ได้โปรดมอบการคุ้มครองของท่านด้วย!”
แม้ว่าเจนาลจะไม่รู้วิธีใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ตามที เขาก็ยังรู้วิธีใช้พลังมานามาเป็นเวลานานแล้ว
เขาภาวนาต่อเทพีและใช้พลังงานมานาที่หลับซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาหายใจเข้าลึกๆและเดินเข้าไปใกล้กับกำแพงเมืองที่พังลงด้วยตัวของเขาเอง
“....นี่มันทำให้ฉันนึกถึงเกมป้องกันเมืองเลยแหะ”
วิสเคานต์เจนาลสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกิน
‘วาจาจิตวิญญาณ’ นั้นแฝงไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำแพร่กระจายและเข้าสู่หูของทหารและนักโทษที่อยู่รอบข้าง สายตาของพวกเขาต่างจดจ้องไปยังที่จุดจุดเดียว
นักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนก พร้อมกับสวมผ้าคลุมไปด้วย เดินออกมาจากในเงามืด พร้อมกับพลั่วที่พาดไว้บนไหล่ เข้าจองไปที่อันเดทที่กำลังบุกรุกเข้ามา
ระยะห่างระหว่างกำแพงและฝูงอันเดทนั้นเหลือเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น
“บางทีมันคงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับพวกเราที่จะป้องกันพวกมันจากจุดเพียงจุดเดียว แทนที่จะเคลื่อนที่ป้องกันไปรอบๆ”
คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็คืออันเดท พวกมันเป็นสัตว์ป่าที่ไม่รู้จักการใช้หัว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มันถูกกำหนดโดยสัญชาตญาณพื้นฐานของมัน ซึ่งมันทำให้พวกมันต่างพุ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบข้าง
เมื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะฝังพวกมันไว้ในจุดเดียว
นักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนกชี้พลั่วไปที่อันเดทที่กำลังพุ่งเข้าใส่ พวกมันห่างออกไปเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
“โอ้ เทพีไกอา ได้โปรดประทานพละกำลังของท่านเพื่อปกป้องลูกแกะที่น่าสงสารเหล่านี้ด้วย...”
พลั่วของเขาส่องประกายสว่างสไวอออกมา
ระยะห่างมันเหลือเพียงแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น
“[หนองน้ำแห่งความตาย]”
หยดน้ำหล่นลงออกมาจากคมพลั่ว
ห้าเมตร
หยดน้ำเริ่มตกลงมาแพร่กระจายไปทั่วพื้นเบื้องล่าง
สามเมตร
ฝูงอันเดททะยานตัวขึ้น
พวกมันบุกเข้ามาภายในกำแพงเมืองแล้ว
และทันใดนั้นเอง...
หนึ่งเมตร
เพียงแค่หยดน้ำตกกระทบลงพื้น มันส่งเสียงดังฟังชัดออกมา
อันเดททุกตัวที่ก้าวเหยียบลงไปบนหนองน้ำนั้น พวกมันต่างถูกเปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าและสลายหายไป แม้แต่ความมืดมิดที่ปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ก็ได้จางหายไปด้วยเช่นกัน
“...”
เจ้าเมืองเจนาล ไฮส์ นักโทษ ทหาร และฮาร์แมนที่พึ่งจะมาถึงต่างหุบปากเงียบ
หมอกที่แฝงไปด้วยพลังมารก็กระจายหายไป ในสถานที่แห่งนี้ น้ำบริสุทธิ์และสะอาดก็เปียกปอนลงบนพื้น ‘ธารน้ำ’ ก็ถูกสร้างขึ้นจากหยดน้ำที่อยู่ตรงกลาง
อันเดททุกตัวที่เข้ามาภายในกำแพงต่างล้มลงทันทีที่พวกมันก้าวเท้าเหยียบลงไปบนธารน้ำแห่งนี้ ร่างกายของพวกมันที่ถูกเสริมพลังด้วยพลังมารกระตุกตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกหลอมละลาย
-เคี้ยกก!
เจ้าสัตว์ประหลาดต่างกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด
แม้ว่าธารน้ำแห่งนี้จะสูงเพียงแค่เข่าของพวกมัน พวกมันก็ยังกรีดร้องออกมาเหมือนกับว่ากำลังจมลงไปในมหาสมุทรที่ไร้จุดสิ้นสุด
“...นี่มัน?”
วิสเคานต์เจนาลจ้องไปที่ธารน้ำที่ขยายมาจนถึงเท้าของเขา เขาสัมผัสได้ถึงออร่าศักดิ์สิทธิ์จากธารน้ำ หัวที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงของเขาเริ่มที่จะตั้งสติขึ้นมาได้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
เขาเริ่มครุ่นคิด ‘…นี่มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่เจ้าชายได้มอบให้กับพวกเราเลยนี่นา!’
“โอ้ เทพีไกอา…”
เจนาลรีบหันกลับไปมองนักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนก ไม่ใช่สิ เขาหันกลับไปมองเจ้าชายต่างหาก
“ได้โปรดมอบการคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์กับบุคคลที่ปรารถนาที่จะต่อสู้เคียงข้างกับท่านด้วย…”
เจ้าชายหนุ่มหันกลับไปและเหวี่ยงพลั่วของเขาลง
“[คำสาปชั่วร้าย]”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกไปจากปากของเขา ธุลีสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากภายในร่างกายของนักโทษและทหาร
เจนาลอ้าปากค้างกับภาพที่เขาเห็น
เจ้าชายกำลังอวยพรวงกว้างอยู่โดยไม่มีความลังเลใจ นี่คือปาฏิหาริย์ที่นักบวชไม่มีปัญญาจะฝันถึงมัน
‘เขามีพลังศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใดกันแน่..?’
เพียงแค่เจนาลกำลังคิดอยู่กับเรื่องนี้ เจ้าชายตัวเซไปเล็กน้อย เขาปักพลั่วลงไปบนพื้นและใช้มันพยุงตัว เขาขยับหน้ากากของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบขวดน้ำที่โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาดื่ม
‘นี่มัน….เขาใช้พลังงานทั้งหมดไปแล้วงั้นเหรอ?’
วิสเคานต์เจนาลกำหมัดแน่น เขาประทับใจกับความจริงที่เจ้าชายได้ก้าวขึ้นมาปกป้องประชาชนของเขามาก
“นี่มัน....ท่านนักบุญ”
เจนาลสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขารีบหันกลับไปมองยังด้านข้างของเขา ไฮส์ที่ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวพึมพำกับตัวเอง
“เขาเป็นท่านนักบุญจริงๆด้วย...”
เจนาลหันกลับไปมอง
ในครั้งนี้เอง เสียงดังออกมาจากเหล่านักโทษและทหาร
“ท่านนักบวชที่กำจัดแวมไพร์ตนนั้น?”
“เขาเป็นคนที่มอบน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กับฉันละ”
เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยภาพที่เกิดขึ้นนี้เอง ทุกคนต่างเริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกที่พวกเขาพบเจอก่อนหน้านี้ก็ได้หายไป
หัวใจของเจนาลเต้นระรัว เขารู้ดีว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เมื่อความหวาดกลัวของทุกคนหายไป
แต่ว่ายังไง...? แล้วเขาจะทำยังไงดีกันละ?